บทที่ 1400 กองทัพอสูรปี

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

หลุมลึกที่ใจกลางวังวนทรายลึกลงไปราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

 

ยิ่งฟงจิวเก้อเคลื่อนที่ลึกลงไปเท่าใด เขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของกาลเวลาที่เข้มข้นเท่านั้น

 

ทันใดนั้นแสงสว่างก็ปรากฏขึ้น

 

‘วิญญาณป่าระดับมนุษย์?’ ฟงจิวเก้อตระหนักว่ามันเป็นวิญญาณระดับสาม

 

มันคือวิญญาณวันระดับมนุษย์

 

สิ่งที่ทำให้ฟงจิวเก้อรู้สึกสนใจก็คือวิญญาณชนิดนี้มักอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา

 

มีวิญญาณวันป่าอยู่ที่นี่ นั่นหมายความว่ามีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาอยู่ที่นี่?

 

สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาค่อนข้างหาได้ยากในห้าภูมิภาคและสองสวรรค์

 

กองกำลังใหญ่จะต่อสู้กันเพื่อให้ได้มันมา หากพวกเขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ พวกเขาจะพยายามปิดซ่อนมันและใช้มันเพื่อตนเอง

 

วิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลายังสามารถใช้ในการหลอมรวมวิญญาณ

 

ตัวอย่างเช่นวิญญาณวันระดับสามดวงนี้ หากใช้มันในการหลอมรวมวิญญาณ ผู้อมตะสามารถลดเวลาการหลอมรวมได้สามวัน

 

นอกจากนั้นยังมีวิธีการยืดอายุบนเส้นทางแห่งกาลเวลาโดยใช้วิญญาณวัน วิญญาณเดือน และวิญญาณปี แน่นอนว่าวิธีเหล่านี้มีข้อบกพร่อง มันจะทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้วิญญาณอายุยืนได้ในอนาคต

 

แต่วิญญาณอายุยืนหายากมาก หากไม่มีมัน อายุขัยของพวกเขาจะสิ้นสุดลง แล้วพวกเขาจะไม่ใช้วิธีการเหล่านี้ได้อย่างไร?

 

‘หากมีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาอยู่ที่นี่ นิกายเงาต้องพบมันและซ่อนมันไว้’ ฟงจิวเก้อยังเดินทางต่อไป

 

ในไม่ช้าเขาก็พบวิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลามากขึ้นเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็นวิญญาณวัน วิญญาณเดือน หรือวิญญาณปี

 

ไม่นานหลังจากนั้นระลอกคลื่นสีขาวก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าฟงจิวเก้อ

 

มันเหมือนระลอกคลื่นบนผิวทะเลสาบที่เงียบสงบ

 

ฟงจิวเก้อชะลอความเร็วและระวังตัวมากขึ้น

 

นี่คือระลอกคลื่นของกาลเวลา

 

มันเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติเหมือนลมในทะลทราย หมอกบนภูเขา และฝนจากฟากฟ้า

 

รูปแบบชีวิตที่เข้าสู่ระลอกคลื่นแห่งกาลเวลาจะได้รับผลกระทบ เวลาของพวกเขาจะเดินเร็วขึ้น พวกเขาจะแก่ลงอย่างรวดเร็ว หรือบางทีพวกเขาอาจรู้สึกว่าโลกเคลื่อนที่เร็วขึ้นในมุมมองสายของพวกเขา

 

แต่ไม่ว่าจะเร็วหรือช้า อายุขัยของพวกเขาก็จะถูกกลืนกิน

 

ฟงจิวเก้อไม่กล้าทดสอบ เขาชะลอความเร็วและอ้อมมันไป

 

เมื่อออกจากระยะของระลอกคลื่นแห่งกาลเวลา ฟงจิวเก้อยิ่งรู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่ามีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาอยู่ที่นี่

 

ผู้อมตะระดับแปดที่ถูกส่งมาโดยวังสวรรค์บอกเขาอย่างชัดเจนว่ามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงถูกซ่อนไว้บนเกาะบัวหิน หากฟางหยวนต้องการรับสืบทอดมัน เขาต้องเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา วิธีที่ดีที่สุดคือการหาสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา

 

สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาเหมือนทางเข้า มันต้องใหญ่พอที่จะเข้าไปได้

 

สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาที่เชื่อมต่อกับมิติช่องว่างของผู้อมตะไม่ใหญ่พอ

 

มีเพียงสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาของห้าภูมิภาคและสองสวรรค์เท่านั้นที่ผู้อมตะสามารถเข้าไป

 

เมื่อเวลาผ่านไป ฟงจิวเก้อพบวิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลามากขึ้นเรื่อยๆ

 

กลิ่นอายของสายธารแห่งกาลเวลาเข้มข้นขึ้น ฟงจิวเก้อกระทั่งได้ยินเสียงน้ำไหล

 

ต่อมาฟงจิวเก้อก็พบบางสิ่ง

 

‘สาขาของสายธารแห่งกาลเวลา!’ หัวใจของฟงจิวเก้อสั่นไหว มันอยู่ที่นี่จริงๆ

 

‘แต่ฟางหยวนกับคนอื่นๆอยู่ที่ใด?’ ฟงจิวเก้อคิดเรื่องนี้เมื่อร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากระลอกคลื่นแห่งกาลเวลาและพุ่งเข้ามาหาเขา

 

ฟงจิวเก้อเร่งหลบเลี่ยงและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ

 

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียง เพลงเงียบ!

 

ฟงจิวเก้อบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเสียงและปรารถนาที่จะสร้างเก้าบทเพลงที่เป็นตัวแทนของทุกสิ่งบนโลกใบนี้ ตอนนี้เขาสร้างได้เจ็ดบทเพลงแล้ว เพลงแยกเป็นหนึ่งในนั้น

 

แต่นอกเหนือจากเจ็ดเพลง เขายังมีวิธีบนเส้นทางแห่งเสียงอื่นๆอีกด้วย

 

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียงเพลงเงียบเป็นหนึ่งในนั้น

 

ฟงจิวเก้อเชี่ยวชาญมันมาก ดังนั้นเขาจึงประสบความสำเร็จในครั้งเดียว

 

เขาชกหมัดและฝ่ามือออกไปโจมตีเงาดำจากระยะไกล

 

หมัดส่งเสียงเหมือนกลอง ฝ่ามือส่งเสียงเหมือนระฆัง มันเป็นมรดกสามเสียงของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

 

นอกจากหมัดกลองและฝ่ามือระฆัง ยังมีเสียงนกหวีดเป็นเสียงที่สาม แต่ฟงจิวเก้อยังไม่ได้เรียนรู้มัน เขาฝึกท่าไม้ตายนี้เพียงเพื่อเติมเต็มสิ่งที่เขาขาดบางอย่างเท่านั้น

 

สัตว์ประหลาดขนาดใหญ่คำรามขณะพุ่งเข้าโจมตีฟงจิวเก้อ

 

แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือเสียงคำรามของมันหายไปทันทีที่มันอ้าปาก

 

หมัดของฟงจิวเก้อทำให้เกิดเสียงกลองขณะที่ฝ่ามือสร้างเสียงระฆัง อย่างไรก็ตามในขณะนี้มันกลับไม่เกิดเสียงใดๆขึ้นที่นี่

 

ในไม่ช้าฟงจิวเก้อก็กลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ การโจมตีของเขารุนแรงขึ้นขณะที่สัตว์ประหลาดกลายเป็นมึนงงและไม่สามารถตอบโต้

 

ฟงจิวเก้อพบว่ามันคืออสูรปี

 

อสูรปีวอก

 

และมันเป็นเพียงสัตว์อสูรเดียวดาย มันไม่แม้แต่จะเป็นสัตว์อสูรบรรพกาล

 

ฟงจิวเก้อหรี่ตามอง

 

นอกจากวิญญาณป่าบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ในสายธารแห่งกาลเวลายังมีสัตว์ป่าและพืชพรรณอีกด้วย อสูรปีหายากมากในห้าภูมิภาค แต่มันพบเห็นได้ทั่วไปในสายธารแห่งกาลเวลา

 

อย่างไรก็ตาม…

 

อสูรปีตัวนี้ถูกส่งมาโดยฟางหยวนหรือเป็นอสูรปีตามธรรมชาติ?

 

ฟงจิวเก้อกำลังพิจารณาปัญหาข้อนี้

 

หากมันถูกส่งมาโดยฟางหยวน นั่นหมายความว่าร่องรอยของเขาถูกค้นพบแล้วใช่หรือไม่?

 

‘อสูรปี…’ ฟางหยวนเฝ้ามองการต่อสู้ขณะเดียวกันก็เชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลือง

 

ในสวรรค์สีเหลืองมีคนขายอสูรปีอย่างเปิดเผย นี่เป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก

 

ฟางหยวนถูกล่อลวงอย่างไม่ต้องสงสัย

 

หากเขาสามารถซื้อและกดขี่พวกมัน พวกมันจะกลายเป็นกำลังเสริมที่ดี

 

อย่าลืมว่าเขามีท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อย

 

ด้วยการคงอยู่ของอสูรปีเหล่านี้และท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อย ฟางหยวนจะสามารถจับทาสอสูรปีแรกกำเนิด

 

แม้เขาจะสูญเสียอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด แต่หากเขามีอสูรปีแรกกำเนิด เขาจะได้รับพลังการต่อสู้ระดับแปดอีกครั้ง

 

แต่ปัญหาคือผู้ขายต้องการทำธุรกรรมขนาดใหญ่

 

ฟางหยวนต้องการซื้ออสูรปีเหล่านี้แต่เขาไม่ใช่คนเดียวที่ต้องการ

 

จุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ของเขาก็คือเขามีเงินทุนไม่เพียงพอ หากเขาต้องการซื้ออสูรปีเหล่านี้ เขาต้องขายอินทรีย์เดียวดายและอินทรีย์บรรพกาลที่เขาซื้อมาก่อนหน้านี้

 

แน่นอนว่าฟางหยวนสามารถขายวิญญาณอมตะ

 

แต่เขาจะไม่ทำเช่นนั้นจนกว่าเขาจะไม่มีทางเลือก

 

ในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน ฟางหยวนต้องเอาชีวิตรอด แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แห่งชีวิตและความตาย

 

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกำลังตัดสินใจ

 

เขาได้รับข้อเสนอมากมายแต่มีเพียงสามข้อเสนอที่เขาสนใจ

 

หนึ่งเสนอหินวิญญาณอมตะจำนวนมหาศาล กระทั่งบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงยังรู้สึกตกตะลึง

 

สองเสนอทรัพยากรอมตะมากมาย สิ่งนี้กระตุ้นความสนใจของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

 

สามต้องการแลกเปลี่ยนด้วยสัตว์อสูรประเภทนกอินทรีย์จำนวนมาก ข้อเสนอนี้เหมาะสมกับเขา

 

ขณะที่บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกำลังลังเล หนึ่งในสามกลับเพิ่มเสนอ

 

‘พวกเขาจะใช้วิญญาณอมตะแลกเปลี่ยนงั้นหรือ?’ บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงไม่ลังเลอีกต่อไป

 

เขาขายอสูรปีทั้งหมดให้กับหนึ่งในนั้น

 

การทำธุรกรรมสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็วและทำให้ผู้คนรู้สึกตกตะลึง

 

ทะเลทรายตะวันตก ในหลุมทราย

 

อสูรปีวอกกรีดร้องอย่างน่าเวทนา

 

แต่เสียงกรีดร้องของมันหายไปเนื่องจากท่าไม้ตายของฟงจิวเก้อ

 

ในการต่อสู้อันเงียบงัน อสูรปีวอกไม่สามารถต่อต้านฟงจิวเก้อและถูกสังหารอย่างไร้ปรานี

 

ฟงจิวเก้อตรวจสอบและเก็บศพของมันไว้ในมิติช่องว่างของตน

 

การต่อสู้ทั้งหมดใช้เวลาเพียงชั่วครู่

 

เห็นได้ชัดว่าฟงจิวเก้อยังไม่ได้ใช้ความสามารถที่แท้จริงของเขาออกมา การกำจัดอสูรปีเดียวดายง่ายเกินไป

 

เขาไม่จำเป็นต้องพักผ่อนและเดินหน้าต่อทันที

 

ยิ่งเข้าใกล้เท่าใด กลิ่นอายของกาลเวลาก็ยิ่งรุนแรงเท่านั้น

 

ทันใดนั้นอสูรปีหลายตัวก็โผล่ออกมาและพุ่งเข้าโจมตีฟงจิวเก้อ

 

ฟงจิวเก้อตกใจเล็กน้อย

 

‘ข้าถูกค้นพบงั้นหรือ?’ ก่อนหน้านี้เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของท่าไม้ตายอมตะ

 

อสูรปีกลุ่มนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง มีอสูรปีระดับสัตว์อสูรเดียวดายห้าตัวและอสูรปีระดับสัตว์อสูรบรรพกาลอีกสามตัว

 

ฟงจิวเก้อก่นเสียงเย็นเย้ยหยันขณะที่เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเขาปะทุขึ้น

 

ตั้งแต่เขาถูกค้นพบ เขาก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอีกต่อไป

 

“ฟางหยวน ออกมา!” ฟงจิวเก้อเรียก

 

แต่ครู่ต่อมารูม่านตาของเขากลับหดเล็กลง

 

อสูรปีมากกว่าสิบตัวกระโดดออกมาจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาและพุ่งเข้าโจมตีเขาอย่างต่อเนื่อง

 

‘เกิดสิ่งใดขึ้น? มีรังของอสูรปีอยู่แถวนี้งั้นหรือ?’