บทที่ 749 : การสู้รบที่ไม่ลำบาก!
  เวลานี้เหล่าแวมไพร์ได้มาประชิดหลิงหยุนทั้งทางด้านซ้ายและด้านขวาไม่ถึงสามสิบเซ็นติเมตร
  แม้ว่าหลิงหยุนจะสามารถรับมือกับแวมไพร์ทั้งสามสิบตนที่กำลังบินอยู่บนศรีษะได้แต่ก็ต้องคอยระมัดระวังแวมไพร์ที่พุ่งมาทั้งทางด้านขวาและด้านซ้ายไปด้วย
  ในขณะที่ด้านล่างของหน้าผาที่หลิงหยุนยืนโดดเด่นอยู่นั้นก็มีแวมไพร์ขั้นเคานต์ที่นำผู้ติดตามขั้นไวส์เคานต์จำนวนสามสิบตน แยกกันเป็นสามกลุ่มกลุ่มละสิบตน กำลังบินวนเพื่อทำลายฐานที่มั่นนี้ของหลิงหยุน
  สำหรับพละกำลังของแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์นั้นหากออกแรงสุดก็จะสามารถทำลายหินขนาดสองพันกิโลกรัมแตกได้อย่างง่ายดาย และหากแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ทั้งสิบตนลงมือพร้อมๆกัน ก็จะสามารถยกหินหนักสองหมื่นกิโลกรัมได้ง่ายๆเช่นกัน ทำให้โขดหินที่หลิงหยุนยืนอยู่นั้นสั่นสะเทือนไปหมด!
  หลังจากที่แวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ได้กลายร่างแล้วปีกของมันก็สยายออกกว้างหกถึงแปดเมตร และเพียงแค่แวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์สี่ตนก็เต็มพื้นที่ด้านล่างเกือบหมดแล้ว
  เวลานี้จึงมีแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์เพียงสี่คนที่กำลังทำหน้าที่ทุบทำลายหน้าผาหินอยู่ด้านล่างพวกมันทั้งสี่ตนแยกออกไปประจำตำแหน่งทั้งสี่มุม จากนั้นก็กระพือปีกพาร่างใหญ่ยักษ์ของตนเองบินขึ้นกระแทกกับแผ่นหินอย่างสุดกำลัง
  สภาพของแวมไพร์ทั้งสี่ตนเวลานี้ไม่ต่างจากคนที่กำลังจมลงไปในหลุมน้ำแข็ง และกำลังพยายามใช้มือทั้งสองข้างทุบทำลายก้อนน้ำแข็งหนาที่ปิดพื้นผิวด้านบนไว้พร้อมๆกัน ในขณะที่แวมไพร์ตนอื่นต่างก็บินอยู่ด้านล่างรอคอยให้หน้าผาค่อยๆพังลงมา
  หัวหน้าแวมไพร์ขั้นเคานต์ที่เห็นหลิงหยุนคล้ายจะพลาดท่าจึงรีบสั่งผู้ติดตามของตนเองให้รีบโจมตีหลิงหยุนทันที
  อาจฟังดูเหมือนนาน..แต่ความจริงแล้วทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นภายในเวลาชั่วประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น
  ถึงตอนนี้แวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งหกตน ก็ได้นำแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ที่เหลืออีกสี่สิบตนมาล้อมร่างของหลิงหยุนไว้ กลุ่มหนึ่งโจมตีเหนือศรีษะ ส่วนอีกสองกลุ่มโจมตีด้านซ้ายและขวา ไม่ปล่อยให้หลิงหยุนมีโอกาสใช้ธนูได้เลย ในขณะที่ด้านล่างก็ทำหน้าที่ทุบทำลายหินไปเรื่อยๆ
  การต่อสู้ในครั้งนี้นับว่าเหล่าแวมไพร์สามารถประสานงานร่วมมือกันได้เป็นอย่างดีและทำตามคำสั่งของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสได้อย่างเยี่ยมยอด ทำให้การต่อสู้เป็นไปได้อย่างราบรื่น
  การถ่ายทอดคำสั่งของเหล่าแวมไพร์นั้นด้านบนสุดคือแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสที่จะสั่งการเหล่าแวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งหกตน ส่วนแวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งหกตนก็จะสั่งการต่อไปยังแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ ทำให้สามารถ่ายทอดคำสั่งได้อย่างละเอียดถูกต้อง
  พวกมันไม่มีทีท่าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยทุกคนต่างก็พุ่งเข้าใส่หลิงหยุนราวกับแมงเม่าที่เห็นแสงไฟ..
  “เยี่ยม!”
  แม้ว่าจะถูกเหล่าแวมไพร์ล้อมไว้รอบด้านแต่สีหน้าของหลิงหยุนก็ยังคงสงบนิ่งเช่นเคย ในเมื่อไม่สามารถใช้ธนูได้ หลิงหยุนจึงต้องใช้กระบี่โลหิตแดนใต้ที่อยู่ในมือขวาเวลานี้ และได้ถ่ายเทพลังหยินที่เย็นยะเยือกไว้แล้ว!
  “อย่าอยู่เลย!”
  หลิงหยุนกวัดแกว่งกระบี่ที่อาบไปด้วยพลังเย็นเข้าใส่เหล่าแวมไพร์ที่อยู่กลางอากาศร่างและปีกใหญ่แข็งแกร่งของเหล่าแวมไพร์ถูกกระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนฟันจนขาดกระเด็น และครั้งนี้มีแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ทั้งห้าตนถูกฟัน!
  เสียงกรีดร้องของพวกมันดังขึ้นอีกครั้งและร่างของเหล่าแวมไพร์ที่ถูกกระบี่ฟันก็ร่วงกราวลงสู่พื้นดินทันที
  ไม่เพียงเท่านั้น..เหล่าแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์บางตนก็ถูกกระแสรุนแรงของไอเย็นที่ปลดปล่อยออกจากกระบี่โลหิตแดนใต้กระทบเข้า จนได้รับบาดเจ็บแต่ก็เพียงเล็กน้อย
  สายตาของหลิงหยุนจับจ้องอยู่เหนือศรีษะแต่กลับใช้มังกรพรางร่างเคลื่อนที่ไปทางด้านซ้ายของหน้าผาพร้อมกับปล่อยหมัดปีศาจเถียนกังออกไป หมัดทั้งสองข้างของหลิงหยุนชกเข้าใส่ร่างของแวมไพร์ที่กำลังบินอยู่ทันที จนร่างของพวกมันลอยละลิ่วออกไปไกลถึงยี่สิบกว่าเมตร
  หลังจากที่แวมไพร์ทั้งสองโดนแรงหมัดของหลิงหยุนเข้าลูกตาของพวกมันแทบหลุดออกจากเบ้าด้วยความตกใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าหมัดของหลิงหยุนจะแข็งแกร่ง ทรงพลัง และรวดเร็วถึงเพียงนี้!
  แต่ถึงกระนั้นเพียงแค่หมัดปีศาจเถียนกังอย่างเดียวก็คงจะไม่สามารถทำให้แวมไพร์ทั้งคู่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หากหมัดทั้งสองไม่ถูกชกตรงเข้าที่ขั้วหัวใจของพวกมันทั้งสองอย่างแม่นยำ
  พลังลับหยิน-หยางที่กำลังหมุนอยู่ภายในร่างกายของหลิงหยุนอย่างรวดเร็วนั้นได้ส่งพลังหยินที่เยือกเย็นเข้าสู่ขั้วหัวใจของแวมไพร์ทั้งสองจนกลายเป็นน้ำแข็งในทันที!
  “อ๊าก..”
  แวมไพร์ทั้งสองตนกรีดกร้องออกมาอย่างเจ็บปวดพร้อมกันและปีกของมันก็ค่อยๆขยับช้าลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็ไม่สามารถขยับได้อีก ร่างของพวกมันจึงลอยละลิ่วหล่นลงไปบนพื้นทันที
  “พลังปราณของเฉินไห่คุนกับมิตซุยไม่เลวเลยทีเดียว!ดูเหมือนข้าจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม..”
  หลิงหยุนจัดการสังหารแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ไปอีกสองตนพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา
  นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเฉินไห่คุนนั้นอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-5 ส่วนมิตซุยก็อยู่ในระดับกลางขั้นเซียงเทียน-7 หลิงหยุนดูดพลังปราณของทั้งคู่มาจนหมด หากพลังหยิน-หยางในร่างกายของเขาไม่เพิ่มขึ้น ก็นับว่าแย่มากทีเดียว!
  หลิงหยุนกล้าที่จะอยู่เล่นสนุกกับเหล่าแวมไพร์เป็นร้อยๆไม่ใช่เพราะเขาประมาท แต่เป็นเพราะเมื่อคืนนี้เขารู้สึกว่าตนเองใกล้ที่จะเข้าสู่ขั้นพลังชี่มากแล้ว
  ในขั้นปรับร่างกายนั้นเป็นช่วงของการปรับสภาพร่างกายของผู้บ่มเพาะและกลั่นสสารในร่างกายให้กลายเป็นกำลังภายใน การจะเข้าสู่ขั้นพลังชี่ได้นั้นก็ต้องมีพลังปราณที่เพียงพอเช่นกัน..
  ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมการเข้าสู่ขั้นพลังชี่หลิงหยุนจึงเลือกฝึกวิชาพลังลับหยิน-หยาง เพื่อให้ร่างกายของตนเองสามารถดูดซับเอาพลังชีวิตเข้าไปได้ในปริมาณมาก
  แต่การฝึกฝนวิชาพลังลับหยินหยางในครั้งนั้นกลับทำให้หลิงหยุนได้รับพลังวนหยิน-หยางซึ่งสามารถทำให้จุดตันเถียนของเขาหมุนกลับ และหลังจากได้ดูดเอาพลังปราณจากยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนทั้งสองคนเข้าไป ในที่สุดหลิงหยุนก็เข้าใกล้พลังชี่มากเข้าไปทุกที!
  และเวลานี้ก็เหลืออีกเพียงแค่ครึ่งระดับหลิงหยุนก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นพลังชี่ได้แล้ว!
  เฉินเจี้ยนกุ่ยที่ได้เห็นว่าเพียงแค่หมัดทั้งสองของหลิงหยุนก็สามารถสังหารแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ได้ มันถึงกับหวาดกลัวราวกับเต่าหดหัว..
  “ช่วงเวลาเพียงแค่สั้นๆเหตุใดพลังของมันถึงได้เพิ่มขึ้นมากเช่นนี้!”
  เมื่อครั้งที่เฉินเจี้ยนกุ่ยปะทะกับหลิงหยุนตัวต่อตัวนั้นมันยังอยู่ในขั้นบารอน และกำลังภายในอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-5 ถึงแม้ว่ามันจะพ่ายแพ้ให้แก่หลิงหยุน แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถกลับมาเอาชนะหลิงหยุนได้ แต่เมื่อได้เห็นหลิงหยุนชกแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ทั้งสองถึงตายได้ เฉินเจี้ยนกุ่ยก็ถึงกับตกตะลึง..
  หลิงหยุนไม่กังวลกับพื้นหน้าผาที่กำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเขาถือกระบี่โลหิตแดนใต้กระโดดไปทางด้านขวา พร้อมกับกวาดกระบี่ในมือจากซ้ายไปขวา และร้องตะโกนว่า
  “ไปลงนรกได้แล้ว”
  “หากเจ้าคิดจะทำลายฐานที่มั่นในการต่อสู้ของข้ามันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก!”
  หลิงหยุนร้องบอกเหล่าแวมไพร์ทั้งสิบเอ็ดตนที่อยู่ด้านล่างก้อนหินจากนั้นจึงเรียกยันต์เตโชระดับห้าออกมาปาใส่พวกมันพร้อมกับร้องสั่งยันต์ให้ทำงาน
  ตูม!
  สิ้นเสียงสั่งการของหลิงหยุนยันต์เตโชก็ระเบิดกลายเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ เผาปีกของแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ทั้งสี่ตนที่กำลังทุบทำลายพื้นหน้าผา
  “อ๊าก..”
  และด้วยสัญชาติญาณของแวมไพร์ทันทีที่ลูกไฟลุกโชนขึ้น เหล่าแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ก็ไม่อาจต้านทานได้อีก และมันก็บินหนีไปทันที
  แต่ก็ช้าไป..เพราะปีกของพวกมันทั้งหกตัวถูกไฟจากยันต์เตโชเผาจนไหม้เกรียมเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว และสิ้นใจตายในที่สุด

บทที่ 750 : ล่องหนหายตัว!
  สำหรับเหล่าแวมไพร์แล้วยังจะมีอะไรน่ากลัวกว่าการได้รับบาดเจ็บจากอาวุธที่ทำจากโลหะเงินบริสุทธิ์บ้างเล่า
  และคำตอบก็คือ..ไฟ!
  เพราะเพียงแค่เปลวไฟธรรมดาๆก็เพียงพอที่จะทำให้เหล่าแวมไพร์หวาดกลัวได้แล้ว จึงแทบไม่พูดถึงเปลวไฟที่ร้อนแรงจากยันต์เตโชที่หลิงหยุนปลุกเสก
  เปลวไฟจากยันต์เตโชมีอุณหภูมิร้อนแรงเพียงใดนั้นสามารถดูได้จากก้อนหินที่ถูกสายฝนชะล้างมานาน แต่กลับร้อนระอุขึ้นราวกับหม้อร้อนๆทันทีหลังจากที่โดนเปลวไฟจากยันต์เตโชเข้า
  แม้ว่าค้างคาวแปลงร่างจะสามารถบินได้รวดเร็วกว่าแวมไพร์อย่างน้อยสองเท่าแต่ในขณะเดียวกันก็จะอ่อนแอกว่ามาก ร่างกายก็เล็กกว่า อีกทั้งเขี้ยวเล็บที่แข็งแกร่งก็หายไปด้วย ทำให้ความสามารถในการป้องกันลดลงอย่างมาก มันจึงเพียงแค่แข็งแกร่งกว่าค้างคาวจริงเท่านั้น แล้วเหตุไฉนจะสามารถต้านทานพลังความร้อนจายันต์เตโชได้เล่า
  ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็กระโดดหมุนตัวขึ้นกลางอากาศพร้อมกับเตะแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ทั้งสองตนที่กำลังจะบินหนีไปแล้วจึงค่อยๆลงไปยืนบนโขดหินอย่างมั่นคง!
  เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเมื่อร่างของหลิงหยุนไปยืนโดดเด่นอยู่บนโขดหิน ลูกไฟสีฟ้าที่เกิดจากยันต์เตโชก็ลุกโชติช่วงขึ้น!
  หลิงหยุนเสียบกระบี่โลหิตแดนใต้ไว้ที่หน้าผาจากนั้นจึงเรียกคันธนูทองและลูกธนูเงินออกมาเตรียมพร้อม..
  “เจ้าหนีไม่รอดหรอก!”
  หลิงหยุนน้าวสายธนูและพุ่งเป้าไปที่แวมไพร์ขั้นเคานต์พร้อมกับยิงออกไปทันที!
  สายธนูสั่นกระเพื่อมอย่างรุนแรงและเสียงลูกธนูเงินก็ดังฟิ้วพร้อมกับพุ่งออกจากสายธนูอย่างรวดเร็ว แม้แต่หลิงหยุนเองก็ยังไม่สามารถมองตามลูกธนูได้ทัน และลูกธนูเงินที่พุ่งออกไปก็ตรงดิ่งเข้าใส่ศรีษะของแวมไพร์ขั้นเคานต์ทันที!
  ยันต์เตโชระดับห้ายังไม่ทันดับลูกธนูเงินก็พุ่งออกไปต่อ ผลที่ได้จึงมีเพียงแค่ความตายเท่านั้น!
  “อ๊าก..”
  ลูกธนูทำจากเงินทั้งดอกยาวหนึ่งเมตรครึ่งพุ่งเข้าใส่ศรีษะแวมไพร์ขั้นเคานต์จนทะลุกะโหลกเหลือเพียงหางธนูโผล่ออกมาไม่ถึงยี่สิบเซนติเมตร และร่างของพวกมันก็ร่วงลงสู่พื้นด้านล่างหน้าผาทันที!
  สิ่งที่น่าทึ่งอย่างมากของลูกธนูที่หลิงหยุนยิงออกไปก็คือความเร็วของลูกธนูและระยะในการยิงที่ค่อนข้างไกลมาก!
  ความเร็วของลูกธนูที่หลิงหยุนยิงนั้นอาจไม่สามารถพูดได้ว่าเร็วกว่าความเร็วเสียง แต่ก็ใกล้เคียง!
  เพราะลูกธนูเงินในคันธนูทองของหลิงหยุนนั้นเมื่อพุ่งออกไปแล้วความเร็วของมันจะเร็วกว่าลูกกระสุนปืนธรรมดาๆเสียอีก!
  ยันต์เตโชระดับห้าของหลิงหยุนนั้นใช้เวลาในการเผาไหม้ราวหนึ่งนาทีภายใต้แสงไฟที่ร้อนรุ่มนี้ เหล่าแวมไพร์ก็ได้สลายตัวพร้อมกับบินหนีออกไปอยู่ห่างๆ และเวลาเพียงหนึ่งนาทีนี้ ก็เพียงพอที่จะให้หลิงหยุนทำอะไรได้มากมายหลายสิ่งหลายอย่าง!
  แต่ความจริงแล้วสิ่งที่หลิงหยุนทำก็มีเพียงการน้าวสายธนูแล้วยิงออกไปเท่านั้นเอง!
  “เพียร์ซ..เจ้าออกมาจากถ้ำได้แล้ว!”
  ร่างใหญ่ยักษ์ของเพียร์ซกระโดดออกมาจากถ้ำพร้อมกับบินตรงไปหาหลิงหยุนตามคำสั่ง
  หลิงหยุนกระโดดขึ้นไปยืนบนหลังของเพียร์ซและบินขึ้นไปอยู่เหนือปากถ้ำพร้อมกับเรียกยันต์เตโชออกมาใช้อีกครั้ง
  ทันทีที่สิ้นเสียงสั่งยันต์ก็ปรากฏลูกไฟสีฟ้าขึ้นทันที..
  หลิงหยุนตั้งใจจะใช้ยันต์เตโชนี้จัดการกับเหล่าแวมไพร์ที่ใช้การล่องหนพลางตัวเข้าไปจับเกาเฉินเฉิน
  “เฉินเฉิน..คุณถอยเข้าไปในถ้ำให้ลึกที่สุด! เหล่ากุ่ยเองท่านทำหน้าที่คอยป้องกันเหล่าแวมไพร์ที่จะบุกเข้าไปในถ้ำ ส่วนเพียร์ซ.. เจ้าบินไปฝั่งตรงข้ามกับหน้าผาเดี๋ยวนี้!”
  หลิงหยุนร้องสั่งทั้งเกาเฉินเฉินเหล่ากุ่ย และเพียร์ซแล้ว เขาก็ทำการเปิดจิตหยั่งรู้สำรวจไปทั่วบริเวณในรัศมีหนึ่งร้อยเมตร จากนั้นจึงจัดการยิงลูกธนูที่อาบด้วยพลังเย็นออกไปใส่แวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์อีกเจ็ดถึงแปดตนที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า!
  หลังจากนั้นเพียงประเดี๋ยวเดียวลูกธนูเงินก็ปรากฏขึ้นในมือของหลิงหยุนอีกครั้ง และจิตหยั่งรู้ของเขาก็จับแวมไพร์ขั้นเคานต์ที่กำลังบินเข้ามาทางด้านหลังได้ หลิงหยุนยิ้มเย็นยะเยือกก่อนจะยิงลูกธนูออกไป!
  “อ๊าก..”
  ลูกธนูเงินในมือของหลิงหยุนพุ่งเข้าใส่ศรีษะของแวมไพร์ตนนั้นและตรึงร่างของมันไว้กับหน้าผาทันที!
  “ยังมีอีกหนึ่งตนอยู่ด้านหลังต้นไม้!”
  ลูกธนูสีเงินของหลิงหยุนพุ่งเข้าทะลุลำต้นของต้นไม้เสียบเข้ากับร่างของแวมไพร์ที่กลายร่างเป็นค้างคาวและกำลังจะแอบบินเข้าไปในถ้ำบนหน้าผา!
  หลิงหยุนเริ่มใช้จิตหยั่งรู้สำรวจต่อไปอีกแต่ก็ไม่พบแวมไพร์ขั้นเคานตีอกสามตนเลย เขาจึงร้องถามเพียร์ซว่า
  “มีแวมไพร์ขั้นเคานต์อยู่หกตนไม่ใช่รึแล้วอีกสามหายไปใหน?”
  เพียร์ซตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม“ลูกพี่.. แวมไพร์มีสามารถพลางตัว และหายตัวได้..”
  “ห๊ะ!”
  หลิงหยุนถึงกับอึ้งไปและได้แต่คิดในใจว่าเหตุใดเพียร์ซจึงไม่บอกเรื่องนี้กับเขาตั้งแต่เนิ่นๆ หลิงหยุนจึงรีบเดินพลังลับหยิน-หยางขั้นสุดเพื่อใช้เนตรหยินหยาง และรีบมองไปยังปากถ้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทันที!
  แวมไพร์ขั้นเคานต์ได้หายตัวและบินหนีออกจากเปลวไฟที่เกิดจากยันต์เตโช แล้วค่อยๆขยับตัวไปไปยังปากถ้ำที่เกาเฉินเฉินซ่อนตัวอยู่
  การที่แวมไพร์ล่องหนหายตัวหรือแปลงเป็นค้างคาวได้นั้น ทุกอย่างล้วนต้องใช้เลือดเป็นสื่อนำ และก็ต้องใช้เลือดจำนวนมากด้วย แต่ถึงกระนั้นเนตรหยิน-หยางของหลิงหยุนก็สามารถมองเห็นพวกมันได้อย่างชัดเจน และแวมไพร์ขั้นเคานต์ที่ซ่อนอยู่ทางทิศใต้นั้น ดูเหมือนจะตื่นเต้นจนตัวสั่น!
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับน้าวสายธนูครั้งนี้เขาได้ถ่ายเทพลังหยางลงไปที่ลูกธนูอย่างเต็มที่ และจัดการปล่อยสายธนูทันที!
  แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ไม่สามารถถ่ายเทพลังหยางในร่างกายลงไปทั้งหมดได้เพราะลูกธนูที่ทำจากเงินนั้น สามารถหลอมละลายได้ที่อุณหภูมิ 960 องศาเซลเซียส และหากหลิงหยุนถ่ายเทพลังหยางในร่างกายทั้งหมดลงไปลูกธนูดอกนี้ เขาก็เกรงว่ามันจะหลอมละลายได้!
  ทันทีที่ถูกลูกธนูของหลิงหยุนเข้าไปร่างของแวมไพร์ขั้นเคานต์ก็ร้องโหยหวนออกมาอย่างเจ็บปวด และร่างของมันก็ถูกลูกธนูเงินตรึงไว้ที่ปากถ้ำ แล้วค่อยๆถูกพลังหยางเผาไหม้ และตายอย่างเจ็บปวดทรมาน
  ด้วยพลังของเนตรหยิน-หยาง..หลิงหยุนเหลือบไปเห็นแวมไพร์ขั้นเคานต์อีกสองตัวที่เกาะอยู่บนหน้าผา
  “เร็วเข้า..รีบบินหนีเร็วเข้า! การล่องหนไม่สามารถพรางตามันได้..”
  และในเวลานี้..แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสที่บัญชาการอยู่ด้านบนนั้น ก็รีบร้องตะโกนบอกแวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสองตนให้บินหนีไปทันที!
  “สายไปแล้ว..”
  ฟิ้ว!
  ลูกธนูเงินทั้งสองดอกถูกยิงออกไปพร้อมกันดอกหนึ่งพุ่งไปทางซ้าย ส่วนอีกหนึ่งดอกพุ่งไปทางขวา และแวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสองตนก็ถูกยิงตายในทันที!
  “พวกเจ้าที่เหลือคิดจะหนีงั้นรึ!”
  หลิงหยุนเรียกลูกธนูหัวเงินออกมาเตรียมยิงใส่แวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ที่เหลืออีกยี่สิบตนลูกธนูสามดอกถูกยิงออกไปพร้อมๆกัน และทุกครั้งที่หลิงหยุนน้าวสายธนูและปล่อยออกไป ก็จะมีเสียงกรีดร้องของแวมไพร์สามตนดังขึ้นพร้อมกันทันที
  เหล่าแวมไพร์ที่เหลือเห็นท่าไม่ดีจึงรีบแปลงร่างเป็นค้างคาวตัวเล็กและเตรียมบินหนีไป..
  “น่าสนใจทีเดียว!”
  หลิงหยุนไม่ประหลาดใจ..เขาสั่งให้เพียร์ซหยุดบินพร้อมกับยิ้มอย่างสงบ และรอจนกระทั่งเหล่าค้างคาวบินหนีขึ้นฟ้าไปสูงยี่สิบเมตร หลิงหยุนจึงจัดการซัดเข็มเงินที่เขาได้ถ่ายเทพลังหยินเข้าไปใส่เหล่าค้างคาวตัวน้อยเหล่านั้น
  เข็มเงินเหล่านี้เป็นของขวัญที่หลิงหยุนได้รับในวันที่เปิดคลินิกเพื่อให้เขาใช้สำหรับช่วยชีวิตคนและหลิงหยุนก็นำมันมาใช้สังหารเหล่าแวมไพร์แทน!
  แต่ผลที่ได้ก็นับว่าไม่เลวนัก..เพราะเวลานี้เสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณ และเลือดก็ไหลหยดลงมาจากท้องฟ้าราวกับฝน!
  แวมไพร์มากกว่ายี่สิบตนถูกเข็มเงินของหลิงหยุนเข้าไปได้แต่ร้องครวญครางพร้อมกับตกลงไปตายที่พื้น
  “พระเจ้า..ใครก็ได้ช่วยบอกข้าทีว่ามันเป็นแวมไพร์สายพันธุ์ใดกันแน่ เหตุใดจึงไม่กลัวไฟ?!”
  เมื่อได้เห็นหลิงหยุนและเพียร์ซสังหารแวมไพร์ขั้นเคานต์และขั้นไวส์เคานต์ของตนเองไป แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสก็ไม่อาจทนหยิ่งผยองต่อไปได้อีก และได้แต่ร้องตะโกนถามออกมาราวกับคนคลุ้มคลั่ง!