ตอนที่ 360 ไม่ยินยอมจะยอมรับ / ตอนที่ 361 บทลงโทษเล็กๆ ครั้งเดียว

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 360 ไม่ยินยอมจะยอมรับ

 

 

           เขายื่นมือไปกอดเจียงมู่เฉินเอาไว้ ค่อยๆ ปลอบโยนเจียงมู่เฉินทีละนิดๆ “ไม่ไปแล้ว วางใจเถอะ ผมจะไม่ไปไหน”

 

 

           ไม่รู้ว่าการปลอบโยนของซือเหยี่ยนได้ผลหรือเปล่า อารมณ์ของเจียงมู่เฉินค่อยๆ สงบลง

 

 

           มือเขาที่โอบกอดซือเหยี่ยนไว้ค่อยๆ คลายลง คนทั้งคนเข้าสู่นิทราอีกครั้ง

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเจียงมู่เฉินอาการสงบลง ถึงได้ดึงมือเขาที่พันรอบคอตัวเองออก

 

 

           เจียงมู่เฉินหางตาแดงเล็กน้อย ดูๆ ไปแล้วช่างน่าสงสารไม่เบา ไม่ค่อยเหมือนในยามปกติที่อยู่ต่อหน้าสาธารณะแบบนั้นเลย

 

 

           เขาวางเจียงมู่เฉินให้นอนราบ แล้วดึงผ้าห่มมาปิดให้เขา

 

 

           ทุกกิริยาการกระทำนี้ระมัดระวังสุดๆ กลัวจะรบกวนเจียงมู่เฉิน

 

 

           ซือเหยี่ยนนั่งนิ่งๆ อยู่ข้างๆ ก้มหน้าไม่ละสายตาไปจากเจียงมู่เฉิน ตั้งแต่คิ้วจนถึงริมฝีปาก ไม่มีส่วนไหนที่จะมองแค่ผ่านๆ

 

 

           ราวกับมองได้ไม่พออย่างไรอย่างนั้น เขาจ้องมองเข้าไปลึกๆ

 

 

           เขามองดูริมฝีปากที่แดงฉ่ำเพราะจูบเมื่อครู่นี้ ก็ยิ้มแล้วยิ้มอีก ก่อนจะโน้มตัวลงไปประกบจูบ

 

 

           เสียงถอนหายใจอันเลือนรางปลิวพลิ้วไหวอยู่ในห้อง

 

 

           หาได้ยากนักที่ซือเหยี่ยนจะได้ตักตวงความสุขในช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเจียงมู่เฉินกันตามลำพัง ตอนนี้พวกเขาอยู่ในอาณาเขตของฟู่เหยี่ยน ต้องทำอย่างไรถึงจะพาเจียงมู่เฉินออกไปจากที่นี่ได้

 

 

           จะพาเจียงมู่เฉินไปจากเงื้อมมือของฟู่เหยี่ยน นี่มันยากเกินไปในความเป็นจริงแล้ว อีกอย่างตามนิสัยของฟู่เหยี่ยน ครั้งนี้ที่พาเจียงมู่เฉินมาก็คงจะไม่ยอมปล่อยเจียงมู่เฉินไปอย่างง่ายดายได้

 

 

           คิดได้เช่นนี้ เขายังต้องคิดหาแผนการอันรอบคอบ ถึงจะพาเจียงมู่เฉินไปได้

 

 

           ถึงอย่างไรคนก็อยู่ต่อหน้าฟู่เหยี่ยน รับประกันความปลอดภัยใดใดไม่ได้

 

 

           ……

 

 

           นอนหลับมาทั้งช่วงบ่าย ในที่สุดเจียงมู่เฉินก็รู้สึกตัวตื่นสักที เขาค่อยๆ เรียกสติให้ตื่น แล้วลืมตามอง

 

 

           ในห้องไม่มีใคร มีเพียงแค่เขาคนเดียว

 

 

           เจียงมู่เฉินอดจะเอามือขึ้นมาลูบสัมผัสริมฝีปากของตัวเองไม่ได้ เขาจำได้ว่าเหมือนตัวเองกำลังฝันไป

 

 

           ฝันเห็นซือเหยี่ยน

 

 

           เขาในความฝันเป็นฝ่ายโผเข้าหาบังคับจูบซือเหยี่ยนเอง

 

 

           เจียงมู่เฉินกดที่ขมับ น่าจะมีเพียงแค่ในความฝันเท่านั้น เขาถึงกล้าทำเรื่องอย่างนี้ได้มั้ง

 

 

           ‘ถึงกล้าเผชิญหน้ากับหัวใจของตัวเอง’

 

 

           เจียงมู่เฉินหัวเราะอย่างจนใจ เขาหนีไม่พ้นจากโลกของซือเหยี่ยนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

 

 

           ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยยินยอมจะยอมรับก็ตาม

 

 

           ผ่อนคลายลงไปไม่กี่นาที เจียงมู่เฉินก็ดึงเปิดผ้าห่มออกลงจากเตียงไป แล้วผ่านประตูมุ่งหน้าเดินลงไปชั้นหนึ่ง

 

 

           ในปราสาทเงียบงันเหมือนไม่มีคน เจียงมู่เฉินขมวดคิ้ว หรือว่าพวกซือเหยี่ยนจะไปกันแล้ว

 

 

           ‘ถ้าไม่อย่างนั้นจะไม่เงียบได้ขนาดนี้หรอก’

 

 

           ถึงแม้ว่าจะไม่อยากเจอหน้าเจ้าหมอนั่นอีก แต่พอคิดว่าเขาทิ้งตัวเองที่ป่วยอยู่แบบนี้ไปแล้ว ในใจก็ยังรู้สึกทุกข์ระทมอยู่ไม่น้อย

 

 

           เจียงมู่เฉินยกมุมปากขึ้นอย่างขมขื่น พลางหัวเราะเยาะ

 

 

           เขาลงถึงชั้นล่างก็เดินไปยังห้องรับแขก ไม่เห็นใครสักคน เจียงมู่เฉินเตรียมจะคลำถึงโซฟา กะจะเอนหลังสักพัก เท้ายังไม่ขยับก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง

 

 

           “ตื่นแล้วเหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินชะงักงัน เพียงชั่วขณะไม่ได้หันกลับไปมองทันที

 

 

           เสียงฝีเท้าที่ดังมาจากด้านหลัง ต่อมาซือเหยี่ยนเดินมาหยุดตรงหน้าเขา ยกมือขึ้นมาลูบหัวเขาด้วยท่าทางที่คุ้นเคยเหลือเกิน

 

 

           “ค่อยยังชั่ว ไข้ลดแล้ว” ซือเหยี่ยนโล่งอกไปที

 

 

           เจียงมู่เฉินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับไป เพียงครู่เดียวเขาก็กำมือแรงๆ เก็บกดความรู้สึกในก้นบึ้งของหัวใจลงไป

 

 

           เจียงมู่เฉินมองซือเหยี่ยนด้วยสายตาเย็นชา เดินอ้อมเขาไปด้านนอก

 

 

           โดนมองข้ามกันตรงๆ แบบนั้น ซือเหยี่ยนหัวใจบีบคั้น ฉุดรั้งเจียงมู่เฉินเอาไว้

 

 

           เจียงมู่เฉินสะบัดมือซือเหยี่ยนโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “ประธานซือ ระหว่างพวกเรายังไม่สนิทกันถึงขั้นที่นายจะมาจูงมือฉันได้”

 

 

           ซือเหยี่ยนคว้ามือเขาไว้อีกครั้ง “ถึงแล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ้มเยาะ “ไม่เจอกันไม่กี่วัน ประธานซือนี่หน้าหนาไม่ธรรมดาจริงๆ เมื่อก่อนทำไมฉันถึงไม่พบว่านายจะหน้าไม่อายได้ขนาดนี้นะ”

 

 

           

 

 

           ตอนที่ 361 บทลงโทษเล็กๆ ครั้งเดียว

 

 

           ไม่ว่าเจียงมู่เฉินจะพูดอะไร ซือเหยี่ยนก็ยังคงทำท่าทีเหมือนเดิม ไม่แก้ต่างอะไรมากมาย แน่วแน่อยู่อย่างนั้น

 

 

           “ฉันอยากออกไป ปล่อยมือจะได้ไหม” เจียงมู่เฉินสะบัดมือออกสองครั้งสองคราก็สะบัดไม่ออก โมโหจนขบกรามพูด

 

 

           ซือเหยี่ยนยังคงรั้งเจียงมู่เฉินไว้ เขามองเจียงมู่เฉินเอ่ยคำต่อคำ “ผมเคี่ยวน้ำแกงไว้ ดื่มสักหน่อยค่อยออกไปเถอะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินคำพูดนี้ของเขา ก็อดจะยกยิ้มมุมปากอย่างน่าขันไม่ได้ “เก็บไว้ให้คุณชายน้อยซูของนายเถอะ ฉันดื่มไม่ไหวหรอก”

 

 

           “น้ำแกงที่ผมเคี่ยวมีไว้ให้แต่คุณดื่มได้เท่านั้น”

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นท่าทีเป็นห่วงเป็นใยของเขาก็รู้สึกตลกไม่เบา เมื่อก่อนก็ดีกับซูเตอร์อยู่ทางนั้น ตอนนี้มาทำเป็นปรนนิบัติรับใช้เอาใจต่อหน้าเขาอีก

 

 

           “ซือเหยี่ยน นายคิดว่าฉันเจียงมู่เฉินโคตรน่าขำ โคตรโง่เลยใช่ไหม” เจียงมู่เฉินเชิดมุมปากหัวเราะเยาะ “คิดว่าฉันรักนาย รักจนทนไม่ไหว แค่นายกระดิกนิ้วเรียก ก็วิ่งเข้าไปเลียหน้าเลยใช่ไหม”

 

 

           นัยน์ตาซือเหยี่ยนฉายสะท้อนความเจ็บใจและเศร้าโศก เขากำมืออีกข้างหนึ่งที่ปล่อยไว้ข้างตัวแน่น “ผมไม่ได้คิดแบบนี้”

 

 

           “งั้นตอนนี้นายกำลังจะทำอะไรอีก ต่อให้ฉันป่วยตาย ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนายทั้งนั้น!”

 

 

           พูดจบ เจียงมู่เฉินก็ออกแรงอย่างหนักเพื่อชักมือออก ซือเหยี่ยนที่จับไว้ไม่อยู่ มือก็ไปชนเข้ากับโต๊ะที่อยู่ด้านข้างทันที

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินเสียงกระแทกนั้น หัวใจกระตุกวูบ กลับกัดฟันไม่ให้ตัวเองไปสนใจซือเหยี่ยน

 

 

           เขาหมุนตัวเตรียมจะเดินออกไป

 

 

           “ซดน้ำแกงสักหน่อย ค่อยออกไปเถอะ” ซือเหยี่ยนยังคงยืนยันคำเดิม

 

 

           ความหัวเราะเยาะประกายในแววตาของเจียงมู่เฉิน เขาหัวเราะไร้เสียง หันกลับเดินเข้าไป

 

 

           เขามองซือเหยี่ยน เอ่ยเสียงต่ำ “น้ำแกงล่ะ เอามาเลย”

 

 

           ซือเหยี่ยนได้ยินเขาพูดแบบนี้ แววตาก็ประกายความดีใจ “คุณรอผมสักครู่นะ”

 

 

           เขาพูดจบก็เดินเข้าห้องครัวตักแกงมาให้เจียงมู่เฉิน ราวกับว่ากลัวว่าเจียงมู่เฉินจะเปลี่ยนใจ ทำทุกอย่างรวดเร็ว แกงร้อนๆ กระเซ็นโดนหลังมือ ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา

 

 

           ซือเหยี่ยนตักแกง รีบเดินออกไป

 

 

           เขาวางชามแกงบนโต๊ะเบาๆ เขาเห็นเจียงมู่เฉินที่นั่งสบายๆ อยู่หน้าโต๊ะอาหารอยู่ก่อนแล้ว จู่ๆ ก็ตื่นตระหนกขึ้นมา

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นชามแกงที่อยู่บนโต๊ะ ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้น เขายกช้อนขึ้นมา ทำท่าทางเตรียมจะซดแกง

 

 

           ซือเหยี่ยนมองดูการกระทำของเขา หัวใจตื่นตระหนกโดยไม่รู้ตัว ดวงตาคู่นี้จ้องมองเจียงมู่เฉิน

 

 

           ก็เห็นเพียงแค่เจียงมู่เฉินลุกขึ้นมากะทันหัน ยื่นมือไปจับชามแกงแล้วพลิกคว่ำลงโดยไม่ลังเลเลยสักนิด น้ำแกงร้อนๆ หกอยู่บนพื้นทั้งหมด

 

 

           เจียงมู่เฉินเชิดมุมปากยิ้มเยาะ เพียงเสี้ยวเวลานั้นที่คว่ำชามแกงจนแกงหกลง เมื่อเห็นความเจ็บปวดปรากฏในแววตาของซือเหยี่ยน ก็รู้สึกได้ถึงความสุขที่ได้แก้แค้นเอาคืน

 

 

           ‘เจ็บไหม’

 

 

           เจียงมู่เฉินโยนชามแกงนั้นลงพื้น เขาหันหลังออกไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ไม่มองของที่เรื่ยราดบนพื้นอีก

 

 

           ตอนนั้นเขาเจ็บกว่าวันนี้เป็นร้อยเท่า

 

 

           ‘ที่ตัวเองทำก็เป็นเพียงแค่บทลงโทษเล็กๆ ครั้งเดียวเอง ซือเหยี่ยนมีอะไรมาให้เจ็บอีก!’

 

 

           มองตามแผ่นหลังที่ตัดขาดเยื่อใยของเจียงมู่เฉิน หัวใจซือเหยี่ยนบีบรัดตัวแน่นจนอึดอัด เจ็บปวดจนร่างกายสั่นไปทั้งตัว

 

 

           เขาก้มหัวมองของที่เรี่ยราดบนพื้น รู้สึกว่าหัวใจดวงเดียวของตัวเองเหมือนกลับชามแกงที่หล่นลงพื้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

 

 

           หัวใจเจ็บเหมือนโดนทิ่มแทง เลือดไหลทีละหยดๆ อย่างไรอย่างนั้น

 

 

           เขาค่อยๆ นั่งยองๆ ลงอย่างช้าๆ ส่งมือไปเก็บเศษชามที่แตกอยู่บนพื้นขึ้นมาทีละชิ้นๆ

 

 

           ซือเหยี่ยนเกร็งไปทั้งร่าง ปลายนิ้วที่ถือชามอยู่นั้นสั่นเล็กน้อย ซือเหยี่ยนคนที่ไม่เคยเปิดเผยอารมณ์ความรู้สึกมาแต่ไหนแต่ไร เป็นครั้งแรกที่เผยเสี้ยวความอ่อนแอนั้นออกมา

 

 

           ถ้าเวลานี้ มีคนอยู่ข้างๆ บางทีอาจจะได้เห็นร่างกายอันแข็งทื่อของซือเหยี่ยนสั่นเทา

 

 

             ราวกับไม่มีทางใดที่จะทนรับความเจ็บปวดนี้ได้ ตัวสั่นเทาอยู่อย่างนั้น…

 

 

           ……

 

 

           เจียงมู่เฉินออกมาก็ไปที่ที่ตกปลาเมื่อก่อนหน้านี้ เขาเดินออกไปด้วยอารมณ์ที่แปรปรวน จำเป็นต้องไปสงบสติอารมณ์สักพัก

 

 

           เจียงมู่เฉินวางคันเบ็ดขึ้นบนที่วางคันเบ็ดอย่างทะมัดทะแมง เอนหลังอยู่ข้างๆ รอปลามาติดเบ็ด

 

 

           เขารออย่างเงียบสงบไปได้ไม่กี่นาทีก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ค่อยชอบมาพากล เงียบสงบจนเกินไปแล้ว