บทที่ 1630 - เดินทางไปที่มหาทวีปอุดรเทวาพร้อมกับถานท่ายหลิงเยียน

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1630 – เดินทางไปที่มหาทวีปอุดรเทวาพร้อมกับถานท่ายหลิงเยียน

 

ทันทีที่ลูกชายของเธอกลับมาถึงบ้าน ซิงอี้ก็มองเห็นว่าลูกชายของเธอนั้นพาหญิงสาวกลับบ้านมาด้วย 2 คน มือข้างนึงจับมือถานท่าย หยวนในขณะที่อีกข้างหนึ่งจับมืออลู่หยานเธอรู้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น

 

ทุกคนในบ้านไม่ได้คุ้นเคยกับถานท่ายหยวน ดังนั้นพวกเขาจึงเร่งรีบเข้าไปทักทายและแลกเปลี่ยนบทสนทนา เพราะนี่คือสิ่งจําเป็น และเธอจะต้องสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนในตระกูลชิงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ชิงหยู ซิงซูและคนอื่นๆต่างพูดคุยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส

 

ถานท้าย หยวนและ อ สู่หยานพักอยู่ที่ตระกูลชิงเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งแต่ละคนต่างก็ได้รับของขวัญเป็นกําไรข้อมือจากชิงอี้ ก็จะเดินทางกลับไปยังทะเลสาบเชิงเหยียน ในขณะที่ซิงสุ่ยยังคงพักอยู่ที่บ้านต่ออีกเล็กน้อย

 

ชิงสุ่ยไปที่ห้องแม่ของเขาเพราะรู้ว่าแม่ของเขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง และแม้ว่าเธอจะไม่พูดอะไรแต่เขาก็ยังต้องการจะไปเพื่อทําให้เธอสบายใจ

 

เมื่อเห็นชิงสุ่ยปรากฏตัว ชิงอี้ก็ยิ้มแล้วบอกให้เขามานั่งข้างๆ ” ท่านแม่อยากจะพูดอะไรหรือไม่?”

 

ชิงสุ่ยเป็นคนตรงไปตรงมา แม่ของเขาไม่เคยคัดค้านอะไรเฉกเช่นตอนที่หมิงเยวี่ย เก้อโหลวนําอฉางมายังตระกูลชิง ซึ่งเธอก็ปฏิบัติต่ออฉางในฐานะลูกสาวของเธอ ในโลก 9 มหาทวีปแห่งนี้หญิงสาวผู้เป็นแม่ที่มีใจเปิดกว้างเช่นนี้หายากมากที่สุด

 

“ใครบอกว่าแม่มีอะไรจะพูดรึ?”ชิงระเบิดเสียงหัวเราะ

 

“จริงๆแล้ว ต้วนมู่ หลิงฉวง ไม่ใช่ลูกสาวของคู่หยาน” ชิงสุ่ยยิ้ม บางคําไม่ต้องอธิบายให้ชัดเจนแต่แม่ของเขาย่อมล่วงรู้เสมอ

 

“เด็กโง่ เจ้าจะชอบใครก็ตามใจเจ้า ตราบใดที่เจ้ามีความสุขแม่ก็มีความสุขและพร้อมจะสนับสนุนเจ้าเสมอ” ชิงอี้ส่ายหน้า

 

เมื่อเขาออกไปข้างนอก เขาก็พบกับเหวินเหรินอูชวงและชิงที่พาลูกชายและลูกสาวของเธอออกไปเดินเล่น เด็กเล็กทั้งสองมีอายุมากกว่า 2 ขวบแล้วแต่ก็ยังคงต้องการการดูแลจากผู้ใหญ่

 

ท่านพ่อ!!

 

เด็กน้อยมีความสุขที่ได้เห็นพ่อของพวกเธอ ชิงสุ่ยอุ้มลูกของเขาขึ้นมาบนอ้อมแขน

 

2 วันถัดมา ชิงสุ่ยกลับไปยังพระราชวังจอมอสูร ระยะเวลา 1 เดือนมันผ่านไปเพียงแค่ 3 วันชิงสุ่ยจําได้ว่าเขาได้สังหารผู้สืบทอดมรดกแห่งจอมอสูรจากนิกายสาปอสูร

 

และกระบี่ราชันย์อสูรจึงถูกส่งมอบให้กับหลวนหลวน!

 

ชิงสุ่ยคิดถึงเฉินหลิงแต่ดูเหมือนความทรงจําของเขาจะมืดมนไปเล็กน้อย เขาเข้าไปในพระราชวังจอมอสูรซึ่งทันทีที่เขากลับมาเขาก็เดินเข้าไปในสวนเล็กๆแห่งหนึ่ง

ที่นี่คือศาลาขนาดเล็กที่เขามักใช้เวลาอยู่ร่วมกันถานท้าย หลิงเยียน มันมีศาลาที่พักอยู่ 2 แห่งซึ่งอยู่ภายใต้สถานที่เดียวกัน

 

เมื่อเข้าสู่ศาลาเล็กๆที่อยู่ข้างใน เขาเห็นถานท้าย หลิงเยียนกําลังหลับตาและนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้จันทร์สีม่วง

 

แม้ว่าเธอจะได้ยินและรับรู้ว่าชิงสุ่ยเดินทางมาแต่เธอก็ไม่ลืมตาขึ้น

 

“เจ้าต้องการให้อัศวินผู้ลี้ลุกเจ้าหญิงด้วยกันจูบหรือไม่?” ชิงสุ่ยระเบิดเสียงหัวเราะ

 

ถานท้าย หลิงเยียนเปิดตาอันเย็นชาและงดงามของเธอ ”เจ้ากลับมาแล้วหรือ!”

 

รอยยิ้มมันสนุกสนานปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชิงสุ่ย เขาเดินตามหลังเธอและเริ่มนวดไหล่ทั้งสองข้าง จากอาการประหม่าและแข็งที่อก็เริ่มผ่อนคลาย

 

“หลิงเยียน พรุ่งนี้เราจะมุ่งหน้าไปยังมหาทวีปอุดรเทวา!!” ชิงสุ่ยกล่าวขณะที่เขายังคงนวดไหล่ของเธอ

 

“อ้าาา!”

 

ขณะที่มือของเขาบรรจงนวด เธอคบเปล่งเสียงครางอันทรงเสน่ห์ออกมา

 

ถานท้าย หลิงเยียนคิดถึงบางสิ่งบางอย่างและไม่ต้องการให้ชิงสุยนวดอีกต่อไป แต่ภาพที่อยู่ในสมองของเธอนั้นทําให้เธอต้องเบือนหน้าหนี

 

“เยียนเอ๋อ ข้าขอบเจ้า!!”ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขาจับมือทั้งสองของเธอ

 

เขารู้ว่าถานท้าย หลิงเยียนคิดอย่างไรดังนั้นเขาจึงยอมรับหรือยอมเอ่ยปาก อย่างน้อยที่สุดถ้าหากเธอไม่เห็นด้วยหรือเธอเห็นด้วย เธอจะได้พูดออกมาที่ไว้เขาจะต้องรอคอยไปตลอดชีวิตเพื่อให้เธอพูดออกมาเอง

 

ถานท้าย หลิงเยียนถึงกับผงะ แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไร เธอยิ้มให้เขาอย่างหวานชื่นและกล่าวถามว่า “เจ้าชอบอะไรในตัวข้า?”

 

“ข้าเองก็เหมือนกับคนทั่วไป บางครั้งข้าก็คิดถึงเจ้าและอยากกอดเจ้าเอาไปในอ้อมแขนของข้าเมื่อข้านึกถึงใบหน้าที่เติมเต็มไปด้วยความสุขของเจ้า ข้าจึงมุ่งหวังว่าจะทําทุกอย่างให้เจ้ามีความสุขเจ้าคือหญิงที่งามที่สุดและเป็นหญิงที่ทําให้หัวใจของข้ารู้สึกอบอุ่น” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างเชื่องช้าและจริงใจ

 

ถานท้าย หลิงเยียนกระพริบตาและเปิดเผยเห็นรอยยิ้มอันสง่างามที่พร้อมจะปลุกทุกสิ่งมีชีวิตให้สว่างสดใสแม้แต่ดอกไม้ก็ต้องเบ่งบาน

 

“ข้ารู้สึกได้ ข้าปฏิบัติต่อเจ้าดั่งเพื่อนสนิท เมื่อคิดถึงการมีเจ้าอยู่ข้างๆข้ามันทําให้หัวใจของค่าอบอุ่นและถูกเติมเต็มไปด้วยความปรารถนา”ถานท้าย หลิงเยี่ยนจับมือชิงสุ่ยเบาๆ

 

ชิงสุ่ยมีความสุขอย่างมาก การที่ถ้อยคําเหล่านี้จะออกมาจากปากของถานท้าย หลิงเยียนเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก

 

ชิงสุ่ยยิ้มแล้วพยักหน้า “ข้ารู้สึกโชคดีมากเหลือเกิน”

 

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเปิดใจ ถานท้าย หลิงเขียนได้ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่อยากจับมือเธอได้ คงต้องขอบคุณคนที่วางยาพิษเธอ

 

กลุ่มมังกรอหังการได้จากไปแล้วแต่ผลของมันได้ก่อให้เกิดนิกาย 5 พยัคฆ์อมตะ ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าตัวเองนั้นมีพลังห่างไกลจากปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มากเท่าไหร่ แต่เขารู้อย่างเดียวว่าคนที่อยู่ต่ํากว่าระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถต่อกรกับเขาได้นั้นมีเพียงหยิบมือ

 

ถานท่ายหลิงเยียนไม่พูดอะไรต่อ นอกจากเผยรอยยิ้มต่างๆบนใบหน้าที่แสดงให้เห็นถึงความ

 

ชิงสุยดึงมือข้างหนึ่งของเธอแล้วเดินเล่นไปรอบๆลานกว้าง สถานที่แห่งนี้ไม่ได้เล็กเลยมันเต็มไปด้วยเนินเขาเขียวขจีสะพานบ่อน้ํา ที่ไว้พักผ่อนหย่อนใจซึ่งทั้งคู่กําลังเดินเล่นอย่างสบายๆในขณะที่มือของทั้งสองยังคงผูกพันกัน

 

ทั้งคู่รับประทานอาหารร่วมกันจนกระทั่งฟ้ามืด และชิงสุ่ยก็จากไป

 

ในวันถัดมาชิงสุ่ยและถานท้าย หลิงเยียนก็กล่าวคําอําลาซานยูและฮัวรูเหม่ย ซึ่งเมื่อออกจากพระราชวังจอมอสูรไม่นานนัก ชิงสุ่ยก็เปิดใช้งานธงสวรรค์ปัญจธาตุรถไฟปรากฏในถ้ําศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในแดนทะเลน้ําแข็งพร้อมกับถานท่ายหลิงเยี่ยนทันที

 

การปรากฏตัวอย่างฉับพลันของทั้งสองทําให้อีเยเจี้ยนเก้อและมู่หยุน ชิงเฉิงตกใจเล็กน้อย

 

จากนั้นพวกเธอก็มองชิงสุ่ยและถานท่าย หลิงเยียน ความรู้สึกประหลาดที่เกิดจากความหนาวเหน็บแห่งความงามปรากฏขึ้นกับพวกเธอ ในทํานองเดียวกันถานท้าย หลิงเยียนก็ตกใจเมื่อเห็นหญิงสาวโฉมงามทั้งสองคนที่ไม่ได้ลดหลั่นไปกว่าเธอเลย

ชิงสุ่ยระเบิดเสียงหัวเราะ”พวกเราถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ให้ข้าแนะนําพวกเจ้าสัก หน่อยเถิด”

 

ชิงสุ่ยแนะนําทุกคนให้รู้จักกันอย่างรวดเร็ว ซึ่งแน่นอนว่าหญิงสาวทุกคนล้วนแล้วแต่ฉลาดและรับรู้ได้อย่างไรก็ตามมันก็ยังไม่มีอะไรระหว่างมู่หยุน ชิงและชิงสุ่ย