ตอนที่ 261 อุ้งมือที่สวยงาม + ตอนที่ 262 แย่งกำไลมือ

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 261 อุ้งมือที่สวยงาม + ตอนที่ 262 แย่งกำไลมือ โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 261 อุ้งมือที่สวยงาม

เหยียนหมิงซุ่นเอากล่องใส่ปากกากับกล่องยานัตถุ์เก็บใส่กระเป๋านักเรียน ถามอย่างจงใจ “ของอย่างอื่นพวกนั้น เหมยเหมยไม่คิดจะขายเหรอ?”

               อู่เหมยไม่อยากจะตอบคำถาม “อันนั้นฉันอยากเก็บไว้เองค่ะ ไม่คิดจะขาย”

                เธอคิดไว้ตั้งนานแล้ว ถึงแม้จะทำเงินได้มากมายจากการขายของโบราณ แต่อายุอย่างเธอติดอยู่ที่นี่ เป็นที่สะดุดตาเกินไปหน่อย หนึ่งครั้งสองครั้งยังพอเป็นไปได้ แต่นานวันเข้าต้องมีคนสงสัยแน่นอน คนอย่างเธอที่ไม่มีภูมิหลัง ไม่มีคนสนับสนุน ไม่มีหัวหน้า หากเป็นที่จับจ้องของผู้คน แต่เธอถอยหนีออกมาไม่สำเร็จ เธอก็จะยิ่งปกป้องฉิวฉิวไม่ได้

บ้านก็มีแล้ว  ขอแค่เธอมีเงินใช้เพียงพอ  ของโบราณเหล่านี้ก็เก็บไว้ รอวันที่เธอมีอำนาจ แล้วค่อยๆขายไป หรือหากวันใดเธอไม่มีเงินแล้ว   ก็เรียนรู้เจ้าใหญ่นายโตรุ่นหลัง สร้างพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของตัวเองขึ้นมา เก็บค่าเข้าก็พอกินพอใช้แล้ว

แต่สิ่งที่เธอให้เหยียนหมิงซุ่นนั้นล้วนผ่านการคัดสรรอย่างตั้งอกตั้งใจ ตอนนี้เธอสามารถตัดสินได้แล้วว่าสิ่งของจะมีค่าหรือไม่ ตามปฏิกิริยาของฉิวฉิว  กล่องเครื่องสำอางและกล่องยานัตถุ์นั้นเป็นของที่ไม่ค่อยมีราคาแพง  อย่างอื่นเธอไม่กล้าหยิบออกไป รู้สึกว่าน่าจะคุ้มค่ากว่าเงินโบราณครั้งก่อนเล็กน้อย

                เหยียนหมิงซุ่นไม่ถามอีก เมื่อครู่ เขาเหลือบมองผ่าน ๆ อย่างอื่นเขาไม่รู้ แต่ภาพวาดสองภาพนั้นคือภาพวาดของปาต้าซานเหริน  จากที่ดูแล้วเป็นไปได้ว่าเป็นภาพวาดของจริง มูลค่านั้นประเมินค่าไม่ได้

หากอู่เหมยคิดจะขาย เขาต้องซื้อเก็บไว้เอง เขามั่นใจว่าเมื่อผ่านไปหลายสิบปี มูลค่าของภาพวาดเหล่านี้ต้องเพิ่มขึ้นหลายเท่า หรืออาจจะเป็นภาพวาดหายากก็เป็นได้

                อู่เหมยสวมกำไลมือที่สะอาดเกลี้ยงเกลาที่ข้อมือ กำไลมือที่งดงามลึกลับเข้ากับข้อมือขาวบอบบาง สวยจนไม่พูดไม่ออก อู่เหมยสะบัดข้อมือไปมา หันไปยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เหยียนหมิงซุ่น แล้วเอ่ยถาม “พี่หมิงซุ่น สวยไหมคะ?”

เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งรู้ตัวว่าเหม่อลอยอยู่พักหนึ่ง เขาสลัดความคิดทิ้งด้วยความหงุดหงิด ยิ้มอย่างฝืนๆ “สวย”

เขาไม่คาดคิดว่าจะถูกอุ้งมือของเด็กที่ไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมดึงดูดทำให้จิตใจว้าวุ่นได้ ไม่สมควรอย่างยิ่ง ตอนค่ำต้องวิ่งเพิ่มอีกสิบรอบ

“เธอยังต้องไปบ้านพ่อแม่บุญธรรมครอบครัวสยงอีก รีบกลับดีกว่า”

อู่เหมยกระโดดขึ้นรถ กอดกระปุกนั้นไว้แน่นด้วยความระมัดระวัง ถ้ากระปุกนี้แตกขึ้นมา ฉิวฉิวต้องโกรธมาก ๆ เธอจึงกอดไว้แน่น

                “พี่หมิงซุ่น พวกเราไปถนนไหวไห่ก่อนได้ไหมคะ? ฉันอยากจะเอาของไปเก็บไว้ที่นั่น” อู่เหมยพูดเสียงเบา

               “ตกลง”

                เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้า  ปั่นจักรยานไปทางถนนไหวไห่ เขาจำได้ว่า บ้านสไตล์ตะวันตกหลังนั้นมีห้องลับ อู่เหมยเอาของไปเก็บไว้ในห้องลับนั้นได้

                “ตอนบ่ายพี่ให้คนเปลี่ยนลูกบิดประตูแล้ว แบบนี้ค่อยปลอดภัยขึ้นมาหน่อย”

               “แต่ตอนนี้ฉันไม่ค่อยมีเงิน” อู่เหมยรู้สึกเกรงใจ

               “เดี๋ยวพี่ออกให้เธอก่อน รอให้ขายสองชิ้นนี้ได้แล้วค่อยเอามาคืนพี่”

                “อื้อ ขอบคุณนะพี่หมิงซุ่น” อู่เหมยรู้สึกซาบซึ้งใจ

“ต่อไปห้ามพูดขอบคุณอีกนะ” เหยียนหมิงซุ่นกำชับ เขาไม่ค่อยชอบฟังยายตัวดีพูดขอบคุณ รู้สึกห่างเหินเกินไป

                 “อื้อ ไม่ขอบคุณแล้ว” อู่เหมยตอบอย่างเชื่อฟัง เหยียนหมิงซุ่นยิ้มมุมปาก รอยยิ้มจาง ๆ ยังอบอุ่นกว่าพระอาทิตย์ในฤดูใบไม้ร่วงเสียอีก

                อู่เหมยเก็บเครื่องประดับเงินสามชิ้นไว้เอง ของชิ้นเล็กเหล่านี้เก็บไว้กับตัวไม่เป็นที่สะดุดตา เธอคิดว่าหลังจากกลับไป จะล้างทำความสะอาดเครื่องประดับเงิน จะดูว่าหน้าตาจริง ๆ ของมันพิเศษตรงไหนกันแน่ ถึงได้ดึงดูดฉิวฉิวต้องให้เธอซื้อให้ได้

               ตั้งหลายสิบหยวน!

                เพราะว่าเลี้ยวอ้อมไปถนนไหวไห่ อู่เหมยกับถึงบ้านช้าเล็กน้อย สิบโมงกว่าแล้ว เหอปี้อวิ๋นตื่นนอนแล้ว กำลังผัดข้าวสำหรับมื้อกลางวันอยู่ที่หน้าเตา เมื่อเห็นเธอก็มองด้วยสายตาเย็นชา และไม่ได้พูดอะไร

………………………………………………………..

ตอนที่ 262 แย่งกำไลมือ

อู่เหมยไม่สนใจเธอ พวกเขาสองแม่ลูกอยู่ในสภาพเบื่อหน่ายกันและกัน จนเคยหักหน้ากันมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำสีหน้าสุภาพเกรงใจ ขอเพียงไม่ยั่วโมโหเธอ มิฉะนั้นเธอจะไม่เป็นลูกแกะน้อยในอดีตอีกต่อไปแล้ว

อู่เยวี่ยยังนอนเล่นอยู่ในห้องนอน ดูท่าแล้วตลอดช่วงเช้าไม่ได้ออกมาจากห้องนอนเลย ฮึ  ตอนค่ำค่อยให้ฉิวฉิวหาธัญพืชห้าชนิดอันยอดเยี่ยมนิดหน่อย ความน่ารังเกียจบางครั้ง ก็ยั่วอู่เยวี่ยได้เป็นพัก ๆ  ทำให้เธอเรียนอย่างไม่สบายใจ

อย่าหาว่าใช้วิธีสกปรกเลวทราม หากเปรียบเทียบกับเธอที่ตกลงมาจากชั้นสามสิบสามเมื่อชาติก่อนแล้ว ความน่ารังเกียจนี้มันหมายความว่าอะไร?

                 อู่เยวี่ยชาตินี้เหน็ดเหนื่อยตรากตรำทำงาน ก็ยังไม่สามารถคืนหนี้แค้นที่ค้างเธอไว้เมื่อชาติที่แล้วได้หมด

เพิ่งจะกินข้าวกลางวัน สยงซือซือก็ลงมาเชิญขึ้นไป อู่เจิ้งซือล่วงหน้าไปก่อนด้วยความยินดียิ่ง เหอปี้อวิ๋นก็ตามไปแล้ว อู่เยวี่ยอ้างว่าตัวเองไม่สบายจึงไม่ไป เจ้าอิงหนานไม่ชอบเธอ ทำไมเธอต้องไปบ้านสยงเพื่อเจอหน้าที่เย็นชาด้วย?

ในตอนนี้อู่เยวี่ยอายุยังน้อย เธอไม่มีความปลิ้นปล้อนและเล่ห์เหลี่ยมเมื่อสมัยโตเป็นผู้ใหญ่ในชาติก่อน ยังมีนิสัยหยิ่ง ยโสบ้าง ก็เป็นเด็กผู้หญิงธรรมดา ควบคุมอารณ์ไม่ได้สักนิดเดียว

อู่เหมยล้างเครื่องประดับเงินอยู่ในห้อง เธอใช้ยาสีฟันล้าง  ไม่นานก็ล้างคราบดำๆ ที่ติดอยู่บนเครื่องประดับเงินออก เผยให้เห็นลวดลายเดิมของเครื่องประดับเงิน ลวดลายไม่ซับซ้อน ดูแล้วเป็นเครื่องประดับธรรมดามาก แต่พอมองอย่างละเอียดกลับพบว่า สิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นเครื่องประดับเงินธรรมดาๆ ที่ฝีมือละเอียดมาก และเป็นลายแกะลายฉลุทั้งหมด ทันสมัยมาก

เธอยังสังเกตเห็นว่าเครื่องประดับเงินแต่ละชิ้นไม่สะดุดตา มีสัญลักษณ์ที่เล็กมาก ดูเหมือนเป็นใบไม้ แต่มีใบไม้แค่สามใบ สองใบใหญ่ หนึ่งใบเล็ก เป็นสัญลักษณ์ที่พิเศษมาก

อู่เหมยยิ่งมองเครื่องประดับเงินสามชิ้นนี้ก็ยิ่งชอบ เห็นครั้งแรกดูธรรมดา ๆ แต่พอดูละเอียดกลับมีความหรูหราที่ซ่อนอยู่ในสินค้าที่ต่ำต้อย ถึงแม้จะเป็นแค่เครื่องประดับเงิน แต่ก็เปล่งแสงแพรวพราวไม่ด้อยไปกว่าเครื่องประดับเพชร ทองเลย เธอคิดไว้แล้ว เครื่องประดับสามชิ้นนี้ก็มอบให้เจ้าอิงหนาน

                “อู่เหมย เธอทำอะไรอยู่? ยังไม่รีบขึ้นไปอีก”

สยงมู่มู่ผลักประตูเข้ามา บังเอิญเห็นเครื่องประดับเงินสามชิ้นพอดี หยิบชิ้นหนึ่งขึ้นมา ยกขึ้นมาหลี่ตาพิจารณา เขายิ่งมองก็ยิ่งชอบ เช่นเดียวกันกับอู่เหมย

                “เครื่องประดับเหล่านี้เธอเอามาจากไหน? เหมือนไม่ใช่งานฝีมือสมัยใหม่”

สยงมู่มู่ยังวิเคราะห์ดูเครื่องประดับเงิน ตั้งแต่เล็กเขาก็ชอบเครื่องประดับที่ทำด้วยเงิน ไม่ชอบเครื่องประดับทอง ไข่มุก คริสตัล เขา หลงรักเครื่องประดับเงินอย่างเดียว ในวงการนี้ไม่ใช่ความลับอะไร คนที่อยู่ข้างในต่างก็รู้ อู่เหมยก็รู้เช่นกัน ตอนนี้เองเธอก็นึกขึ้นมาได้

 “วันนี้ฉันไปเดินเล่นที่หนานสุ่ย ก็เลยเลือกมาสี่ชิ้น คุณดูสิ ที่ฉันใส่เองอยู่นี่ สวยมั้ย?”

อู่เหมยชูข้อมือขึ้นไปมา กำไลมืออันสวยงามบนข้อมือก็ดึงดูดสายตาของสยงมู่มู่ ถึงแม้สามชิ้นนั้นที่อยู่บนโต๊ะจะสวย แต่เหมาะกับผู้หญิงใส่ เขาใส่คงไม่ค่อยจะเหมาะ อันที่อยู่บนข้อมือของอู่เหมยดีกว่า ผู้หญิงผู้ชายก็ใส่ได้

                “กำไลมือวงนี้เธอต้องให้ฉันแล้วล่ะ ผู้หญิงใส่กำไลมือใหญ่ขนาดนี้ทำไม? แล้วก็ไม่สนใจว่า ขูดแขนแล้วจะเจ็บ”

                 สยงมู่มู่ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ดึงข้อมืออู่เหมยไว้ ถอดกำไลของเธอออก รอให้อู่เหมยดึงข้อมือกลับ กำไลมือก็ไปอยู่บนข้อมือของสยงมู่มู่แล้ว ไอ้คนนี้ยังสะบัดมือหลงระเริงดีใจอีก ท่าทางเหมือนอยากโดนต่อย

 “สยงมู่มู่ เธอเอากำไลคืนฉันมานะ เธอเป็นผู้ชายใส่กำไลมือไปทำไม เอาคืนฉันมาเดี๋ยวนี้!” อู่เหมยโมโหจนกระโจนเข้าหาเขา อยากจะเอากำไลมือคืน

“กฎหมายระบุว่าผู้ชายห้ามใส่กำไลมือเหรอ? แต่อีกไม่นานเธอก็ต้องเรียกฉันว่าพี่แล้ว กำไลนี้ถือเสียว่าเป็นของขวัญการพบกันของเธอแล้วกันนะ ฉันไม่คืน “สยงมู่มู่ยกมือขึ้นสูง อู่เหมยเอื้อมยังไงก็เอื้อมไม่ถึง

……………………………………………………..