แววตามายมิ้นท์หม่นหมองลง “ผลตรวจของฉันเองค่ะ ฉันไม่ค่อยสบายตัวหยิบไม่ไหว จึงขอให้คุณไปช่วยฉันหยิบมาหน่อย อีกไม่นานพยาบาลก็จะมาดู”
“แบบนี้นี่เอง ผมเข้าใจแล้ว” ลาเต้พยักหน้า หยิบผลการตรวจออกมา ส่งให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ” หลังจากมายมิ้นท์รับไปแล้ว ก็วางไว้ข้างหมอน
ราเม็งมองผลการตรวจนั้น หลุบสายตาลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ใช่แล้ว ลาเต้ รบกวนคุณไปที่แผนกอุปกรณ์ของโรงพยาบาลขอรถเข็นมาให้ฉันหนึ่งคัน พรุ่งนี้หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว จะมัวแต่ให้คนคอยพยุงไม่ได้หรอกนะ มีรถเข็นก็สะดวกขึ้นมาก” มายมิ้นท์ยิ้มพลางเอ่ยออกมา
สำหรับคำขอร้องของเธอ ลาเต้ไม่ปฏิเสธแน่นอน รับปากทันที “ได้ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ ราเม็งคุณอยู่ดูที่รักนะ”
ราเม็งรับปากพลางยิ้มบางๆ
ลาเต้ออกไปแล้ว
มายมิ้นท์เอาผ้าห่มออก ยื่นมือไปทางราเม็ง“ราเม็งพยุงฉันขึ้นหน่อย ฉันอยากไปห้องน้ำ”
“ผมอุ้มพี่ไป” ราเม็งยื่นมือมา จะอุ้มเธอ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน มายมิ้นท์คงไม่ปฏิเสธ
แต่ตอนนี้……
นึกถึงคำพูดของเปปเปอร์ที่บอกว่าราเม็งชอบเธอในใจเธอก็มีความรู้สึกผิดปกติบางอย่างที่บอกไม่ถูก
“ไม่ต้อง” มายมิ้นท์ส่ายหน้าปฏิเสธ “ฉันไม่ได้แขนขาดขาขาดขยับตัวไม่ได้นะ ไม่ต้องให้นายอุ้มหรอก พยุงฉันก็พอ”
“ก็ได้ครับ” แววตาราเม็งฉายให้เห็นความเสียดายดึงมือเธอเอาไว้ พยุงเธอลงจากเตียงอย่างระมัดระวัง ประคองไปที่ด้านนอกห้องน้ำ
“พี่ครับ คุณเข้าไปคนเดียวได้หรือเปล่า ไม่งั้นให้ผมเรียกเจ้าหน้าที่พยาบาลเข้ามาช่วยมั้ยครับ” ราเม็งมองมายมิ้นท์ ถามอย่างเป็นห่วง
มายมิ้นท์ยิ้ม “อย่าคิดว่าฉันจะอ่อนแอขนาดนั้น เอาละ ฉันเข้าไปก่อนนะ”
พูดจบ เธอก็ดึงแขนออก เกาะผนังเข้าไปในห้องน้ำ ปิดประตู
ราเม็งจับตาดูประตูห้องน้ำอยู่หลายวินาที ทันใดนั้นก็หรี่ตา หมุนตัวเดินไปทางเตียง หยิบผลการตรวจที่มายมิ้นท์วางไว้ข้างหมอนเมื่อครู่ขึ้นมา
เขาอยากดู ว่าตกลงผลการตรวจฉบับนี้มันมีอะไรกันแน่ ทำไมพี่ถึงไม่รู้ว่าเธอถูกวางยาพิษ
อย่างไรเสียทางโรงพยาบาล ก็ต้องตรวจสอบได้อยู่แล้ว!
ตอนที่ราเม็งกำลังอ่านผลการตรวจอย่างรวดเร็วอยู่นั้น ประตูห้องน้ำด้านหลังเขา ก็ค่อยๆเปิดออก
มายมิ้นท์ยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำ มือจับลูกบิดประตูแน่น มองเขาด้วยแววตาสับสน
ราวกับสัมผัสได้ว่ามีสายตามองมาจากด้านหลัง มือที่ถือผมตรวจของราเม็งแข็งทื่อ จากนั้นหันหน้าไป สบตากับดวงตาที่ผิดหวังคู่นั้นของมายมิ้นท์
ในใจราเม็งตื่นตระหนกขึ้นมาทันที ใบหน้าหล่อเหลาก็ซีดเผือดลง“พี่……”
มายมิ้นท์หลับตา มีความขมขื่นอยู่ในน้ำเสียง “ราเม็งนายรู้มั้ย เปปเปอร์บอกฉันว่า คนที่วางยาฉัน มีผู้ต้องสงสัยสามคน ทามทอย ลาเต้แล้วก็นาย หนึ่งในสามคนนี้ ฉันรับได้ถ้าทามทอยเป็นคนวางยา เพราะฉันกับเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีอะไรกันตั้งแต่แรก แต่ฉันรับไม่ได้ถ้าเป็นนายกับลาเต้เป็นคนวางยา ดังนั้นตอนที่เปปเปอร์บอกความเป็นไปได้นั้น ฉันคิดว่าเขาพูดจาเหลวไหลส่งเดช”
พูดมาถึงตรงนี้ สายตาเธอก็มองไปที่ผลตรวจที่อยู่ในมือของเขา “แต่ฉันคิดไม่ถึงเลยว่า เปปเปอร์จะพูดถูกทั้งหมด คนที่วางยา คือพวกนาย และยังเป็นนายคนที่ฉันคิดว่าใสซื่อ ไร้เดียงสาที่สุด”
ราเม็งมองตามสายตาของเธอมายังมือของตัวเองเข้าใจอะไร รูม่านตาหดเล็กลง“ พี่ พี่จงใจหยั่งเชิงผมเหรอ”
มายมิ้นท์เห็นเขาตั้งตัวได้เร็วขนาดนี้ ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เกาะผนังเดินมาตรงหน้าเขา “ถูก ฉันตั้งใจ ฉันตั้งใจให้ลาเต้หยิบผลตรวจออกมา ก็เพื่อจะลองใจนาย ก่อนหน้านี้ฉันก็หยั่งเชิงลาเต้แล้ว ฉันจงใจพูดกับลาเต้ว่า ฉันหกล้มก็เลยต้องเอาเด็กออก ถ้าลาเต้เป็นคนวางยา ก็ต้องแปลกใจว่าทำไมฉันจึงไม่รู้ว่าตนเองถูกวางยา ต้องมีพิรุธออกมาแน่นอน แต่ลาเต้ไม่มี ดังนั้นฉันแน่ใจว่าเขาไม่ได้เป็นคนวางยา อย่างนั้นฉันก็ต้องหยั่งเชิงนายด้วย”
ฉันมองราเม็ง “เหมือนกัน คำพูดที่ฉันพูดกับลาเต้ ก็คือคำพูดที่พูดกับคุณตอนอยู่ในครัว แต่ว่าตอนนั้นฉันมองไม่เห็นสีหน้าท่าทางของนาย ดังนั้นจึงอยากจะเอาผลตรวจออกมาลองใจนาย ถ้านายเป็นคนวางยา นายต้องหาวิธีดูให้กระจ่างว่าตกลงโรงพยาบาลตรวจพบว่าฉันถูกวางยาหรือเปล่า ดังนั้นฉันจึงแยกลาเต้ออกไป ตัวเองก็อ้างว่าจะไปเข้าห้องน้ำ จงใจสร้างโอกาสให้คุณได้ไปตรวจสอบผลตรวจของฉัน ขอแค่คุณดูแล้วคุณก็คือคนนั้นที่วางยาพิษ”
“……” ราเม็งนิ่งเงียบ
หลังจากนั้นพักใหญ่ เขาก็วางผลการตรวจในมือลง มุมปากคลี่ยิ้มที่พูดไม่ออก “ผมคิดว่าผมปกปิดอย่างดีแล้ว คิดไม่ถึงว่าสุดท้าย ก็ยังถูกพี่จับได้”
แม้จะแน่ใจแล้วว่าคนที่วางยาพิษก็คือราเม็ง แต่พอได้ยินราเม็งยอมรับด้วยหูตัวเอง ในใจมายมิ้นท์ก็เสียใจมาก
เธอบีบมือ แววตาสับสน “ราเม็ง ทำไมนายทำแบบนี้ นายรู้มั้ย วินาทีที่ฉันเห็นนายหยิบผลตรวจขึ้นมานั้น ในใจฉันเจ็บปวด ไม่อยากจะเชื่อแค่ไหน เพราะในใจฉัน นายเป็นคนที่อ่อนโยน จิตใจดี ใสซื่อมาตลอดคนนั้น แต่ว่า……”
“แต่ว่าตอนนี้รู้แล้วว่าผมไม่ได้เป็นอย่างที่พี่คิดใช่มั้ย” ราเม็งมองเธอ ตัดบทเธอ
มายมิ้นท์อ้าปาก ยอมรับแล้ว
ราเม็งก้มหน้า น้ำเสียงท้อแท้ “ขอโทษครับพี่ ที่ทำให้พี่ผิดหวัง”
มายมิ้นท์เห็นท่าทางสำนึกผิดแบบนี้ของเขา ก็รู้สึกเศร้าใจ “ทำไม ตกลงนายทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร”
เธอถามอีกครั้ง
ราเม็งเงยหน้า จ้องมองที่ท้องเธอ “ที่ผมทำ ก็ทำเพื่อพี่นะ”
“เพื่อฉันเหรอ” สีหน้ามายมิ้นท์เต็มไปด้วยความสงสัย
ราเม็งพยักหน้า “พี่พูดมาตลอดว่า พี่จะเอาเด็กคนนี้ออก แต่สามเดือนแล้ว พี่ก็ยังไม่เริ่มทำอะไร ดังนั้น……”
“ดังนั้นนายก็เลยวางยาฉัน ช่วยฉันงั้นเหรอ” มายมิ้นท์มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ราเม็งเม้มปาก “ผมไม่คิดว่าที่ผมทำแบบนี้มีอะไรผิด สามเดือนแล้ว พี่ก็ยังไม่เอาเขาออก เวลายิ่งผ่านไปเนิ่นนาน พี่ก็จะยิ่งทำใจเอาเด็กออกไม่ได้ ดังนั้นผมจึงต้องทำแบบนี้”
ได้ยินคำพูดนี้ มายมิ้นท์ก็ได้แต่รู้สึกว่าตนเองถูกโจมตีเข้าให้แล้ว ความรู้สึกสับสน “ราเม็ง ทำไมนายถึงคิดแบบนี้ เด็กคนนี้ไม่ว่าฉันจะเอาออกหรือไม่ มันก็เป็นเรื่องของฉัน ไม่มีเหตุผลที่นายจะเข้ามาแทรกแซง นายเข้าใจมั้ย”
อีกอย่าง เธอไม่เคยพูดมาก่อนเลยว่าจะไม่เอาออก สำหรับการเอาเด็กออก เธอมีความคิดที่มุ่งมาแน่วแน่มาตลอด
แค่ว่าช่วงนี้ค่อนข้างยุ่งมาก ไม่ได้เริ่มทำอะไรสักทีเท่านั้น
ราเม็งกำหมัดแน่น “ผมไม่เข้าใจ ผมรู้แค่ว่าเอาเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้ การมีตัวตนอยู่ของเขาจะมีแต่นำความเดือดร้อนมาให้พี่”
พูดมาถึงตรงนี้ อารมณ์เขาพลุ่งพล่าน บ้าคลั่งเล็กน้อย “พี่ พี่ก็รู้ ท้องก่อนแต่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้น่าภาคภูมิใจอยู่แล้ว ถ้าให้คนภายนอกรู้ว่าพี่ท้อง พี่ต้องได้รับสายตาที่ดูถูกเยาะเย้ยจากภายนอกแน่นอน แม้แต่คนในบริษัทก็จะดูถูกพี่ พี่ ผมทำเพื่อพี่นะครับ”
“ตกลงว่านายทำเพื่อฉัน หรือว่าทำเพื่อตัวเองกันแน่” มายมิ้นท์มองราเม็งที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างสงสัย ขมวดคิ้ว พูดด้วยเสียงเย็นชาไม่แยแส
ราเม็งมีแววตาสงสัย “พี่ คำพูดนี้ของพี่หมายความว่ายังไง”
“ความหมายก็คือ นายไม่ได้เป็นห่วงว่าฉันจะถูกมองด้วยสายตาตาดูถูกจากคนภายนอกจริงๆ แต่เป็นตัวนายเองรับไม่ได้ที่ฉันท้องลูกของผู้ชายคนอื่น เพราะนายชอบฉัน ดังนั้นนายเห็นฉันมีท่าทีลังเลที่จะเอาเด็กคนนี้ออก จึงวางยาฉัน ให้ฉันต้องเอาเด็กคนนี้ออกทันที ฉันพูดถูกมั้ย ราเม็ง!” มายมิ้นท์ตัวค่อยๆสั่น
ราเม็งสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก “พี่ ……ทำไมพี่……”
“ทำไมรู้ว่านายชอบฉันเหรอ” มายมิ้นท์เม้มปาก