บทที่ 443 เทพธิดากลับคืนมาแล้ว
“รอสักครู่…มีดสั้นในมือเจ้า…” หัวหน้าชือพลันสังเกตกลิ่นอายอัน
กดดันมาจากแมงป่องดำในมือซูหยาง
“เจ้าก็มีอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์เช่นกันรึ”
“ถ้าพวกขี้แพ้แบบเจ้าสามารถมีได้ ทำไมข้าจึงมีบ้างมิได้เล่า” ซูหยาง
กล่าว
“ฮ่าฮ่าฮ่า แม้ว่ามันจะทำให้ข้าประหลาดใจอยู่เล็กน้อย แต่ผลลัพธ์
การต่อสู้นี้ก็มิเปลี่ยน ต่อให้เจ้ามีอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ เจ้าก็มิ
สามารถเอาชนะข้าได้ ความแตกต่างระหว่างเรานั้นกว้างเกินไป
อย่างไรก็ตามถ้าเจ้าให้อาวุธนั่นแก่เจ้าและเดินจากที่แห่งนี้ไปในตอนนี้
ข้าจักไว้ชีวิตเจ้า” หัวหน้าชือกล่าว
แต่ทว่าซูหยางเพียงแค่ยิ้มและกล่าวว่า “ข้าเห็นด้วยกับเจ้าอย่างหนึ่ง
ที่ว่าความแตกต่างระหว่างเรานั้นกว้างเกินไป”
จากนั้นเขาก็ชี้แมงป่ องดำไปที่หัวหน้าชือแล้วกล่าวต่อว่า “แม้ว่าเจ้า
จะอยู่ในระดับสูงสุดของเขตอัมพรวิญญาณ เจ้าก็เพียงแค่ได้รับพลัง
จากการกินเนื้อวิญญาณมาตลอดชีวิต ก็เหมือนคนผอมที่ขุนตัวเอง
จนอ้วนและได้รับความแข็งแกร่งบ้างจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น นั่นมิใช่
ความแข็งแกร่งที่แท้จริง”
“ในเวลาเดียวกัน ข้าได้ฝึกฝนหนึ่งในวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า
ทำให้ข้ามีพลังวิญญาณที่บริสุทธ์ิและเข้มข้น ตามความเป็นจริงหาก
เปรียบกับผู้ฝึกวิชาในเขตอัมพรวิญญาณในทวีปตะวันออก เจ้าเพียง
แค่พอที่จะแข็งแกร่งกว่าผู้ที่อยู่ในระดับต้น ๆ ของเขตอัมพรวิญญาณ
ทั้งที่อยู่ในระดับสูงสุดของเขตอัมพรวิญญาณ แท้จริงแล้วมันค่อนข้าง
น่าขันที่เจ้าทำตัวหยิ่งยโสทั้งที่สุดแสนจะอ่อนแอ”
“จ-เจ้าเด็กเวร…” หัวหน้าชือใบหน้าแดงก่ำและเส้นเลือดปูดโปน
เมื่อตอนที่ซูหยางพูดเยาะเย้ยจบ ร่างของเขาสั่นสะท้านไปด้วยความ
โกรธ เขาไม่เคยถูกหมิ่นถึงระดับนี้มาก่อน ยิ่งมาจากรุ่นเยาว์อีกด้วยซ้ำ
“ถ้าข้ามิหั่นเจ้าให้เป็นชิ้นและป้อนเจ้าให้กับสุนัข ข้าจักมิใช่หัวหน้า
ชือของชนเผ่าสิงโตอีกต่อไป ตาย” หัวหน้าชือพลันพุ่งเข้าไปหาซู
หยางด้วยขวานมังกรดำที่เปล่งแสงอันตรายออกมา
แต่ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้ก้าวไปถึงสองก้าว หัวหน้าชือก็พลันหยุด
เคลื่อนที่และเริ่มสั่นสะท้านด้วยความกลัวราวกับว่าเขากลัวที่จะก้าว
“หือ”
เมื่อเห็นพฤติกรรมที่แปลกไปของอีกฝ่ายซูหยางก็เลิกคิ้วจากนั้นก็
มองไปยังท้องฟ้าที่ซึ่งมีคนสองคนกำลังจ้องมองลงมาจากบนอากาศ
เหนือพวกเขา
นั่นคือชิวเยว่กับหัวหน้าหลง
“ท-ท่านเทพธิดา”
“นั่นท่านเทพธิดา เธอกลับมาแล้ว”
เมื่อคนจากชนเผ่าหมูป่าสังเกตเห็นการปรากฏตัวของชิวเยว่ ไม่ว่าจะ
เป็นคนจากชนเผ่าหมูป่าหรือว่าชนเผ่าสิงโตพวกเขาทุกคนล้วนหยุด
การต่อสู้และคำนับเธอ
ทั่วทั้งสถานที่พลันเงียบลงไปในฉับพลันหลังจากที่เธอมาถึง ไม่มี
ใครกล้าที่จะพูดและรอให้ชิวเยว่พูดก่อน
“ท่านจะทำอะไรในเรื่องนี้ ท่านเทพธิดา” หัวหน้าหลงถามเธอ
ชิวเยว่หันไปมองซูหยางก่อนที่จะมองไปยังหัวหน้าหลงและกล่าวว่า
“ข้าได้บอกเจ้าแล้วมิว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างชนเผ่าก็มิใช่ธุระที่ข้า
จะต้องใส่ใจ ดังนั้นข้าจักมิยุ่งเกี่ยว”
“ข้าเข้าใจแล้ว…” หัวหน้าหลงถอนใจหลังจากที่ได้ยินคำพูดของชิว
เยว่
แต่เมื่อคนจากชนเผ่าหมูป่ าได้ยินคำพูดของเธอ ความสิ้นหวังก็พลัน
ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาทุกคนราวกับว่าพวกเขาถูกพระ
เจ้าทอดทิ้ง
“ไม่นะ…” กระทั่งชิวเหลียงหยูก็อดที่จะเชื่อหูของตนเองไม่ได้ และ
เธอหันไปมองดูซูหยางซึ่งยังคงนิ่งเฉย
“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเจ้าได้ยินนั่นหรือไม่ ทุกคน ท่านเทพธิดาจักมิยุ่งเกี่ยว
กับพวกเรา ดังนั้นพวกเราสามารถทำทุกสิ่งได้เต็มที่” หัวหน้าชือ
ตะโกนออกมาดัง ๆ และคนจากชนเผ่าสิงโตก็คำรามด้วยความตื่นเต้น
“ชินเหลียงหยู ข้าจักให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ข้าจักทำลาย
หมู่บ้านของเจ้า ถ้าเจ้ายอมเชื่อฟังมากับข้าและเป็นผู้หญิงของข้า ข้า
จักยอมทำลายเพียงครึ่งหนึ่งของชนเผ่าหมูป่ า แต่ถ้าเจ้าปฏิเสธข้าจัก
มิเพียงทำลายที่แห่งนี้จนหมดสิ้นและฆ่าทุกคนที่นี่แต่ข้าจักยังคง
ทำลายเจ้าด้วยเช่นกันทั้งร่างกายและจิตใจ ฮ่าฮ่าฮ่า”
“…”
ชินเหลียงหยูกัดริมฝีปากจนเลือดไหล รู้สึกไร้อำนาจอย่างสิ้นเชิงใน
สถานการณ์นี้
“ท่านว่าอย่างไร ซูหยาง”
ท่ามกลางเสียงอึกทึกจากชนเผ่าสิงโต ชิวเยว่พลันพูดขึ้น
“ท่านจะทำอะไรต่อไป” เธอถามเขา
“เจ้าต้องการคำตอบของคำถามนี้จริงรึ” ซูหยางยิ้ม
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชิวเยว่ “เช่นนั้นท่านต้องการความ
ช่วยเหลือหรือไม่”
“มิจำเป็นข้าสามารถจัดการกับสิ่งพวกนี้ได้ด้วยตนเอง”
“ก-เกิดอะไรขึ้นกันนี่” หัวหน้าหลงดูความคืบหน้าของสถานการณ์
ด้วยสีหน้ามึนงง
“เฮ้เจ้าเด็กเล่นขวาน ก่อนที่ข้าจะตัดสินใจว่าข้าควรฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด
หรือว่าไว้ชีวิตของพวกเจ้า ทำไมเจ้ามิบอกข้าเหตุผลที่เจ้ารุกรานชน
เผ่าอื่นก่อนสักหน่อยล่ะ” ซูหยางถามอีกฝ่าย
“เหตุผลนะรึ…” หัวหน้าชือเลิกคิ้ว “ข้ามีหลายเหตุผลในใจอย่างเช่น
ต้องการที่จะเป็นใหญ่ในทวีปใต้ หรือต้องการให้ชนเผ่าสิงโตกลาย
เป็นชนเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ถ้าให้ข้าหยิบเหตุผลที่แท้จริงในเรื่อง
นั้น… นั่นก็จักต้องเป็นเพราะว่าข้าชอบที่จะทำลายทุกสิ่ง ฮ่าฮ่าฮ่า”
“…”
“เช่นนั้นแล้วพวกเจ้าชนเผ่าสิงโต พวกเจ้าก็ทำสิ่งเหล่านี้ง่าย ๆ ก็เพราะ
ว่าพวกเจ้าต้องการที่จะทำลายทุกสิ่งเช่นกันรึ” ซูหยางถามพวกเขา
“แน่นอน มีเหตุผลอะไรอีกที่พวกเราจักต้องทำสิ่งนี้ล่ะ” คนเหล่านั้น
พากันคำรามด้วยความตื่นเต้น
“ข้าเข้าใจแล้ว…” ซูหยางหลับตาและถอนหายใจ
เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาหลังจากนั้น มันก็เป็นประกายการฆ่าฟันและร่าง
ของเขาก็แผ่กระแสพลังที่ทรงอำนาจเต็มไปด้วยความน่าหวาดกลัว
“พ-พลังนี้แผ่มาจากเขารึ” หัวหน้าชือรู้สึกถึงกลิ่นไออันตรายมาจาก
ซูหยางและสัญชาตญาณบอกเขาว่าให้หันกายหนีไป
“เฮ้ เจ้ารออะไรอยู่” ซูหยางพลันกล่าวกับเขาด้วยเสียงเรียบเฉยที่ไม่
เข้ากับประกายความคิดฆ่าฟันในดวงตาของเขา
“ข้าได้รอให้เจ้าแสดงการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้ามาตลอดเวลา
เจ้าจักทำให้ข้ารออีกนานเท่าไหร่ ถ้าเจ้ามิโจมตีข้าก่อนที่ข้าฆ่าเจ้า
นั่นจะเหมือนกับว่าข้ารังแกคนอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง”
“จ-เจ้า… ในเมื่อเจ้าต้องการตายนัก ข้าย่อมยินดีที่จะทำให้เจ้าได้สม
ประสงค์” หัวหน้าชือคำรามด้วยแรงทั้งหมดที่มี และกระแสพลังที่
กดดันก็พวยพุ่งออกมา ทำให้เหมือนกับว่าร่างของเขานั้นมีขนาด
เพิ่มขึ้น
“ลิ้มรสขวานมังกรดำของข้า เจ้าเด็กเลวไร้ค่า” หัวหน้าชือตะโกน
ขณะที่เขากระโดดไปหาซูหยาง