ตอนที่ 362 ป้อนน้ำแกงด้วยตัวเอง / ตอนที่ 363 เป็นแผนของผมทั้งหมด

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 362 ป้อนน้ำแกงด้วยตัวเอง

 

 

           เวลานี้เองเจียงมู่เฉินถึงนึกถึงฟู่เหยี่ยนที่เอาแต่มาทำเสียงจ้อกแจ้กอยู่ข้างหู

 

 

           ตั้งแต่ออกจากห้องมา ก็ไม่เห็นฟู่เหยี่ยนเลย

 

 

           เจียงมู่เฉินค่อนข้างแปลกใจ ไม่ควรจะเป็นแบบนี้นะ ซือเหยี่ยนอยู่ทั้งคน คิดไม่ถึงว่าฟู่เหยี่ยนจะไม่อยู่

 

 

           ตามนิสัยของฟู่เหยี่ยนแล้ว คงจะไม่ปล่อยให้ซือเหยี่ยนเข้าใกล้เขาหรอกใช่ไหม

 

 

           เจียงมู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกใช่ไหม

 

 

           เขามองไปรอบๆ เตรียมจะไปหาพ่อบ้านหลินเพื่อถามไถ่ ผลปรากฏว่ามองเข้าไปดูก็ไม่เห็นพ่อบ้านหลิน

 

 

           เมื่อเห็นว่าหาคนให้ถามไม่เจอ เจียงมู่เฉินก็ล้มเลิกความคิด

 

 

           คนตั้งใหญ่โตขนาดนั้น หรือว่าก็ยังถูกคนลักพาตัวไปได้ด้วย

 

 

           คิดได้เช่นนี้ เจียงมู่เฉินก็ไม่สนใจในพริบตา แล้วแต่พวกเขาแล้วกัน เรื่องของเขาเองตอนนี้วุ่นวายยุ่งเหยิงจนยุ่งไม่ไหวแล้ว หรี่ตาลงเอนกายพักผ่อนอยู่ตรงนั้น

 

 

           ลมเบาๆ พัดโชยเข้ามาเป็นระลอกๆ พัดโบกผมของเจียงมู่เฉินให้ปลิวไสว ใบหน้างามละเอียดได้รูปนั้นท่ามกลางสายลมช่างดูผ่อนคลายเหลือเกิน

 

 

           ซือเหยี่ยนเก็บกวาดของที่เรี่ยราดในห้องครัวเรียบร้อยแล้ว ก็ตักแกงชามหนึ่งแล้วเดินออกไป

 

 

           เขาออกมาจากปราสาทก็เห็นเจียงมู่เฉินเอนกายนอนอยู่ไม่ไกลนัก

 

 

           เห็นเจียงมู่เฉินนอนเอ้อระเหยอยู่ตรงนั้น ซือเหยี่ยนก็อดจะยิ้มหัวเราะไม่ได้ ใบหน้าที่หนักอึ้งในความรู้สึกในที่สุดก็มีรอยยิ้มเพิ่มขึ้นมา

 

 

           เจียงมู่เฉินหลับสนิท ผมสั้นถูกลมพัดโชยมาสัมผัสใบหน้า และในบางครั้งแสงแดดก็ส่องทะลุผ่านใบไม้กระทบลงบนใบหน้าของเจียงมู่เฉิน

 

 

           ซือเหยี่ยนวางชามแกงที่โต๊ะด้านข้าง เขายื่นมือไปเกลี่ยปัดผมที่ชี้ออกมาอยู่บนใบหน้าเจียงมู่เฉินอย่างเบามือ

 

 

           การกระทำเล็กๆ น้อยๆ นี้ทำให้เจียงมู่เฉินขมวดคิ้วนิดหน่อย

 

 

           ซือเหยี่ยนเกร็งนิ้วมือ รีบหยุดการกระทำนั้น ชักมือออกอย่างช้าๆ

 

 

           เขาเพิ่งจะชักมือกลับมา เจียงมู่เฉินก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นซือเหยี่ยนนั่งอยู่ข้างๆ

 

 

           สีหน้าบึ้งตึงนิดหนึ่งโดยไม่รู้ตัว

 

 

           “ทำไมนายมาอีกแล้ว” เขาคิดว่าเมื่อครู่นี้จะทำให้ซือเหยี่ยนรู้ว่ายากแล้วถอนตัว ใครจะรู้ว่าเขาจะตามมาอีก

 

 

           เจียงมู่เฉินหงุดหงิดในใจ ขณะพูดจาก็ยังเจือความไม่พอใจอย่างเหลืออด

 

 

           ซือเหยี่ยนฟังความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขาออก นิ้วมือแข็งทื่อ กลับเอ่ยอย่างระงับความรู้สึก “เมื่อกี้ยังไม่ได้ดื่มน้ำแกง ผมก็เลยมาส่งให้คุณอีก”

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขาอย่างประชดประชัน “ยังไงกัน ไม่กลัวฉันจะเทน้ำแกงทิ้งอีกเหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนสงบนิ่ง ยื่นมือไปยกชามแกงขึ้น “ผมต้มไว้เยอะ คุณเททิ้ง ผมก็ไปตักให้คุณได้อีก”

 

 

           เจียงมู่เฉินรู้สึกขัดใจ รู้สึกว่าซือเหยี่ยนนับวันยิ่งหน้าหนา เขาพูดขนาดนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่าคนคนนี้จะยังหน้าไม่อายเข้ามาอีก

 

 

           เจียงมู่เฉินเดือดดาลอยู่ในใจ เบนหน้าหนีไม่มองเขา คร้านจะสนใจเขา

 

 

           มือซือเหยี่ยนที่ถือชามแกงชะงักไป เขาเห็นเจียงมู่เฉินไม่คิดจะดื่มน้ำแกง นัยน์ตาจมดิ่งเล็กน้อย เขาก้มหน้าดื่มเข้าไปคำหนึ่งทันที

 

 

           เจียงมู่เฉินกำลังจะเตรียมปรับท่าทางจะได้นอนหลับได้ดีๆ ไม่สนใจซือเหยี่ยน ก็รู้สึกถึงมือใหญ่มือหนึ่งที่ล็อคคางตัวเองไว้

 

 

           จากนั้นริมฝีปากก็อุ่นร้อนขึ้นมา น้ำแกงถูกเขากลืนลงไปทั้งอย่างนี้

 

 

           นัยน์ตาเจียงมู่เฉินประกายวาบ ยื่นมือออกไปอยากจะต่อต้าน แต่ซือเหยี่ยนกลับเตรียมการป้องกันไว้ล่วงหน้าแล้ว ยื่นมือออกไปกดเจียงมู่เฉินไว้

 

 

           เจียงมู่เฉินทำได้เพียงนอนอยู่บนเก้าอี้นอน ขยับเขยื้อนไม่ได้เลยสักนิด

 

 

           หลังจากซือเหยี่ยนเอาน้ำแกงในปากส่งเข้าไปแล้ว ถึงได้เอ่ยเสียงต่ำออกมา “ผมป้อนเอง หรือว่าคุณจะดื่มเอง”

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นว่าตัวเองเสียเปรียบอยู่ ถ้าเขาไม่ยอมตกลง ซือเหยี่ยนอาจจะจูบป้อนน้ำแกงให้เขาด้วยตัวเองจริงๆ

 

 

           พอคิดถึงเรื่องป้อนน้ำแกงเมื่อครู่ เจียงมู่เฉินก็อดจะรู้สึกหัวชาไม่ได้

 

 

           เขาหยุดชะงักสักพัก กัดฟันพูด “ฉันเอง”

 

 

           รอยยิ้มประกายในแววตาของซือเหยี่ยน เขาปล่อยมือเจียงมู่เฉิน ส่งชามแกงไป “ดื่มเองเลย”

 

 

           ในใจเจียงมู่เฉินไม่ยินดี แต่ซือเหยี่ยนนั่งจ้องมองเขาอยู่ข้างๆ ราวกับจ้องมองเหยื่อ

 

 

           เจียงมู่เฉินทำอะไรไม่ได้ กำลังต่อสู้ของเขาตอนนี้เทียบกับซือเหยี่ยนแล้ว เป็นการหาเหาใส่หัวตัวเอง

 

 

           ‘แทนที่จะเอาแบบนี้ ไม่สู้ตัวเองดื่มเองก็จบ’

 

 

           ถึงแม้ว่าคนที่เคี่ยวน้ำแกงไม่โอเค แต่น้ำแกงนี้ไม่เลวจริงๆ

 

 

           เขารับชามจากในมือซือเหยี่ยนมาอย่างไม่เต็มใจนัก เหมือนเขาจงใจทำเป็นรังเกียจซือเหยี่ยน กวาดสายตามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “เคี่ยวน้ำแกงอะไรของนาย ดื่มยากจะตายชัก”  

 

 

           

 

 

           ตอนที่ 363 เป็นแผนของผมทั้งหมด

 

 

           เหมือนซือเหยี่ยนจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แววตาประกายรอยยิ้ม นั่งเก็บอาการอยู่ข้างๆ

 

 

           เจียงมู่เฉินยอมดื่มได้ เขาก็พอใจแล้ว ที่เหลือเขาก็ไม่ขอมากไปกว่านี้

 

 

           ถึงอย่างไรการซ่อมแซมความสัมพันธ์เรื่องแบบนี้ไม่ใช่วันสองวันจะทำสำเร็จได้

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นซือเหยี่ยนไม่พูดจา ซดน้ำแกงไปสองคำจนหมด ก็โยนชามกลับคืนให้เขาอย่างไม่เกรงใจ

 

 

           ซือเหยี่ยนยื่นมือไปรับ “ยังดื่มอีกไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “กลืนไม่ลง ไม่ดื่มแล้ว”

 

 

           เขายิ้มหัวเราะวางชามแกงลงบนโต๊ะข้างๆ

 

 

           “น้ำแกงก็ดื่มหมดแล้ว นายจะยังอยู่ที่นี่ทำไม มาเป็นไม้ประดับเหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนลูบจมูกมองเจียงมู่เฉินอย่างจริงจัง “เฉินเฉิน คุณไม่อยากมองหน้าปมขนาดนี้เลยเหรอ”

 

 

           “หึ” เจียงมู่ฌฉินทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจ “หุบปากนายไปซะ ฉันไม่สนิทกับนาย”

 

 

           พอได้ยินเขาเรียกตัวเองว่า ‘เฉินเฉิน’ เปลวไฟก็เกิดขึ้นในใจเจียงมู่เฉิน ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาไปเอาความหน้าหนาหน้าทนนี้มาจากไหน

 

 

           ‘ยังมากล้าเรียกตัวเองว่าเฉินเฉินต่อหน้าตัวเองอีก’

 

 

           ‘ไม่กลัวว่าจะสะอิดสะเอียนมาถึงตัวเองหรือไง’

 

 

           เจียงมู่เฉินมองซือเหยี่ยนด้วยสายตาเย็นชา “บอกมาเถอะ ครั้งนี้อยากได้อะไรจากตัวฉันอีก หรือว่าซูเตอร์ให้นายมาทำอะไร”

 

 

           เขาไม่อยากพูดอ้อมค้อมกับซือเหยี่ยนแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ถือโอกาสพูดเปิดเผยเสียเลย

 

 

           ซือเหยี่ยนมองเขา เอ่ยอธิบายนิ่งๆ “ไม่เกี่ยวกับซูเตอร์”

 

 

           “งั้นฉันไม่รู้แล้วว่าระหว่างฉันกับนายยังมีเรื่องอดีตอะไรกันอีก”

 

 

           ซือเหยี่ยนพิงอยู่เก้าอี้ข้างๆ เขาเงยหน้ามองดูใบหน้าของเจียงมู่เฉิน อารมณ์ความรู้สึกสับสนเจือในแววตา

 

 

           เจียงมู่เฉินถูกเขามองแบบนี้ ในใจก็มีความรู้สึกบางอย่างที่พูดออกมาไม่ได้

 

 

           เขาถลึงตาใส่คนตรงหน้า “นี่นายมองฉันแบบนี้ทำไม”

 

 

           “เฉินเฉิน คุณไม่คิดจะให้อภัยผมจริงๆ แล้วเหรอ”

 

 

           “ให้อภัยนาย? ฉันกินอิ่มอยู่สบายแล้วยังดันทุรังหาเรื่องเหรอ” ซือเหยี่ยนเอาความกล้ามาจากไหนถึงจะให้ตัวเองอภัยให้เขาได้

 

 

           “ระหว่างพวกเราคุยกันดีๆ ไม่ได้เหรอ” ซือเหยี่ยนกุมขมับ

 

 

           “กับนาย ฉันไม่มีอะไรให้คุยดีๆ หรอก” เจียงมู่เฉินเหวี่ยงวีนไม่อยากจะพูดจากับเขา

 

 

           ซือเหยี่ยนจนใจ หนทางตามแฟนช่างยาวไกล

 

 

           “ซูเตอร์โดนตำรวจจับไปแล้ว” ซือเหยี่ยนเอ่ยเสียงต่ำอธิบาย เขารู้ว่าตัวเองถ้าไม่อธิบายกับเจียงมู่เฉินชัดเจน เจียงมู่เฉินก็จะไม่ให้อภัยให้เขาไปตลอดชีวิต

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินข่าวนี้ สีหน้าตะลึงงันทันทีจริงๆ “นายหมายความว่าไง”

 

 

           “สองวันก่อน ซูเตอร์โดนตำรวจจับอยู่กลางทะเล ทั้งแก๊งมังกรครามก็พังทลายลงทั้งหมดด้วย”

 

 

           เจียงมู่เฉินหรี่ตาลง อดจะหัวเราะเยาะไม่ได้ “ฉันว่านะ จู่ๆ นายมาหาฉันได้แบบนี้ ก็เพราะเจ้านายเก่าหมดอำนาจแล้ว ถึงได้เผ่นมาพึ่งใบบุญฉันใช่ไหม”

 

 

           “ผมเองก็เป็นคนของทางกรมตำรวจ” ซือเหยี่ยนเอ่ยต่อ

 

 

           “นายพูดอะไรของนาย”

 

 

           “ทุกอย่างนี้เป็นแผนของผมทั้งหมด”

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขาอย่างไม่กล้าจะเชื่อได้ “เป็นไปไม่ได้ นายไม่จำเป็นต้องวางแผนทั้งหมดนี้เลยนะ”

 

 

           ซือเหยี่ยนหยุดสักพัก มองเจียงมู่เฉินโดยไร้เสียงใดใด

 

 

           บรรยากาศเงียบงันลงในพริบตา จู่ๆ เจียงมู่เฉินก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เขามองซือเหยี่ยนอย่างจริงจัง “นายจะบอกว่า นายวางแผนทั้งหมดนี้เพื่อฉันเหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนไม่พูดอะไร แต่ท่าทีนั้นก็ยอมรับเป็นนัยๆ อย่างชัดเจนแล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินคิดปะติดปะต่อกัน ซือเหยี่ยนเลิกกับตัวเอง ก็คือหลังจากที่ตัวเองได้พบกับซูเตอร์

 

 

           ดังนั้น ถ้าเป็นจริงเหมือนที่ซือเหยี่ยนว่าอย่างนั้น เขาก็จงใจเลิกกับตัวเองเพื่อจะได้เข้าใกล้ซูเตอร์

 

 

           ด้วยเหตุนี้เขาจึงกลับไปกับซูเตอร์

 

 

           เขาหรี่ตาลง “งั้นที่นายได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้ก็เพื่อจะได้รับความไว้วางใจจากเขาเหรอ”

 

 

           ซือเหยี่ยนพยักหน้ายอมรับ

 

 

           ดังนั้นถึงได้ปล่อยให้ซูเตอร์ก่อเรื่อง ดังนั้นถึงได้เห็นอารมณ์ตื่นตระหนกเป็นห่วงเขาเมื่อตอนที่อยู่โรงพยาบาล

 

 

           จนกระทั่งแม้แต่วันนั้นที่เขาโดนขังอยู่ในห้องสีดำเล็กๆ แล้วซังจิ่งพาคนมาปรากฏตัวช่วยเหลือเขา

 

 

           ซือเหยี่ยนก็พาซูเตอร์มาปรากฏตัวพอดี

 

 

           ตอนนั้นเขาคิดว่าทุกอย่างนี้เป็นความบังเอิญ แต่ตอนนี้เขาถึงได้เข้าใจ เป็นไปได้ว่าไม่ใช่ความบังเอิญมาแต่แรกแล้ว

 

 

           จนกระทั่งเป็นไปได้ว่าซือเหยี่ยนรู้เรื่องของพวกซังจิ่งอยู่แล้ว ดังนั้นจึงจงใจพาตัวซูเตอร์ไป

 

 

           ถึงจะฉวยโอกาสในช่วงโกลาหล ช่วยเขาออกมาได้

 

 

           เจียงมู่เฉินคิดเชื่อมโยงทุกอย่างนี้ขึ้นมาได้ ก็รู้สึกช่างน่าขำไม่เบา