บทที่ 1842+1843

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1842 ดินแดนเบื้องบน

ด้วยเหตุนี้ หยกนภาจึงหุบปาก แล้วรอคอยเป็นเพื่อนนาง

บางทีอาจเป็นเพราะตอนนี้ในใจของนางมีสิ่งที่ต้องเฝ้ารอแล้ว หยกนภาจึงสัมผัสได้ว่าหิมะที่แช่แข็งโลกภายนอกมีทีท่าว่าจะละลายแล้ว…

‘เจ้านาย ทำไมท่านถึงหมกมุ่นกับดินแดนเบื้องบนขนาดนี้ล่ะ? อันที่จริงแล้วดินแดนเบื้องบนก็ยังไม่แน่ว่าจะดีสู้โลกนี้ของเราได้…’

กู้ซีจิ่วส่ายหน้านิดๆ “ไม่รู้”

เธอหมกมุ่นกับดินแดนเบื้องบนจริงๆ รู้สึกอยู่เสมอว่าดินแดนเบื้องบนมีสิ่งที่ต้องการตามหาอยู่

วาจาหนึ่งแว่วขึ้นมาในสมองอย่างเลื่อนลอย ‘เรื่องของข้ายังไม่แน่ว่าจะสิ้นหวัง…ต่อให้ข้าดับขันธ์ไปก็ไม่แน่ว่าจะสูญหายไปตลอดกาล บางทีอาจเป็นเพียงการขึ้นสู่ดินแดนเบื้องบนก็ได้…’

เธอหลับตาลงนิดๆ เธอไม่รู้ว่าวาจานี้ผุดออกมาจากไหน และยิ่งไม่รู้เลยว่าผู้เอ่ยคือใคร แต่เธอสัมผัสได้รางๆ ว่าผู้ที่กล่าวประโยคนี้สำคัญกับเธออย่างยิ่ง!

เพียงน่าเสียดายที่เธอลืมเลือนเขาไปแล้ว…

สมควรจะเป็น ‘เขา’ ไม่ใช่ ‘นาง’ กู้ซีจิ่วรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่พวกรักร่วมเพศ

และเธอได้สอบถามคนรอบตัวดูแล้ว ไม่มีเลยสักคนที่ทราบว่ามีคนเช่นนี้อยู่ด้วย…

มู่เฟิงคิดมาตลอดว่าเธออยู่ในแดนต้องห้ามนานเกินไป จึงมีผลกระทบตามมา เกิดภาพหลอนเช่นนี้ขึ้น…

อันที่จริงแม้กระทั่งตัวเธอเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน

แต่ตัวเธอในตอนนี้คล้ายผู้ป่วยโรคซึมเศร้า จิตใจตายด้าน แต่ ‘คนในภาพหลอน’ ผู้นี้ทำให้จิตใจที่เงียบเหงาของเธอมีความมุ่งมาด มีความปรารถนาเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย

หยกนภาส่งเสียงเจื้อยแจ้วขึ้นมาอยู่ตรงนั้นเนืองๆ พูดคุยกับเธอ

กู้ซีจิ่งฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ไม่ได้ตอบกลับอะไร

หยกนภามองนางอย่างกลัดกลุ้ม เมื่อก่อนกู้ซีจิ่วก็เย็นชาเช่นกัน แต่ว่ามีชีวิตชีวา มักจะพูดคุยยิ้มหัวกับมันอยู่บ่อยๆ แถมบางครั้งยังปรับทุกข์กับมันอย่างระมัดระวัง กลั่นแกล้งหยอกล้ออะไรทำนองนั้น

ตอนนี้ไม่ว่ามันจะพูดมากเพียงใด นางก็ไม่ตอบรับเป็นเวลาสามสี่วันได้

ราวกับมันพูดคุยกับอากาศ ทำให้มันสิ้นหวังยิ่ง…แต่ก็ไม่อาจหยุดพูดได้

เจ้านายไม่พูดไม่จามาเนิ่นนานปานนี้ ถ้ามันไม่คุยกับนางอีก นางคงจะหงอยเหงากว่าเดิม หากว่ากลายเป็นใบ้ไปเสียจะทำอย่างไรเล่า?!

มันกำลังหาหัวข้อมาสนทนาอยู่ตรงนั้น จู่ๆ กู้ซีจิ่วที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นปานรูปสลักน้ำแข็งมาโดยตลอดก็เคลื่อนไหวแล้ว!

เรือนกายไหววูบ พุ่งเข้าหาแสงใต้สายหนึ่งในทันใด!

หยกนภารู้สึกเพียงว่าเบื้องหน้าพลันพร่าเลือนไป มีแสงเจิดจ้าส่องวาบขึ้นมา ยามที่ปฏิกิริยาตอบสนองของมันกลับคืนมาอีกครั้ง กู้ซีจิ่วก็ยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่แล้ว!

ต้นไม้ใหญ่นั้นแดงฉานดุจเพลิง ใบดั่งหัตถ์อรหันต์ สูงเสียดเมฆ มองแวบเดียวไม่อาจเห็นปลายยอดได้

นี่คือพฤกษาเชื่อมสวรรค์ในตำนาน!

เจ้านายหาพบแล้วจริงๆ!

เมื่อครู่นี้ในขณะที่พุ่งเข้าหาเธอได้ร่ายเวทวิชาไปด้วย ทำลายเขตแดนนั้นที่ห่อหุ้มต้นไม้ใหญ่เอาไว้ ถึงสามารถเข้ามาได้อย่างราบรื่น

หยกนภารู้สึกยินดียิ่งนักที่ก่อนหน้านี้ตนสวมอยู่บนข้อมือของนางตลอด มิเช่นนั้นคงถูกทิ้งไว้ด้านนอกไปแล้ว!

แสงใต้เหล่านี้ล้วนโผล่ออกมาแวบเดียว ใครจะสังเกตเห็นเล่าว่าด้านในมีต้นไม้อยู่?

มิน่าล่ะตอนที่ตี้ฝูอียังอยู่ จึงหาที่นี่ไม่เคยพบเลย…

เมื่อมองดูกู้ซีจิ่วอีกครั้ง ในที่สุดนัยน์ตาของนางก็ส่องประกายเล็กน้อยแล้ว มองขึ้นไปด้านบนแวบหนึ่ง หมายจะเหินทะยานขึ้นไป หยกนภารีบเอ่ยขึ้นทันที ‘เจ้านาย หลังจากย่ำลงบนต้นไม้แล้วไม่อาจออกห่างมันได้อีก ไม่อาจใช้วิชาย่างก้าวเมฆาเหินได้ ทำได้เพียงใช้มือเท้าปีนป่ายมันขึ้นไป…มิเช่นพอท่านกระโจนก็จะหลุดจากมันไปเลย…’

“ได้” หนนี้กู้ซีจิ่วตอบรับคำหนึ่ง เริ่มใช้มือเท้าประสานกัน ปีนป่ายขึ้นไป

ต้นไม้นี้สูงอย่างยิ่ง อีกทั้งทำได้เพียงปีนป่ายขึ้นไปแบบธรรมดา บางครั้งระหว่างที่อยู่บนต้นไม้ยังมีสัตว์ร้ายกระโจนออกมาจู่โจมด้วย…

โชคดีที่ยามนี้วรยุทธ์ของกู้ซีจิ่วสูงส่งยิ่งนัก ถึงแม้ความดุร้ายของสัตว์ร้ายเหล่านั้นจะทัดเทียมกับสัตว์ร้ายขั้นแปด แต่ก็ยังถูกกู้ซีจิ่วถีบตกลงไปจากต้นไม้อย่างรวดเร็วยิ่งนักอยู่ดี

——————————————————————–

บทที่ 1843 ดินแดนเบื้องบน 2

ยิ่งปีนก็ยิ่งอันตรายขึ้นเรื่อยๆ สัตว์ร้ายก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ต้นไม้ใหญ่ใต้ฝ่าเท้าก็มักจะปรากฏกับดักกลืนกินคนขึ้นอยู่เสมอ

หยกนภามองทั้งหมดอย่างขวัญหนีดีฝ่อ อดไม่ได้ที่จะร้องอุทานอยู่ในใจ

สถานที่แห่งนี้ฝ่าไปได้ยากจริงๆ!

ต่อให้มีคนหลงเข้ามาถึงที่นี่ เกรงว่าปีนขึ้นไปยังไม่ถึงยอดก็คงถูกสัตว์ร้ายเหล่านี้ฉีกกระชากเสีย ถูกกับดักเขมือบกลืนเสียแล้ว!

โชคดีที่เป็นเจ้านายของมัน เส้นทางสายนี้ คงจะมีเพียงเจ้านายของมันเท่านั้นที่สามารถผ่านไปได้…

ปีนป่ายอยู่เช่นนี้ถึงหนึ่งวันเต็มๆ ในที่สุดก็มาถึงยอดไม้แล้ว

ที่นี่กู้ซีจิ่วได้ต่อสู้กับวิหคห้าสีตัวหนึ่งที่หยิ่งผยองหมิ่นแคลนมนุษย์ยิ่งนักอีกครั้ง ยามที่วิหคตัวนั้นเห็นเธอมันก็เชิดศีรษะสูงยิ่งกว่าฟ้าเสียอีก จมูกล้วนชี้ขึ้นไปบนฟ้าหมดแล้ว สบประมาทเธอ ให้เธอรีบไสหัวลงจากต้นไม้ไปซะ มิเช่นนั้นจะกลายเป็นอาหารแก่มัน…

เอ่ยวาจาสบประมาทยังไม่ทันจบ กู้ซีจิ่วก็ลงมือกับมันแล้ว!

หนึ่งชั่วยามผ่านไป บนแขนของกู้ซีจิ่วถูกมันจิกเป็นแผลเลือดอาบสองรู ทว่าหางของวิหคห้าสีกลับถูกกู้ซีจิ่วถอนจนแทบเตียนแล้ว!

ในท้ายที่สุด กระบี่ล้ำค่าในมือกู้ซีจิ่วก็ทาบลงบนลำคอของมัน ตวัดเพียงนิดก็ทำให้มันหลั่งโลหิตได้

วิหคห้าสียอมศิโรราบให้แก่อำนาจ ยินยอมพาเธอขึ้นไปยังดินแดนเบื้องบน…

ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงขึ้นขี่หลังวิหค ไม่ทราบเช่นกันว่าวิหคตัวนั้นเหยียบถูกกลไกอันใดบนต้นไม้ใหญ่เขา จึงปรากฏหนทางที่ปูด้วยเมฆาห้าสีสายหนึ่งขึ้น วิหคตัวนั้นแบกเธอแล้วโผบินขึ้นสู่ด้านบนตามเส้นทางเมฆา…

หยกนภามองเมฆสองข้างทางที่เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ยังคงกังวลอยู่บ้าง ‘เจ้านาย เจ้านกตัวนี้ไว้ใจได้แน่หรือ? พอพวกเราขึ้นไปแล้ว ตอนลงมาอีกครั้งจะทำยังไงล่ะ? หรือว่าต้องขี่มันอีก?’

‘ขึ้นไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน’ กู้ซีจิ่วตอบกลับเพียงไม่กี่คำ

‘แบบนั้นไม่ได้นะ พวกเรายังต้องนึกถึงขากลับด้วย อย่างไรเสียท่านก็อยู่ที่นั่นได้แค่ครึ่งปีเท่านั้น ยังต้องกลับลงไปอีก…’

‘ผู้ใดกำหนดว่าข้าสามารถรั้งอยู่ได้เพียงครึ่งปี?’ น้ำเสียงกู้ซีจิ่วเยียบเย็นลง

‘ละ…ลิขิตสวรรค์’

กู้ซีจิ่วไม่พูดอะไรอีก เพียงมุ่นคิ้วนิดๆ เธอเห็นสวรรค์เป็นแค่มูลอาจมเท่านั้นแหละ!

เรื่องที่เธอกระทำในหนึ่งปีมานี้ล้วนเป็นการต่อต้านขัดขืนลิตสวรรค์ทั้งสิ้น คิดจะใช้สวรรค์สร้างความสำราญให้เธอ ผลคือเสียงจู้จี้ที่มักจะแว่วขึ้นริมหูเธออยู่เสมอกลับไม่โผล่มานานแล้ว…

เธออยากรู้จริงๆ ว่าสรุปแล้วดินแดนเบื้องบนแห่งนี้เป็นสถานที่เช่นใดกันแน่

ในความคิดของเธอ ดินแดนเบื้องบนน่าจะเป็นดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่ง และจากความรู้ที่เธอเคยศึกษามา ดาวเคราะห์ที่เหมาะสำหรับให้มนุษย์อยู่อาศัย และอยู่ใกล้กับดาวโลกมากที่สุด ก็ยังห่างออกไปหลายปีแสง…

ระยะทางหลายปีแสงนี้ไม่อาจเดินทางข้ามไปได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ

สายตาของกู้ซีจิ่วร่อนลงบนทางเมฆาห้าสี เส้นทางนี้เสมือนสายรุ้ง ทอดไปสู่ส่วนลึกของท้องนภา และบนเส้นทางเมฆาสายนี้ก็มีน้ำวนโผล่ขึ้นเป็นระยะๆ วิหคห้าสีจะบินเข้าสู่น้ำวน หลังจากนั้นก็หายวับไปในนั้น ไปโผล่ยังมิติอื่นต่อไป…

และมิติเหล่านี้บ้างก็มีเพลิงลุกโหม บ้างก็มีไอดำปกคลุมแผ่นฟ้า บ้างก็มีสะเก็ดหินบินว่อน เพียงแต่เธอยังไม่หันได้มองทิวทัศน์เหล่านั้นให้ชัดเจน วิหคห้าสีก็พาเธอมุดเข้าสู่น้ำวนอื่นแล้ว…

เธอใจเต้นแวบหนึ่ง หรือว่านี่จะเป็นอุโมงค์มิติที่เล่าขานกัน?

หลังจากวิหคห้าสีมุดผ่านน้ำวนเช่นนี้ไปแปดสิบแห่ง ในม่านเมฆาเบื้องหน้าก็ปรากฏอาคารสิ่งปลูกสร้างที่เรียงรายกันขึ้นมาแล้ว

แสงทองส่องอร่าม ไอมงคลเรืองรองนับพันสาย

วิหคห้าสีหุบปีก ร่อนลงไป

….

‘ที่แท้ที่นี่ก็คือดินแดนเบื้องบน!’ หยกนภากระซิบกระซาบขึ้นริมหูของกู้ซีจิ่ว ‘มีภาพลักษณ์ของสรวงสวรรค์ในเทวตำนานอยู่นิดหน่อย เพียงแต่ นอกจากไอเมฆามากกว่านิดหน่อย พลังวิญญาณหนาแน่นกว่าเล็กน้อยแล้ว ที่เหลือก็ไม่ต่างกับโลกเบื้องล่างของพวกเรามากเท่าไหร่นี่’

กู้ซีจิ่วไม่พูดอะไร วิหคห้าสีแบกเธอร่อนลงสู่ลานจัตุรัสขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง จัตุรัสใหญ่แห่งนั้นก็ก่อสร้างอย่างวิจิตรงดงามเช่นกัน

————————————————-