เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 601
ผู้เฝ้าเมืองจางส่ายหน้าพูดว่า “โปรดอภัยที่ฉันความรู้น้อย ฉันเพิ่งเคยเห็นนักบู๊ศักยภาพสีเขียวเป็นครั้งแรก! ท่านหัวหน้าเขตเคยเห็นหรือเปล่า”

หัวหน้าเขตอี้ว์ไม่พูดอะไร แน่นอนว่าเขาเคยเห็น

ตอนที่เขาโดนยับยั้งตำแหน่งหัวหน้าเขต เคยไปที่เมืองหลวงของประเทศอู่อานหนึ่งครั้ง

ตอนนั้นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของเมืองหลวง มีชื่ออันไพเราะว่าสุ่ยเจินหราน เคยทดสอบที่ตำหนักกระดิ่งทองครั้งหนึ่ง เป็นสีเขียว!

แต่สุ่ยเจินหรานเป็นอัจฉริยะไร้เทียมทาน ที่สิบตระกูลใหญ่อย่างตระกูลสุ่ยบ่มเพาะออกมา

ตอนนี้เป็นเป็นผู้คุมหางเสือของตระกูลสุ่ย มีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศอู่อานว่ากระบี่ไร้ความปรานีในใต้หล้า

ศักยภาพของลู่ฝาน สามารถสู้กับเจ้าบ้านตระกูลสุ่ยในตอนนั้นได้อย่างเท่าเทียม

ไม่ว่าจะคิดยังไง หัวหน้าอี้ว์ก็รู้สึกว่ามันดูเป็นไปไม่ได้เท่าไร

บางทีตัวเองควรเปลี่ยนท่าทีกับลู่ฝานแล้ว เขาเคยเจออัจฉริยะมามากมาย แต่อัจฉริยะระดับนี้ เป็นสิ่งที่เจอได้ยากมาก

จู่ๆ หัวหน้าอี้ว์รู้สึกอยากจะช่วยลู่ฝาน แม้ในอนาคตลู่ฝานโดนสำนักผีสางเทวดาจับตามอง เขาก็ต้องหาวิธีปกป้องลู่ฝานให้ได้

เพราะมีโอกาสเป็นไปได้ว่าคนที่เขาปกป้องในวันนี้ หลังผ่านไปสิบกว่าปี จะเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานแห่งยุค

ถึงกระทั่งที่กลายเป็นเซียนบู๊

หัวหน้าอี้ว์สูดหายใจลึก ทำให้ใจเย็นลง มีสิ่งที่คิดไว้ในใจแล้ว

ตอนนี้มีนักบู๊ทดสอบเสร็จแล้วอีกหนึ่งคน

สีส้ม สีส้มที่โหดร้าย ทำให้เขาเงียบไม่พูดอะไรออกมาอยู่นาน

ลงจากเวทีอย่างเงียบๆ และรวดเร็ว ราวกับว่าอยู่ต่อก็อับอาย

อี้ว์เสี้ยวเอ๋อร์มองคนคนนี้แล้วพูดว่า “ฟางเล่อ หอกพิษมังกร เขาก็ไม่ผ่านเหรอ! เหมือนเขาโดนโจมตีเลย”

ลู่ฝานพูดว่า “บางที โจมตีไปบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชิน”

อี้ว์เสี้ยวเอ๋อร์มองลู่ฝานอย่างไม่เข้าใจ “ฟังจากที่นายพูด เหมือนนายโดนโจมตีมาหลายครั้งแล้ว”

ลู่ฝานยิ้มแต่ไม่พูดอะไร ไม่ใช่แค่หลายครั้ง เขาโดนโจมตีมาตลอดช่วงวัยเด็ก

ทั้งสองเดินไปคุยไป ดูสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก

จู่ๆ มีชายคนหนึ่งขวางทางลู่ฝาน คารวะแล้วพูดว่า “พี่ลู่ฝาน ขอถามได้ไหม ตอนนี้วิทยายุทธของพี่เป็นยังไง อายุเท่าไร”

เมื่อช้อนตาขึ้นมอง คนที่ถามคือคนที่โดนปัดตกอย่างชางหลิงจัว

เห็นได้ชัดว่าชางหลิงจัวยังดูเหมือนไม่ยอมรับ สีหน้าแดงเถือก ท่าทางเหมือนให้ตายยังไงก็ต้องรู้ให้ได้

ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบว่า “วิทยายุทธแดนปราณนอกชั้นเจ็ด”

สีหน้าชางหลิงจัววูบไหวเล็กน้อย ท่าทางเหมือนไม่อยากเชื่อ นายแค่แดนปราณนอกชั้นเจ็ด จริงเหรอ งั้นนายทำให้หินเจ็ดสีแตกร้าวได้ยังไง

ลู่ฝานยิ้มไม่ได้ตอบคำถามนี้ ขณะนั้นคนรอบๆ ได้ยินบนสนทนาทางนี้ พากันหูตั้ง

อี้ว์เสี้ยวเอ๋อร์หัวเราะอย่างมีความสุขอยู่ข้างๆ เธอเชื่อว่าลู่ฝานมีวิทยายุทธแดนปราณนอกชั้นเจ็ด แต่ใครจะคิดว่าพลังการต่อสู้ของลู่ฝาน จะอยู่แค่ระดับแดนปราณนอก นั่นเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์

อี้ว์เสี้ยวเอ๋อร์รู้เรื่องที่ลู่ฝานสู้กับอี่ว์ชิงเฉิน

ใช้วิทยายุทธแดนปราณนอก โจมตีนักบู๊แดนปราณดินจนกระเด็น พลังการต่อสู้แข็งแกร่งระดับนี้ เหนือธรรมชาติชัดๆ

ข่าวนี้แพร่ออกไป คนจำนวนมากไม่เชื่อ แต่อี้ว์เสี้ยวเอ๋อร์เชื่อ

ชางหลิงจัวเห็นว่าลู่ฝานไม่มีท่าทีจะตอบคำถามนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย จู่ๆ เขามาถามทักษะการต่อสู้ของคนอื่น ดูบุ่มบ่ามเกินไปจริงๆ

ชางหลิงจัวถามขึ้นมาว่า “งั้นพี่อายุเท่าไร”

ลู่ฝานคิดแล้วพูดว่า “สิบเก้าปีกระมัง”

เมื่อพูดออกมา ทำให้ชางหลิงจัวช็อกไปทันที

คนที่ได้ยินเสียงลู่ฝาน ต่างส่งเสียงตกใจออกมา

“สิบเก้าเหรอ”

ขนาดอี้ว์เสี้ยวเอ๋อร์ยังเอามือปิดปากตัวเอง