ตอนที่ 413 รำคาญการตอแย / ตอนที่ 414 คุยเรื่องจริงจัง

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 413 รำคาญการตอแย

 

 

ความริษยาของผู้หญิงเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่ายาพิษหลายเท่าตัวนัก

 

 

เหยียนเฟิงสืบค้นข่าวคราวของเบลล์ทุกวัน เอาแต่คิดว่าเบลล์นั้นได้ทรยศเขาหรือเปล่า สวีอิ๋งอิ๋งที่ไร้ซึ่งแรงดึงดูดไม่ว่าจะลอยไปลอยมาตรงหน้าเหยียนเฟิงอย่างไรก็ไม่มีทางเรียกร้องความสนใจจากเขาไปได้

 

 

“ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหนกันแน่” พอสวีอิ๋งอิ๋งพูดถึงเรื่องนี้ เหยียนเฟิงก็รีบหันมามองเธอทันที

 

 

“พี่หาตัวเขาตั้งหลายวันแล้วนะ บุคคลที่หายสาบสูญ ไม่ตายก็คง…” สวีอิ๋งอิ๋งยังไม่ทันพูดจบก็ตกใจเพราะสายตาของเหยียนเฟิงที่มองมาจนไม่กล้าพูดต่อ

 

 

“นี่ใช่ที่ที่เธอควรจะมาไหม” เหยียนเฟิงสะกดกลั้นอารมณ์คุกรุ่นของตัวเองเอาไว้ แต่เขากลัวว่าถ้า

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งยังอยู่ที่นี่ต่ออีกสักวินาทีเดียว เขาจะทนไม่ไหวแล้วระเบิดออกมาเสียก่อน

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งกำหมัดแน่น เล็บยาวๆ ที่ทำมาค่อยๆ จิกเข้ากับเนื้อบริเวณฝ่ามือ

 

 

วันนั้นที่เธอได้ยินเรื่องราวพวกนั้นก็ไม่ได้หลบเลี่ยงเหยียนเฟิง แต่เมื่อดึงสติกลับมาจึงคิดขึ้นได้ว่าพวกผู้หญิงเหล่านั้นกำลังพูดคุยเรื่องอะไรกันอยู่กันแน่

 

 

ความสัมพันธ์ของเหยียนเฟิงกับเบลล์ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบเจ้านาย-ลูกน้องอย่างที่เห็นกัน เมื่อเห็นท่าทางของเหยียนเฟิงตลอดหลายวันมานี้ สำหรับเขาแล้วเบลล์ไม่ใช่แค่คู่นอนธรรมดาแน่นอน

 

 

“แล้วฉันควรจะไปไหนคะ ฉันแค่อยากให้พี่แต่งงานกับฉัน” เป็นครั้งแรกที่สวีอิ๋งอิ๋งพูดออกมาอย่างชัดเจนเช่นนี้

 

 

เหยียนเฟิงเงียบ ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์มาคิดถึงคนอื่นและรับมือกับสวีอิ๋งอิ๋งไปพร้อมๆ กัน

 

 

“ฉันช่วยพี่ได้นะ พี่อย่าหักหาญน้ำใจกันขนาดนี้ได้ไหม” ตลอดมาก็มีแต่เธอที่วิ่งไล่ตามเหยียนเฟิง ความรู้สึกนี้มันช่างขมขื่นจริงๆ

 

 

เหยียนเฟิงเงยหน้าปลอบโยนเธอ “อย่าคิดมากเลย ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเถอะนะ”

 

 

“แล้วพี่…”

 

 

“ส่วนเรื่องของฉันไม่ต้องยื่นมือเข้ามายุ่ง” เหยียนเฟิงไม่เคยให้คำมั่นสัญญาอะไรกับเธอ นี่เป็นเพียงความต้องการของเธอคนเดียวเท่านั้น

 

 

“ฉันจะทำให้พี่ชอบฉันให้ได้” ไม่รอเวลาไม่ได้แล้ว สวีอิ๋งอิ๋งตัดสินใจแล้วว่าจะทำให้เหยียนเฟิงรับรู้ให้ได้ว่าเธอชอบเขามากจริงๆ

 

 

เหยียนเฟิงเกลียดผู้หญิงที่ชอบคิดไปเอง ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีแบบนี้ที่สุด ถ้าไม่เห็นว่าในอนาคตมีเรื่องที่ต้องให้เธอยื่นมือเข้ามาช่วยล่ะก็ ตอนนี้เขาคงไม่อยากจะเห็นหน้าสวีอิ๋งอิ๋ง จึงทำได้เพียงตอบกลับอ้อมแอ้ม “เดี๋ยวค่อยว่ากันทีหลังแล้วกัน”

 

 

เบลล์ไม่คิดก็รู้ว่าเหยียนเฟิงต้องสงสัยว่าเธอทรยศแน่นอน แต่ตอนนี้เธอไม่ได้รับข่าวคราวของ

 

 

เหยียนเฟิงเลยสักนิด ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมา

 

 

หลังจากที่ซย่าเสี่ยวมั่วกลับมาก็ได้ยินแค่อันหร่านบอกว่ามีผู้จัดการสาวสวยเข้ามาทำงานที่บริษัท แต่ว่ายังไม่ได้เจอกันในการประชุมตอนเช้า อีกทั้งยังไม่มีเงาของเซียวอู๋อี้อีกด้วย นี่จึงเป็นเรื่องดีๆ ในความผิดหวังของซย่าเสี่ยวมั่ว

 

 

“ผู้จัดการสาวสวยของเราชื่ออะไรเหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วถามขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจนัก

 

 

แต่อันหร่านกลับตัวเกร็งและตึงเครียด “เป็นชื่อภาษาอังกฤษน่ะ ชื่อบ…”

 

 

เธอเพิ่งเปล่งเสียงออกไปเพียงครึ่งหนึ่งแต่ไม่ได้พูดต่อให้จบ ซย่าเสี่ยวมั่วจึงโบกแฟ้มเอกสารในมือไปมา “เอาเถอะๆ ทำอย่างกับจะด่าใครอย่างไรอย่างนั้น”

 

 

อันหร่านโอบไหล่ซย่าเสี่ยวมั่วเดินกลับออกไปอย่างสบายใจ “ใครด่ากันล่ะ ฉันก็แค่พูดไม่เป็น ฉันเรียกว่าตรงไปตรงมาต่างหาก”

 

 

“ไอคิวไม่พอมากกว่านั้น” ซย่าเสี่ยวมั่วปรายตามองเหยียดหนึ่งที ทั้งคู่เดินเคียงกันกลับไปที่ห้องทำงาน

 

 

“เซียวอู๋อี้ถูกจิ่นอี้ซื้อตัวไปแล้วยังอยู่ในความดูแลของหัวหน้าพวกเราด้วยนะ” แค่อันหร่านคิดว่า

 

 

เซียวอู๋อี้อยู่ในความดูแลของเจ้านายเก่าก็รู้สึกไม่พอใจ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วถองศอกใส่เธอ “เธอหาแฟนจากหน้าห้องน้ำก็ได้ไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องเอาแต่คิดถึงหัวหน้าบก.ด้วยเล่า”

 

 

“บ้านเธอสิ!” อันหร่านได้ยินเธอพูดเช่นนี้แล้วก็ใจกระตุก ไม่รู้ว่าหวั่นไหวอะไร

 

 

“ทำไมต้องเล่นใหญ่ด้วยเล่า” ซย่าเสี่ยวมั่วสะดุ้งตกใจ แต่ไม่ได้คิดว่ามันแปลกประหลาด เธอเอ่ยหยอกล้ออันหร่านต่อ “เมื่อไรเธอจะให้ฉันเจอผู้ชายคนนั้นที่เธอเก็บมาจากห้องน้ำล่ะ”

 

 

ตั้งแต่ที่อันหร่านคบกับเขามา เธอยังไม่เคยเจอผู้ชายคนนั้นเลยสักครั้งเดียว

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 414 คุยเรื่องจริงจัง

 

 

ถ้าไม่มีคำพูดของซย่าเสี่ยวมั่วในวันนี้ อันหร่านก็คงยังไม่รู้สึกอะไร แต่หลังจากฟังคำพูดของ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วแล้ว เธอก็เหมือนจะเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกวันที่อยู่กับแฟนหนุ่มเธอถึงไม่มีความรู้สึกอะไรเลย

 

 

“เราเลิกกันแล้ว” อันหร่านพูดความจริง ช่วงก่อนหน้านี้เขาคนนั้นบอกว่า เธอมีคนในใจที่ยังลืมไม่ได้ และทั้งคู่ก็เลิกรากันด้วยดี

 

 

ตอนนั้นอันหร่านยังคิดว่าผู้ชายคนนี้ก็แค่หาข้ออ้างมาเลิกกับเธอเท่านั้น จึงไม่ได้เก็บคำพูดของเขามาใส่ใจ แต่พอซย่าเสี่ยวมั่วพูดเช่นนี้แล้ว ก็รู้สึกว่า…มีเรื่องแบบนั้นจริงๆ เหรอ?

 

 

“เลิกแล้ว?” ซย่าเสี่ยวมั่วยังไม่เคยเจอเลย ทำไมถึงเลิกกันแล้วล่ะ

 

 

“เขาบอกว่าในใจฉันมีคนอื่น แล้วพวกเราก็เลิกกัน” อันหร่านตอบเสียงเรียบ

 

 

“ในใจมีคนอื่น?” ซย่าเสี่ยวมั่วมองเธออย่างฉงนใจ “เธอหัดเจ้าชู้ตั้งแต่เมื่อไร มีแฟนอยู่แล้วแต่ไปสนใจผู้ชายคนอื่นเหรอ”

 

 

“บ้านเธอน่ะสิ!” อันหร่านผลักหัวเธอไปหนึ่งที “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น สรุปก็คือเลิกกันแล้วนั่นแหละ”

 

 

“เธอต้องไม่จริงใจกับเขาแน่เลย” คนอื่นเขาคงไม่ขอเลิกแบบไม่มีเหตุผลหรอก ในเมื่อพูดแบบนี้ก็แสดงว่าปัญหาต้องอยู่ที่อันหร่านต้อง

 

 

ยายเด็กนี่เพิ่งกลับมาทำงานได้ไม่กี่วันก็เริ่มสั่งสอนเธอแล้วเหรอ “วาดรูปของเธอไปเถอะ ยังเหลือต้นฉบับตุนไว้อีกเท่าไรน่ะหา ยังกล้ามาว่าฉันอีก”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกเหมือนโดนปรักปรำ “ฉันกำลังช่วยเธอไขข้อข้องใจอยู่นะ เธอไม่ขอบคุณฉันไม่พอ แถมยังเนรคุณอีก”

 

 

“ขอบคุณอะไร ฉันอกหักเธอยังไม่ปลอบใจฉันเลย แถมยังบอกว่าฉันมีปัญหาอีกต่างหาก” ถึงแม้ว่าอันหร่านจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับแฟนเก่ามากนัก แต่อย่างไรเสียทั้งคู่ก็คบหากันเพราะอยากจะแต่งงาน การเลิกราก็เป็นเรื่องที่ทำให้เธอเสียใจเช่นกัน

 

 

“เอาน่า…เอาน่า”ซย่าเสี่ยวมั่วเพิ่งเคยอกหักครั้งเดียว ไม่มีประสบการณ์การเลิกรากันด้วยดี จึงไม่เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของอันหร่าน ดังนั้นเธอจึงเสนอแนะ “งั้นคืนนี้ออกไปดื่มกันไหม”

 

 

“ดื่มแล้วจะมีประโยชน์อะไร” ต่อให้อันหร่านจะออกไปดื่มจริงๆ ก็อาจจะไม่ไปกับเธอก็ได้

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วสางผมตัวเอง “ช่วงนี้ฉันก็มีเรื่องกลุ้มใจเหมือนกัน อยากจะไประบายออกสักหน่อย”

 

 

“อย่าเลย ทำตัวดีๆ หน่อย” อันหร่านไม่กล้าพาเขาออกไปหรอก ถ้าเหยียนเค่อรู้เข้าคงถือมีดมาหาเธอถึงที่แถมยังให้เธอปาดคอตัวเองยอมรับความผิดอีกด้วยมั้ง

 

 

“เชอะ” ซย่าเสี่ยวมั่วก็รู้ว่าตัวเองดื่มไม่เก่ง การออกไปดื่มข้างนอกมีแต่จะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง แต่อันหร่านปฏิเสธเด็ดขาดเกินไป ทำร้ายหัวใจบอบบางที่มีรอยปริแตกของเธอเข้าอย่างจัง

 

 

“เราพูดถึงเรื่องเซียวอู๋อี้กันอยู่ไม่ใช่เหรอ” อันหร่านเพิ่งจะรู้ตัวว่าทั้งคู่ออกทะเลไปไกลแล้ว ตอนแรกทั้งคู่กำลังคุยเรื่องเซียวอู๋อี้อยู่ดีๆ แต่สุดท้ายหัวข้อสนทนากลับวกเข้าเรื่องดื่มเหล้าเสียได้

 

 

ทุกครั้งที่ซย่าเสี่ยวมั่วกับอันหร่านคุยกันก็มักจะออกนอกเรื่องอยู่เสมอ เธอชินเสียแล้วล่ะ “งั้นเธอพูดต่อสิ”

 

 

“หัวหน้าบก.เราบอกว่า ตอนนี้จิ่นอี้ดูแลเซียวอู๋อี้ดีอย่างกับปรนนิบัติเทพเจ้า แถมยังต้องมาตามเช็ดตามล้างเรื่องที่เขาก่อไว้อีก” อันหร่านโมโห ตอนนั้นสวัสดิการของซย่าเสี่ยวมั่วยังไม่ได้ครึ่งของเซียวอู๋อี้ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำ “หัวหน้าเรา…”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพูดขัดขึ้น “จะเป็นหัวหน้าเธอหรือเปล่าฉันไม่รู้หรอกนะ แต่ฉันไม่ใช่ลูกน้องเขา”

 

 

อันหร่านพูดไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วโดนเธอขัดจังหวะเข้าจึงรู้สึกหงุดหงิด “หัวหน้าฉันเองแหละ เธอมีปัญหาไหม”

 

 

“ม…ไม่มีปัญหา” ซย่าเสี่ยวมั่วมองความคิดในใจของผู้หญิงคนนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว “หวังว่าจะมีสักวันที่เขาจะกลายมาเป็นหัวหน้าครอบครัวของเธอนะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพูดยังไม่ทันขาดคำดีก็โดนอันหร่านฟาดมือใส่จนตัวไถลไปถึงผนังห้อง “ออกไป๊!”

 

 

คุยเรื่องจริงจังกันได้ไม่เกินสามประโยคเลยจริงๆ อันหร่านหมดปัญญาจะคุยกับเธอแล้ว “เอาเถอะๆ พูดอะไรไปเธอก็ไม่สนใจสักอย่าง ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับเธอแล้ว”

 

 

“ทำไมจะไม่มี” ซย่าเสี่ยวมั่วยืนบังประตูห้องทำงานของอันหร่านไว้ไม่ให้เธอเข้าไป