เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 603
ลู่ฝานพยักหน้า ที่แท้คือยันต์คุ้มกันกายนี่เอง

นี่ไม่เลวแฮะ มียันต์คุ้มกันกายเพิ่มขึ้นมา บางทีอาจมีชีวิตเพิ่มขึ้นมา

มิน่าล่ะไอ้อ้วนเจิงเห็นลูกชายตัวเองผ่านด่านแรกได้ ก็ดีใจขนาดนั้นแล้ว งั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจิงหยงก็อยู่ในสายตาของส่วนราชการแล้วสิ

ผู้อาวุโสโม่เดินลงมา ถามพวกลู่ฝานว่าต้องการเลือดคนละหยด ทำป้ายเกียรติยศตลอดชีวิตเสร็จต่อหน้าทุกคน

เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หัวหน้าเขตอี้ว์เดินออกมาอีก

“ด่านที่สองเริ่มอย่างเป็นทางการ ก่อนที่ฉันยังไม่ประกาศเนื้อหาของด้านนี้ ฉันจะถามพวกนายห้าคนอีกครั้ง จะต่อหรือไม่ ด่านนี้ต้องฝ่าไปต่อหน้าทุกคน ไม่สนว่าเป็นหรือตาย!”

ลู่ฝานและคนอื่นมองหัวหน้าเขตอี้ว์อย่างราบเรียบ

ส่วนสายตาของหัวหน้าเขตอี้ว์ มองแค่คนเดียวนั่นก็คืออี้ว์เสี้ยวเอ๋อร์

แต่เหมือนอี้ว์เสี้ยวเอ๋อร์ตัดสินใจแน่วแน่ เหมือนไม่เห็นสายตาของหัวหน้าเขตอี้ว์

ทันใดนั้น หัวหน้าเขตอี้ว์ละสายตาออกมา แล้วพูดว่า “ได้ ในเมื่อไม่มีคนถอย งั้นฉันจะประกาศเนื้อหาของด่านนี้ ค่ายกลเคลื่อนฟ้า!”

เมื่อตะโกนออกมา มีนักบู๊สวมเสื้อคลุมสีเทาด้านหลังเดินออกมา

ในมือพวกเขาทุกคนถือหินประหลาดไว้หนึ่งก้อน ลักษณะตะปุ่มตะปํ่า เป็นสีฟ้าไม่ก็สีม่วง

พวกทหารเริ่มผลักคนที่มุงดูไปด้านหลัง ทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยการถอยไปด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เจอเหตุการณ์นี้เป็นครั้งแรก

หินทั้งหมดวางเรียงเป็นลำดับตามค่ายกล เพิ่งวางได้ครึ่งหนึ่ง เจดีย์เสวียนเก้ามังกรในตัวลู่ฝานโผล่ออกมา แล้วพูดว่า “กลิ่นค่ายกลคุ้นเคยมาก ฮ่าๆ เป็นค่ายกลเคลื่อนฟ้า เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ เจ้านายเจอค่ายกลดีอีกแล้ว”

ลู่ฝานถามในใจว่า “ค่ายกลเคลื่อนฟ้าใช้ทำอะไร”

เจดีย์เสวียนเก้ามังกรตอบว่า “เคลื่อนย้ายคนหรือสิ่งของ แต่มันเคลื่อนย้ายได้ไกลมาก อย่างน้อยแสนลี้ ยิ่งค่ายกลแข็งแกร่งเท่าไร ของที่จะสามารถเคลื่อนย้ายได้ก็ยิ่งเยอะขึ้น ระยะเวลาก็ยิ่งมากขึ้น เป็นค่ายกลที่ใช้งานได้จริง”

ลู่ฝานส่งเสียงตอบรับในใจ

เคลื่อนย้ายคนหรือสิ่งของ งั้นหมายความว่า แปดสิบเปอร์เซ็นต์ ด่านที่สองต้องไม่ได้อยู่ในเมืองตงหวา ไม่แน่อาจไม่อยู่ในเขตตงหวาก็ได้

ไม่นานก็วางค่ายกลเสร็จเรียบร้อย

นักบู๊ยืนเรียงตามลำดับ หลังจากนั้นผู้อาวุโสคนหนึ่งเดินออกมา

คนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน คือชิวซาน

สวมเสื้อคลุมฟ้า เท้าเหยียบลงบนสายลม ชิวซานมาในท่าทางของผู้ฝึกชี่ ถึงหน้าค่ายกล

สะบัดมือใส่พลังชี่เข้าไปในค่ายกล

ต่อมาค่ายกลถูกปลุกขึ้นมา ประตูขนาดใหญ่ปรากฏต่อสายตาทุกคน

ลู่ฝานเบิกตามอง เห็นความมืดในประตู เริ่มมีแสงสว่างขึ้นมา หลังจากนั้นมีป่าทึบปรากฏอยู่ในประตู

ต้นไมปลิวไปตามลม แมลงเดินไปมา ลมเย็นเมฆขาว ทุกอย่างดูสมจริงมาก

หัวหน้าเขตอี้ว์พูดว่า “ทั้งห้าคนเดินขึ้นมา ด่านที่สองล่ากุยวัว! (สัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งในตำนานจีน)”

ทุกคนส่งเสียงตกใจออกมาทันที

จิตใจลู่ฝานวูบไหว กุยวัว คิดไม่ถึงว่าจะล่ากุยวัว!

เจิงหยง อี้ว์เสี้ยวเอ๋อร์ และอี่ว์เทียนซีพากันตะลึง

พวกเขาคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าด่านที่สองจะวิปริตแบบนี้

มีเพียงอู่คงหลิงที่สีหน้าดีหน่อย แต่ก็ยังซีดอยู่ดี

หัวหน้าเขตอี้ว์กวาดตามองทั้งห้าคน แล้วพูดต่อ “มีเวล้าห้าวัน คนที่ฆ่ากุยวัวตายถือว่าผ่านด่าน ถ้ากุยวัวไม่ตาย เท่ากับแพ้ทั้งห้าคน เหตุการณ์จะถูกบันทึกเอาไว้ทั้งหมด และรายงานราชสำนัก คนไหนที่หลอกลวงจะโดนฆ่า!”