ตอนที่ 263 ความชอบของฝ่ายรับ + ตอนที่ 264 รับเป็นพ่อแม่บุญธรรมอย่างเป็นทางการ

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 263 ความชอบของฝ่ายรับ + ตอนที่ 264 รับเป็นพ่อแม่บุญธรรมอย่างเป็นทางการ โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 263 ความชอบของฝ่ายรับ

อู่เหมยกระโดดแย่งคืนมาหลายครั้งก็แย่งคืนมาไม่ได้ เหนื่อยจนหายใจหอบ อู่เหมยโมโห พูดว่า “สยงมู่มู่ แต่พี่เป็นผู้ชาย พี่จะใส่กำไลมือเหมือนหญิงได้ยังไงล่ะ? พี่รีบคืนฉันมานะ ถ้าพี่อยากได้ของขวัญ ฉันจะเอาอย่างอื่นให้”

ตอนนี้สยงมู่มู่อายุยังน้อย หากชี้นำได้ถูกต้องทันเวลา คงจะแก้ไขความคิดที่ผิดปกติของเขาได้ทัน จะได้ไม่เหมือนกับชาติที่แล้วที่บังเอิญไปชอบผู้ชาย จนเป็นผลร้ายกับตัวเอง

อู่เหมยจำได้ว่าเมื่อก่อนเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับรักร่วมเพศ ไม่ว่าจะเป็นรุกหรือรับ โดยเฉพาะฝ่ายรับ จะชอบใส่เครื่องประดับเป็นพิเศษ แต่งตัวงามหยาดเยิ้ม เย้ายวนยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก

                ดูแล้วตอนนี้สยงมู่มู่ในเวลานี้ มีแนวโน้มออกไปทางฝ่ายรับ ผู้ชายปกติจะมาแย่งกำไลมือกับผู้หญิงได้อย่างไร?

                 ถึงแม้จะใส่เครื่องประดับ ก็ควรจะเป็นสไตล์เถื่อนดิบสิ!

                 ไม่ได้ ไม่ได้  เธอต้องยับยั้งความคิดที่ไม่ดีอย่างนี้ของสยงมู่มู่ที่กำลังจะเกิดขึ้น จะปล่อยให้เขากลายเป็นฝ่ายรับไม่ได้เป็นอันขาด แค่นึกถึงว่าสยงมู่มู่ยกสะโพกขึ้น  อยู่ใต้เรือนร่างของชายคนหนึ่งร้อง ครางว่าอย่าหยุดหยุด โอ๊ย โอ๊ย!

                อู่เหมยตัวสั่นด้วยความสยิว  รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง  น่าขยะแขยงมาก  เลวร้ายเกินไปที่จะคิดอีก!

“              นี่ เธอคิดอะไร? ท่าทางแปลกประหลาด!” สยงมู่มู่รออยู่นาน ไม่เห็นอู่เหมยส่งเสียง จึงตบเธออย่างแรง

อู่เหมยจ้องเขาด้วยสายตาเกลียดชัง หน้าบูดบึ้ง แย่งกำไลมือของเธอแล้วยังตบเธออีก เธอเห็นว่าสยงมู่มู่ไม่สนใจ จึงกระโจนเข้าใส่อยากจะแย่งกำไลมือคืนมา แต่ไอ้คนนี้ปฏิกิริยาเร็วมาก ปกป้องกำไลมือไว้อย่างหวงแหน

                “บอกแล้วไง ว่าจะเอาของขวัญอย่างอื่นให้ ไอ้ขี้ขโมย!”

                “งั้นบอกฉันมาก่อนจะเอาอะไรให้ฉัน?” สยงมู่มู่ถาม

อู่เหมยชะงักไป เดิมทีเธอไม่คิดจะให้ของขวัญสยงมู่มู่ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะถูกถาม ยังคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะให้อะไรดี คิดอยู่นาน เธอพูดตะกุกตะกัก “ถ้าอย่างนั้นฉันให้ภาพวาดหนึ่งภาพแล้วกัน ฉันวาดเอง”

               สยงมู่มู่มองเธออย่างเฉยเมย กล่าว “ฉันเอาภาพวาดนั้นของเธอไปจะมีประโยชน์อะไร?  เช็ดก้นก็ยังแข็งเกินไป”

อู่เหมยอึดอัด ทำอะไรไม่ถูก ขี้เกียจจะมองไอ้บ้านี่อีกแล้ว คิดว่าเดี๋ยวสักพักจะไปถนนหนานสุ่ยเลือกกำไลมือสวย ๆ สักอันกลับมา

เธอเอาเครื่องประดับเงินที่ล้างสะอาดสามชิ้นใส่ลงในกล่องอย่างระมัดระวัง เก็บลงในลิ้นชัก นอกจากนี้เธอยังวาดภาพหนึ่งภาพ เป็นของขวัญเดิมที่เตรียมไว้อยู่แล้ว

                ฉันไม่โลภมาก กำไลมือวงเดียวก็พอแล้ว ของพวกนี้เธอไม่ต้องให้ฉันหรอก” สยงมู่มู่พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

                อู่เหมยกรอกตาใส่เขา “อันนี้จะให้อาสยงกับน้าเจ้า นายฝันไปเถอะ!”

               สยงมู่มู่ยักคิ้ว แล้วถามอีก “เมื่อตะกี้เธอบอกว่าจะให้ภาพวาดฉัน อย่าลืมสิ เธอวาดภาพเทพธิดาดอกไม้หนึ่งชุดให้ฉันสิ”

               “เธอบ่นว่าภาพวาดของฉัน แข็งกว่ากระดาษเช็ดก้นไม่ใช่หรือ” อู่เหมยยังคงอารมณ์ไม่ดี

                 สยงมู่มู่พูดอย่างพอใจ “ยัดใส่ก้นมันแข็งไปหน่อย เช็ดกำแพงกำลังพอดี”

โมโหขึ้นมาอีก อู่เหมยหยิบภาพแล้วเดินออกไป ไม่อยากสนใจไอ้คนน่ารำคาญที่พูดจาไม่เข้าหูแบบนี้ เครื่องประดับเงินสามอันนั้นเธอไม่ได้ถือขึ้นไปด้วย รอให้ค่ำก่อนค่อยเอาไปให้ ป้องกันอู่เจิ้งซือเห็น แล้วจะอธิบายยาก

สยงมู่มู่สะบัดมือ มองกำไลมือที่เปล่งประกายด้วยความพอใจ หัวเราะ เดินก้าวขายาวตามไป

สิ่งที่ทั้งสองคนไม่รู้คือ การสนทนาของพวกเขาเมื่อสักครู่นี้ อู่เยวี่ยที่อยู่ห้องรับแขกได้ยินชัด เธอผลักประตูห้องนอนอู่เหมยแล้วเปิดลิ้นชัก

………………………………………………….

 ตอนที่ 264 รับเป็นพ่อแม่บุญธรรมอย่างเป็นทางการ

อู่เหมายเพิ่งจะเข้ามาบ้านตระกูลสยง เหอปี้อวิ๋ยก็บ่นว่า “ทำไมนานอย่างนี้? ไม่รู้เหรอว่าทุกคนรอเธออยู่?”

เจ้าอิงหนานอมยิ้ม มองเหอปี้อวิ๋นอย่างไม่มีพิรุธ พูดว่า “ ไม่รีบ ครูเหอนิสัยใจร้อนเกินไปแล้ว เมื่อก่อนฉันไม่เคยรู้เลยว่าครูเหอจะนิสัยใจร้อน!”

                อู่เจิ้งซือมองเหอปี้อวิ๋นอย่างไม่พอใจ  เตือนเธอว่าไม่อนุญาตให้พูดอีก เหอปี้อวิ๋นปิดปากเงียบด้วยความโกรธแค้น จ้องอู่เหมยอย่างมีเลศนัย ยังคิดว่าคนอื่นไม่เห็น กลับไม่รู้ว่าการเคลื่อนไหวของเธอ ล้วนอยู่ในสายตาของสองสามีภรรยาเจ้าอิงหนาน แอบไม่เห็นด้วยอยู่ในใจ

                 สยงมู่มู่เดินตามเข้ามา พูดจาเสียงดัง “ ผมรั้งเหมยเหมยคุยอยู่พักหนึ่ง คุณอาเหอตำหนิผมเถอะครับ!”

เหอปี้อวิ๋นหัวเราะด้วยความอึดอัด “จะตำหนิมู่มู่ได้อย่างไรเล่า อาก็พูดไปอย่างนั้นเอง มู่มู่กับเหมยเหมยก็เล่นด้วยกันได้!”

               “ใช่ครับ หากเล่นด้วยกันไม่ได้ผมจะคุยกับเหมยเหมยทำไม? คนที่ไม่ชอบ  แทบไม่อยากจะสนใจเสียด้วยซ้ำ”

น้ำเสียงและท่าทางของสยงมู่มู่นั้นมีมารยาทมาก ไม่มีความผิดปกติสักนิดเดียว แต่คำพูดที่พูดออกมานั้นเหมือนกับเหน็บแนม ฟังยังไงก็ไม่สบายใจ ทำให้เหอปี้อวิ๋นโกรธแทบตาย

เยวี่ยเยวี่ยของเธอทั้งสวย ทั้งฉลาด ทั้งมีความสามารถ ทั้งเชื่อฟัง แต่ไอ้เด็กนี่ไม่แม้แต่จะสนใจ กลับไปขลุกอยู่กับอู่เหมยทั้งวัน ช่างรสนิยมแย่ ๆ เหมือนกันจริง ไม่มีอะไรดีสักอย่าง!

               สยงมู่มู่สะบัดข้อมือ ยื่นอวดเจ้าอิงหนาน แล้วพูดอวด “เหมยเหมยให้กำไลมือผม สวยไหมครับ?”

                เจ้าอิงหนานก็ชอบเครื่องประดับเงิน โดยเฉพาะเครื่องประดับเงินเหล่านั้นของหมู่บ้านเหมียว ชอบมาก สยงมู่มู่ได้รับอิทธิพลจากเธอมาตั้งแต่เด็ก มีความหลงใหลในเครื่องประดับเงินของหมู่บ้านเหมียว เจ้าอิงหนานพอมองกำไลมือที่สยงมู่มู่ใส่ก็ถูกใจ ตาเป็นประกาย ดึงมือของลูกชายแล้วก็เอากำไลมือมาใส่เอง

               “โอ๊ย แม่กินยาชูกำลังมาเหรอ? ไม่ต้องยัดแล้ว หนังถลอกหมดแล้ว!”

สยงมู่มู่ร้องดังจนโอเวอร์ สองแม่ลูกส่งเสียงดัง แต่มีความสุข บ้า ๆ บอ ๆ อู่เจิ้งซืออดขมวดคิ้วไม่ได้ คนเป็นแม่ทำตัวไม่เหมือนผู้ใหญ่ คนเป็นลูกก็ทำตัวไม่เหมือนเด็ก  ตระกูลสยงนี้ช่างไม่มีระเบียบเอาเสียเลย

               พ่อสยงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “อิงหนานกับมู่มู่นิสัยจริง ๆ เป็นอย่างนี้ เอะอะเสียงดังตั้งแต่เล็กจนโต ผมเลี้ยงลูกสองคนนี้!”

ถึงแม้จะปากจะบ่นว่าเบื่อหน่าย แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็อธิบายถึงความสุขและความพึงพอใจของชายคนนี้ อู๋เหม่ยรู้สึกหดหู่มาก ไม่น่าแปลกใจเจ้าอิงหนานที่อายุไล่เลี่ยกับเหอปี้อวิ๋น  แต่ดูเด็กกว่าเหอปี้อวิ๋นสิบปี เหมือนกับหญิงสาวอายุยี่สิบแปด เห็นได้ชัดว่าเจ้าอิงหนานมีความสุข เพราะว่าเธอมีสามีที่รักและเอ็นดูเธอเหมือนกับเด็ก

อู่เจิ้งซือยิ้มเจื่อน ๆ  ไม่เข้าใจกับคำพูดของพ่อสยง ไม่มีระเบียบกฎเกณฑ์ ผู้ใหญ่ก็ต้องวางตัวแบบผู้ใหญ่ เสียงดังเหมือนเด็ก ไม่เหมาะสมเลย ทว่านี่เป็นเรื่องของครอบครัวคนอื่น เขาไม่อยากจะพูดอะไรมาก

เหอปี้อวิ๋นกลับอิจฉาอย่างยิ่ง น่าจะพูดว่าไม่มีผู้หญิงคนไหน ไม่อิจฉาชีวิตของเจ้าอิงหนาน เธอมองอู่เจิ้งซืออย่างเศร้าใจ ความเจ็บปวดในใจ จนฟันกรามหลังปวดไปหมด

หากอู่เจิ้งซือปฏิบัติกับเธอได้ครึ่งหนึ่งของพ่อสยงแล้ว เธอก็เพียงพอแล้ว

ไม่นานปู่เหยียนก็มา เหยียนหมิงซุ่นก็เดินมาด้วย ภายใต้ปู่ที่เป็นประจักษ์พยาน อู่เหมยก็เรียกว่า พ่อบุญธรรม แม่บุญธรรม แต่ยังไม่ยอมเรียกว่าพี่สยงมู่มู่ ทำให้สยงมู่มู่สนุกจนแบะปาก

               “นี่คือของขวัญสำหรับการพบกัน มอบให้เหมยเหมย ไม่มีสิ่งของดี ๆ ติดตัวมา เดี๋ยวรอแม่บุญธรรมกลับมาจากเมืองหลวงค่อยให้นะ!”

                สิ่งที่เจ้าอิงหนานให้คือ กำไลหยกที่เธอใส่อยู่ตลอด มันเป็นสีขาวละเอียด พอเห็นก็รู้ว่าคือหยกมันแพะที่ดีที่สุด ไม่ใช่ของธรรมดาที่เจ้าอิงหนานพูดแน่นอน

……………………………………………………………….