บทที่ 442 การรุกรานของชนเผ่าสิงโต

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

บทที่ 442 การรุกรานของชนเผ่าสิงโต
“ใจเย็น ๆ หัวหน้าชิน” ซูหยางกล่าวกับเธอซึ่งมีใบหน้าเต็มไปด้วย
น้ำตาในขณะนั้น
จากนั้นเขาก็นำเอาเรือบินออกมาจากแหวนมิติและกล่าวต่อว่า “ถ้า
เราเดินทางด้วยเรือบินนี้ พวกเราจะไปถึงหมู่บ้านชนเผ่าหมูป่ า
ภายในไม่กี่นาที ดังนั้นอย่าเพิ่งสิ้นหวังแบบนั้น”
“จ-จริงรึ” ชินเหลียงหยูมองดูเขาทำตาแดงและพูดว่า “โปรดช่วยชน
เผ่าหมูป่ าของข้าด้วย ข้ายินดีทำทุกอย่างเพื่อแลกเปลี่ยนกับการ
ช่วยเหลือของท่าน”
ซูหยางพยักหน้าและกระโดดขึ้นไปบนยานบินพร้อมกับสองสาว
ก่อนที่พวกเขาจะรีบเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านชนเผ่าหมูป่ า
ในเวลานั้นสองสามชั่วโมงก่อนที่ชนเผ่ามังกร ชิวเยว่ก็ได้เสร็จสิ้น
การอ่านม้วนคัมภีร์ทั้งหมดในกระท่อมและเตรียมตัวที่จะกลับไปยัง
ชนเผ่าหมูป่า
“ข้าหวังว่าท่านจะพบข้อมูลที่ท่านค้นหา ท่านเทพธิดา” หัวหน้าหลง
ยืนอยู่ด้านนอกตอนที่เธอออกมา ราวกับว่าเขาได้รอให้ชิวเยว่เสร็จ
งานตลอดเวลามานี้
“ข้าได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้ว ขอบคุณสำหรับข้อมูล”
“ท่านจะไปตอนนี้เลยรึ ท่านเทพธิดา ข้าพอจะถามได้ไหมว่า ท่านจะ
ไปไหน” หัวหน้าหลงถามเธอ
“ข้ากำลังจะกลับไปยังชนเผ่าหมูป่ า เจ้ามีปัญหาเรื่องนี้รึ” ชิวเยว่
มองดูอีกฝ่ายพร้อมกับหรี่ตา
“ข้ามิกล้า” หัวหน้าหลงรีบส่ายหน้า และเขากล่าวต่อว่า “อย่างไรก็
ตามข้าผู้ต่ำต้อยนี้ต้องการที่จะไปส่งท่านเทพธิดากลับไปยังชนเผ่า
หมูป่า”
“ทำไมเจ้าจึงต้องการทำอะไรแบบนี้ ข้ามิต้องการให้เจ้าไปส่ง” ชิว
เยว่ปฏิเสธข้อเสนอของเขา
“ข้าก็มีธุระบางอย่างกับชนเผ่าหมูป่ า ดังนั้นข้าก็จักจำต้องไปเยี่ยม
พวกเขามิช้าก็เร็ว” หัวหน้าหลงกล่าว
แน่นอนว่าเหตุผลที่เขาติดตามเธอไปยังชนเผ่าหมูป่ านั้นเป็นเพียง
ข้ออ้าง จริงแล้วหัวหน้าหลงต้องการที่จะไปที่นั่นเพื่อจะดูว่าชิวเยว่
จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการรุกรานของชนเผ่าสิงโตหรือไม่
“ตามใจ แต่ข้ามิรอเจ้า” ชิวเยว่กล่าวขณะที่เธอกระโดดขึ้นไปบน
อากาศก่อนที่จะเหาะไปยังหมู่บ้านชนเผ่าหมูป่ า
ในเวลานั้นบนเรือบินของซูหยาง ถังหลินชีก็เริ่มถอดเสื้อผ้าที่เปื้อน
เลือดออกอย่างไม่ใส่ใจเผยให้เห็นร่างกายที่แบบบางและผิวกายอัน
สมบูรณ์
“เจ้ามั่นใจว่านี่มิได้ผิดสัญญากับหงอวี้เอ๋อร์” ซูหยางถามเธอด้วย
รอยยิ้ม แน่นอนว่าสายตาของเขาไม่ได้มองไปที่อื่นและเพียงมอง
ตรงไปยังที่ร่างอ้อนแอ้นของเธอ
“ข้าเพียงสัญญาเธอว่าข้าจักมิทำลายพรหมจรรย์ของเธอ การแสดง
ให้เห็นผิวกายนิดหน่อยให้กับคู่หมั้นของเธอมิได้เกี่ยวข้องกับเรื่อง
นั้น นอกจากว่าเจ้าจักตะครุบข้าในตอนนี้ที่เหลือก็ไม่เป็นอะไร” ถัง
หลินชียิ้มตอบเขา
สองสามนาทีหลังจากนั้น ก่อนที่เรือบินจะไปถึงหมู่บ้านหมูป่ า ซู
หยางและพวกของเขาก็สังเกตเห็นแสงสีแดงยิงตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า
ก่อนที่จะระเบิดออกจนสว่างไสว
“นั่นคืออะไร” ซูหยางถาม
“น-นั่นคือสัญญาณฉุกเฉินของชนเผ่าหมูป่า พวกเขากำลังตกอยู่ใน
อันตราย ต้องเป็นชนเผ่าสิงโตแน่” ชินเหลียงหยูอุทานออกมา
หลังจากที่เห็นสัญญาณ ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความกังวล
ในเวลานั้นภายในหมู่บ้านชนเผ่าหมูป่ าเกิดภาพเหตุการณ์ความ
วุ่นวายเมื่อคนจากชนเผ่าหมูป่ากำลังป้องกันตนจากชนเผ่าสิงโต
อย่างสิ้นหวัง
มีเลือดสาดอยู่ทั่วทุกแห่งหน ศพจากทั้งสองชนเผ่าเรี่ยราดกระจัด
กระจายทั่วพื้น
“เจ้าบ้าไปแล้วรึ หัวหน้าชือ พวกเรามีท่านเทพธิดาปกป้องอยู่ ทำไม
เจ้าจึงกล้าโจมตีพวกเราในขณะที่ท่านเทพธิดายังอยู่ที่นี่” เลอเป่ า
ตะโกนขณะที่เขาต่อสู้กับหัวหน้าของชนเผ่าสิงโต
“ถ้าเทพธิดาของเจ้าอยู่ที่นี่ ทำไมเธอจึงยังมิมาแทรกแซงล่ะ คำตอบ
ชัดเจนราวกับกลางวันว่าเธอมิได้สนใจในการปกป้องชนเผ่าหมูป่ า”
หัวหน้าชือคำรามหัวเราะออกมาขณะที่เขากระแทกเลอเป่ าด้วยความ
แข็งแกร่งของระดับสูงสุดของเขตอัมพรวิญญาณ
“อา”
เลอเป่าครางออกมาด้วยความเจ็บปวดหลังจากที่ถูกกระแทก รู้สึกว่า
กระดูกในร่างบางชิ้นแตกหักจากแรงปะทะ
“เจ้าเป็นนักรบที่ดี เลอเป่ า หนึ่งในคนที่ดีที่สุดในชนเผ่าหมูป่ า นั่นทำ
ให้ข้าสงสัยว่าทำไมเจ้าจึงยังมิได้เปลี่ยนหัวหน้าชินให้กลายเป็นผู้หญิง
ของเจ้าและกลายเป็นหัวหน้าคนใหม่ของชนเผ่าหมูป่า” หัวหน้าชือ
กล่าว
“ถ้าข้าอยู่ในฐานะของเจ้า ข้าคงจักเอาชนะเธอและทำให้เธอกลายเป็น
ผู้หญิงของข้านานแล้ว”
หัวหน้าชือพลันยื่นมือออกมาและกล่าวต่อว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าชอบเธอ
เลอเป่ า ทิ้งชนเผ่าหมูป่ าและเข้าร่วมกับชนเผ่าสิงโตของข้า ถ้าเจ้าทำ
เช่นนั้นข้าจักทำให้ชินเหลียงหยูเป็นหญิงของเจ้า”
“อ-อะไรนะ…” เลอเป่ามองดูอีกฝ่ายด้วยสายตาตกตะลึง “เจ้าต้องการ
ให้ข้าทรยศชนเผ่าหมูป่ างั้นรึ… เจ้าบ้าไปแล้วจริง ๆ ”
“แน่นอนว่าเจ้าสามารถปฏิเสธ อย่างไรก็ตามจงจำไว้ว่าถ้าเจ้าปฏิเสธ
ข้าจักฆ่าเจ้าที่นี่และยึดเอาชินเหลียงหยูมาเป็นของข้าแทน ไม่ว่า
อย่างไรมันยากที่จะหาหญิงที่มีคุณภาพเท่ากับเธอในพื้นที่แถบนี้”
“เจ้าจักมิมีวันได้สิ่งนั้น” เลอเป่ าคำรามขณะที่เขาพุ่งเข้าไปหาหัวหน้า
ชือโดยไม่สนใจความเจ็บปวดบนร่าง
“อย่างไรก็ตาม ข้าคิดสงสัยว่า หัวหน้าเจ้าชินเหลียงหยูอยู่ที่ไหน ข้า
มิได้เห็นเธอนับตั้งแต่มาที่นี่ บางทีเธออาจจะหนีเอาตัวรอดไปแล้ว
ทิ้งชนเผ่าหมูป่าที่เหลืออยู่รับมือกับพวกเราในขณะที่เธอหลบหนี”
“ฮ่าฮ่าฮ่า มิเหมือนมิเหมือนกับพวกตาขาวอย่างเจ้าที่เพียงได้แต่ยืม
กำลังของผู้อื่น หัวหน้าชินย่อมมิทำอะไรเช่นนั้น”
“มิมีความหมายอะไรที่เธอจะซ่อนตัวหรือหนีไป เพราะว่าตราบ
เท่าที่เธอยังอยู่ในทวีปใต้ ข้าย่อมพบเธอแน่” หัวหน้าชือพูดด้วยเสียง
ข่มขู่ขณะที่ดึงเอาขวานขนาดใหญ่ออกมาจากด้านหลัง
“จ-เจ้าได้รับอาวุธวิญญาณนั่นมาจากไหน” เลอเป่าสั่นสะท้านด้วย
ความกลัวหลังจากที่รับรู้ถึงกลิ่นอายน่าหวาดหวั่นปลดปล่อยออกมา
จากขวานสีดำในมือของหัวหน้าชือ
“เจ้าชอบมันรึ มันเป็นของขวัญเล็กน้อยจากเพื่อนของเราชนเผ่ามังกร
มันเรียกว่าขวานมังกรดำ อาวุธวิญญาณระดับสวรรค์”
“ไอ้สารเลว…” เลอเป่าตวาดออกไปพร้อมกับเส้นเลือดสีแดงใน
ดวงตา
“เจ้าควรภูมิใจในเมื่อเจ้าจักเป็นคนแรกที่ข้าฆ่าด้วยขวานมังกรดำ”
หัวหน้าชือยกขวานขึ้นกลางอากาศอย่างช้า ๆ
“อย่ากังวลข้าจักดูแลชินเหลียงหยูแทนเจ้า ข้าจักสนุกกับร่างของเธอ
แทนเจ้าเช่นกัน ลาก่อน เลอเป่า”
หัวหน้าชือจ้องมองลงไปยังเลอเป่ าด้วยรอยยิ้มโหดเหี้ยม
“ข้าขอโทษ หัวหน้าชิน… ข้ามิสามารถที่จักรักษาคำสัญญาของข้า
ได้…” เลอเป่ าพึมพัมและหลับตาลง
“ตายไปซะ”
หัวหน้าชือตะโกนขณะที่เหวี่ยงขวานลงไปด้วยแรงมหาศาล
ในตอนนั้นเองที่มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากท้องฟ้า
“เลอเป่า”
เมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคยนี้ เลอเป่ าก็ลืมตาขึ้นและมองขึ้นไปหวังว่า
จะเห็นหน้าของชินเหลียงหยู
แต่ทว่าสิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่ชินเหลียงหยู แต่เป็นหลังของร่างสูงโปร่ง
ซึ่งยืนอยู่ระหว่างเขากับหัวหน้าชือ ราวกับเป็นขุนเขา
“จ-เจ้าเป็นใครกัน เจ้าสารเลว” หัวหน้าชือดวงตาเบิกกว้างด้วยความ
ตระหนกเมื่อมีชายหนุ่มจากไหนก็ไม่รู้มาป้องกันขวานมังกรดำของ
เขาด้วยมีดเล็ก ๆ สีดำ
“ที่เจ้ามีนั่นเป็นอาวุธที่ดี เจ้าคงมิถือถ้าข้าจะเอาไปหลังจากที่ข้าฆ่าเจ้า
ใช่ไหม”ซูหยางพูดด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นบนใบหน้า
“เจ้าจักฆ่าข้ารึ… ฮ่าฮ่าฮ่า”
หัวหน้าชือกระโดดถอยหลังและทิ้งระยะห่างระหว่างพวกเขาขณะที่
หัวเราะ
“เจ้าเพียงอยู่ที่ระดับสามเขตอัมพรวิญญาณ ในขณะที่ข้าอยู่ที่ระดับ
เก้า คนไร้ค่าอย่างเจ้าจะทำอะไรข้าได้รึ อย่าอวดดีเพียงเพราะว่าเจ้า
สามารถป้องกันการโจมตีที่กระจอกที่สุดของข้าได้อย่างมิทันตั้งตัว”
“เช่นนั้นทำไมเจ้ามิรีบแสดงให้ข้าเห็นถึงกระบวนท่าที่แข็งแกร่ง
ที่สุดของเจ้าล่ะ” ซูหยางตอบกลับด้วยเสียงไม่ใส่ใจ