บทที่ 441 คำสาปของเทพอาชูร่า
ในจำนวนเจ็ดคนจากชนเผ่าสิงโตที่ล้อมถังหลินชีไว้ ห้าคนเพียงแค่
อยู่ในเขตสัมมาวิญญาณในขณะที่อีกสองคนนั้นอยู่ในเขตปฐพี
วิญญาณ
สำหรับคนที่อยู่ในเขตอัมพรวิญญาณ ถังหลินชีสามารถฆ่าพวกนั้น
ได้ทั้งหมดในพริบตาต่อให้เธอมือไพล่หลัง อย่างไรก็ตามเพราะว่ามี
ความแตกต่างในความแข็งแกร่งระหว่างกัน ยามจึงไม่สามารถที่จะ
เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของถังหลินชีได้ดังนั้นจึงประมาทในตัว
เธอไม่ได้สนใจถึงอันตรายที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่แม้แต่น้อย
“คนรักของเจ้าค่อนข้างขี้ขลาด เขาทิ้งเจ้าโดยมิคิดแม้แต่น้อย ฮ่าฮ่า”
“ทำไมเจ้ามิมากับพวกเราล่ะ พวกเราย่อมมิปล่อยเจ้าไว้เพียงลำพัง
แม้แต่วินาทีเดียว”
พวกยามหัวเราะเสียงดังลั่นหลังจากที่เห็นซูหยางทิ้งระยะห่างจากถัง
หลินชี คิดว่าเขาวิ่งหนีไป
“อันดับแรกสุด…”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนพวกนั้นถังหลินชีก้าวไปข้างหน้าหนึ่ง
ก้าวและหายไปจากสายตาของยามราวกับว่าเธอเปลี่ยนไปเป็นผี
“เขามิใช่คนรักแต่เป็นสามีของข้า”
ถังหลินชีพลันปรากฏตัวด้านหลังผู้มีฝีมือเขตปฐพีวิญญาณและจับ
แขนของอีกฝ่าย
“หือ”
เมื่อเวลาที่ยามคนนั้นรู้ว่าตนเองถูกถังหลินชีจับอยู่ แขนของเขาก็ถูก
กระชากขาดออกจากไหล่แล้ว ทำให้ร่างของเขาสั่นสะท้านด้วย
ความตกใจ
“น่าขยะแขยง…” ถังหลินชีโยนแขนขาดทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจด้วยสี
หน้าขยะแขยง
หลังจากที่โยนแขนขาขาดทั้งหมดทิ้งไปเหมือนมันเป็นขยะ ถังหลิน
ชีก็จับหัวของยามและแยกมันออกจากตัวอย่างง่ายดายเช่นกัน ฆ่าอีก
ฝ่ายในทันใด
“…”
ชินเหลียงหยูรู้สึกอยากจะอาเจียนหลังจากที่เห็นฉากที่โหดร้ายต่อหน้า
แม้ว่าเธอจะได้เห็นเลือดและคราบเลือดมามากมายพอสมควรแล้ว
แต่เธอก็ยังไม่เห็นใครที่โหดร้ายกระหายเลือดเหมือนกับถังหลินชี
ต่างจากเทพธิดา เธอดูเหมือนคนที่ถูกเทพปีศาจเข้าสิงมากกว่า
ส่วนสำหรับยามทั้งหกจากชนเผ่าสิงโตนั้น ทุกคนล้วนจ้องมองไปที่
ถังหลินชีด้วยสีหน้าหวาดกลัวดูเหมือนกับว่าพวกเขากำลังเห็นสัตว์
อสูร
“มีอะไรผิดไปรึ” ถังหลิงชีหันไปมองดูเหล่ายามและเดินเข้าไปหา
พวกเขาอย่างช้า ๆ
แต่ทว่าทุกก้าวที่ถังหลินชีก้าวไปยังยามนั้น พวกเขาก็ก้าวถอยหนึ่ง
ก้าวเช่นกัน
“ทำไมพวกเจ้าจึงถอยห่างจากข้า ข้าคิดว่าพวกเจ้าต้องการที่จะสัมผัส
ร่างนี้มิใช่รึ” ถังหลินชีดวงตาเย็นเยียบเหมือนกับน้ำแข็ง และกลิ่น
อายที่น่าหวาดกลัวของเธอก็หลอกหลอนพวกนั้นเหมือนกับฝันร้าย
“ร-ร-ร-รอเดี๋ยว… น-นั่นต้องเป็นความเข้าใจผิด…” หนึ่งในพวกยาม
พลันกล่าวขึ้นด้วยเสียงสั่นสะท้าน
“เข้าใจผิดรึ ข้ามิได้คิดอย่างนั้น”
ถังหลินชีไล่ตามพวกเขาต่อไป
“ถือว่าพวกเจ้าโชคดีในเมื่อพวกเจ้าได้สัมผัสตัวข้าตอนที่ข้าฉีกแขน
ขาพวกเจ้าทั้งหมดออกจากร่างอันไร้ค่า…”
“ว-วิ่ง นังนี่เป็นอสูรร้าย”
ยามทั้งหกคนรีบหันกายและเริ่มวิ่งออกไปหกทิศทาง
แต่อย่างไรก็ตามภายใต้การฝึกปรือและวิชาการเคลื่อนไหวที่เหนือกว่า
ถังหลินชีจับหนึ่งในนั้นได้อย่างง่าย ๆ และจับแขนของอีกฝ่ายอย่าง
รวดเร็ว
“ด-ได้โปรดละเว้นข้า ข-ข้ามีลูกเมีย—อ๊าาาา”
ราวกับว่าถังหลินชีไม่ได้ยินคำพูดของเขา เธอเด็ดแขนอีกฝ่ายออก
จากร่างเหมือนกับผู้เคราะห์ร้ายคนก่อนหน้า
ยามล้มลงบนพื้นอย่างรวดเร็วและเมื่อถังหลินชียกขาขึ้นกระทืบลง
ไปบนหัวของอีกฝ่ายก็ทำให้มันระเบิดออกเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน
ทันใดนั้นหลังจากฆ่ายามคนนั้น เธอก็ไล่ตามคนถัดไป
สองสามอึดใจจากนั้นถังหลินชีก็ใช้แขนเจาะรูที่หน้าอกของยาม ดึง
หัวใจออกจากอกก่อนที่จะขยี้หัวใจจนมันระเบิดออกเหมือนมะเขือ
เทศ
“ดูเหมือนว่าคำสาปของเทพอาชูร่ากำลังแสดงผลแม้ว่าเธอจะอยู่ใน
ร่างอื่น…” ซูหยางพึมพำกับตัวเองขณะที่เขาดูถังหลินชีฉีกร่างของ
ศัตรูออกเป็นส่วน ๆ เหมือนสัตว์ป่าอย่างเยือกเย็น
“คำสาปของเทพอาชูร่ารึ…” ชินเหลียงหยูซึ่งได้ยินเขาพึมพำทำ
หน้าตางุนงง
“เธออยู่ในตระกูลที่เฉพาะตัวและมีสายเลือดที่แข็งแกร่งที่ทำให้เธอ
ข่มเหงผู้คนในใต้หล้าได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามมีน้อยนักที่สิ่งของ
ในโลกนี้จะสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง”
“แม้ว่าเธอจะมีความแข็งแกร่งอันมหาศาลเนื่องมาจากสายเลือดเฉพาะ
ตัว สายเลือดนั้นก็สาปร่างเธอเช่นกันด้วยคำสาปของเทพอาชูร่า ซึ่ง
จักทำให้ผู้คนมิสามารถควบคุมความกระหายเลือดได้ถ้าพวกเขาถูก
ยั่วยุ”
“นี่เป็นเหตุผลที่มิมีใครปรารถนาที่จะยั่วยุคนจากสายเลือดเทพอาชูร่า
เมื่อมันจักชักนำให้เกิดการนองเลือด”
อย่างไรก็ตามถังหลินชีไม่ได้อยู่ในร่างเธอจริง ๆ และร่างของหงอวี้
เอ๋อร์ก็ไม่ได้มีเลือดของอาชูร่าแม้สักหยด ดังนั้นจึงไม่สมเหตุผล
สำหรับถังหลินชีที่จะได้รับผลกระทบจากคำสาปในเวลานี้
“หรือว่าจริงแล้วคำสาปของเทพอาชูร่ามีผลต่อจิตวิญญาณแทนที่จะ
เป็นเลือด” ซูหยางครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ ขณะที่ถังหลินชีทำการเข่นฆ่า
ยามต่อไปด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมถึงที่สุด
เวลาผ่านไป เสียงกรีดร้องในบริเวณนั้นก็หยุดลงและถังหลินชีก็
กลับคืนมายังข้างกายของซูหยาง
อย่างไรก็ตามรูปลักษณ์ของเธอนั้นห่างไกลจากความสง่างามในเมื่อ
ใบหน้าและเสื้อผ้าของเธอเปื้อนไปด้วยเลือด ทำให้เธอดูเหมือนกับผู้
ฝึกวิชาชั่วร้ายที่น่าหวาดกลัว
“ข้าขอโทษที่เจ้าต้องมาเห็นสิ่งที่ไม่น่าดูเช่นนี้ ที่รัก เป็นเวลานานมาแล้ว
นับตั้งแต่มีคนกล้ายั่วยุข้าแบบนี้ ดังนั้นข้าจึงโกรธบ้างเล็กน้อย และ
ข้าก็มิได้คิดว่าคำสาปของเทพอาชูร่าจักมีผลต่อข้าตอนที่ข้ายังอยู่ใน
ร่างนี้” ถังหลินชีกล่าวกับเขา
“อย่างไรก็ตามก่อนที่ข้าจักฆ่าคนสุดท้าย ข้าได้ถามเขาว่าหัวหน้า
ของพวกเขาไปไหนกัน…” เธอกล่าวต่อ
“เขากล่าวว่าหัวหน้าตอนนี้นำชนเผ่าสิงโตไปยังหมู่บ้านชนเผ่าหมูป่ า
เพื่อทำสงครามและพวกนั้นได้จากไปเมื่อสามวันก่อน”
“อะไรนะ” ชินเหลียงหยูอุทานดังลั่น
“ชนเผ่าหมูป่ าตกอยู่ในอันตราย ข้าต้องกลับไปเดี๋ยวนี้…”
ชินเหลียงหยูพลันคุกเข่าลงด้วยใบหน้าสิ้นหวัง
“แต่ถึงแม้ว่าพวกเรากลับไปในตอนนี้ มันก็จักสายเกินไป ชนเผ่า
สิงโตควรถึงหมู่บ้านชนเผ่าหมูป่ าแล้วในตอนนี้…”
“มันจบแล้ว… ชนเผ่าหมูป่ามิมีพลังที่จะต่อต้านชนเผ่าสิงโต… พวก
เขาทั้งหมดต้องถูกกวาดล้าง”