ตอนที่ 415 ปณิธานนั้นแสนสั้น / ตอนที่ 416 ปกป้องคนของตัวเองให้ดี

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 415 ปณิธานนั้นแสนสั้น

 

 

เนื่องจากสถานการณ์เฉพาะของฮุยเถิง ทำให้สวีอันหรานกับเหยียนเค่อจึงจัดการระบบภายในของฮุยเถิงก่อน ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องอะไรหลังจากที่พวกเขาไปดูงานกัน

 

 

“กำลังของฮุยเถิงซับซ้อนเกินไปแล้ว” สวีอันหรานพูดจากความรู้สึก

 

 

ตอนแรกเหยียนเค่อก็ไม่คิดมากนัก แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าวิธีจัดการดูแลในตอนแรกนั้นจะไม่ตรงจุดทางไปหน่อย แต่ไม่ต้องพูดถึงตอนนั้นหรอก แค่ตอนนี้เขาเองก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว

 

 

“ในนั้นมีระบบเครือญาติมากเกินไป เอายัดเข้าไปใน YAN ไม่ได้” นี่เป็นปัญหาที่สะท้อนถึงความเป็นจริงมากที่สุดแล้ว

 

 

ในฮุยเถิงต่างก็เป็นคนที่คบค้ากับบ้านตระกูลเหยียนเพื่อผลประโยชน์ไม่มากก็น้อย ยิ่งไปกว่านั้นล้วนมีแต่ข้าราชการที่ยัดลูกหลานตัวเองเข้ามาทำงาน

 

 

อย่างไรเสียคนที่ใช้เส้นสายก็ไม่ใช่เขา ถึงแม้ว่าเหยียนเค่อจะดูถูกเรื่องพวกนี้ และควบคุมได้ค่อนข้างรัดกุม แต่คนที่ขัดใจไม่ได้เขาก็ยอมปิดตาข้างหนึ่ง ช่วงก่อนที่ยังไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็ยังพอคุยได้ แต่พอเกิดเรื่องแล้วกลับรู้สึกว่าระบบป้องกันในตอนแรกนั้นอ่อนเกินไปหน่อย

 

 

“กำจัดออกไปก็จบแล้ว ขนาดถึงระยะที่เติบโตเต็มที่แล้วยังมีเรื่องเยอะขนาดนั้น ถ้าผ่านอุปสรรคนี้ไปได้ก็คงไม่มีเรื่องใหญ่อะไรแล้วล่ะ” สวีอันหรานพูดปลอบใจ

 

 

เหยียนเค่อคิด ภายในฮุยเถิงรวมไว้แต่คนที่ทำให้เขาปวดหัว รู้สึกตาขวากระตุก “นายแน่ใจนะ”

 

 

“สำหรับนายแล้วฉันก็ไม่แน่ใจนักหรอก” สวีอันหรานยื่นรายชื่อฉบับชั่วคราวให้เขา “นายดูแล้วจัดการเอาเองแล้วกัน สองสามวันนี้อย่าเพิ่งติดต่อฉัน เจอกันที่สนามบินเลยแล้วกัน”

 

 

“อืม” เหยียนเค่อเองก็ไม่ถามต่อ ก็แค่ความรักของหนุ่มสาวนั้นยืนยาว ส่วนปณิธานนั้นแสนสั้น

 

 

สวีอันหรานรำพึงรำพันอย่างเศร้าสร้อยแต่เจือด้วยความหวานซึ้ง “พอมีครอบครัวแล้วทำอะไรก็ไม่ค่อยสะดวกเลย”

 

 

“พอเลย อย่ามาอวดน่า ฉันไม่สนใจหรอก”

 

 

“นายปลงโลกจนไม่สนใจผู้หญิงแล้วหรือไง” เหยียนเค่อสันโดษเกินไปแล้วจริงๆ ไม่เหมือนคนปกติ

 

 

“แล้วฉันสนใจผู้หญิงเมื่อไรเหรอ” ตอนวัยรุ่นเคยเลือดร้อน และก็เคยลองคบกับผู้หญิงมากมายหลากหลายรูปแบบ แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยชอบผู้หญิงคนไหนเลยแม้แต่คนเดียว

 

 

“ไม่สนใจเลยเหรอ” สวีอันหรานเบ้ปาก “แล้วผู้หญิงพวกนั้นโผล่มาจากไหนเยอะแยะ”

 

 

“อย่ามาพูดมั่วๆ นะ” เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องเอามาพูดต่อแล้ว

 

 

น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยการเตือนสติ สวีอันหรานพูดหมดเปลือกแล้วก็ไม่อยากจะรนหาที่ตาย จึงกลับสู่อ้อมกอดของสวีรั่วชีอย่างสุขใจ

 

 

ตอนที่เบลล์ได้รับเอกสารก็รับรู้ได้ถึงความเดือดดาลของเหยียนเค่อได้อย่างชัดเจน

 

 

“มีเรื่องไม่สบายใจอะไรเล่าให้พี่ฟังก็ได้นะจ๊ะ” เบลล์ชอบหยอกล้อเหยียนเค่อในเวลาส่วนตัว

 

 

เหยียนเค่อเองก็จนใจ ลูกน้องคนอื่นเขาสามารถกำราบได้หมด มีเพียงแค่เบลล์…

 

 

“นี่ คุณอย่าเห็นผมเป็นน้องชายจะได้ไหม”

 

 

เบลล์ยิ้มบางๆ ซึ่งก็เป็นเพราะว่าเธอเห็นเขาเป็นน้องชายนี่ล่ะ เหยียนเค่อจึงไม่ได้สร้างเกราะกำบังตัวเองเหมือนเวลาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น แต่ว่าเธอก็คิดเช่นนั้นจริงๆ

 

 

“ผมเป็นเจ้านายคุณ ไม่มีความแตกต่างในเรื่องอายุ” เหยียนเค่อไม่ได้มีนิสัยเอาสถานะของตัวเองไปกดคนอื่น เพราะปกติก็ไม่มีใครกล้ามาล้ำเส้นกับเขาแบบนี้ แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรกที่รนหาที่ตาย

 

 

เบลล์พูดอย่างเหยียดหยาม “ซย่าเสี่ยวมั่วก็เป็นลูกน้องคุณเหมือนกันนั่นแหละ” เธอพูดเพียงครึ่งเดียว คนฉลาดก็จะเข้าใจเองว่าเธอหมายถึงอะไร

 

 

เหยียนเค่อหน้าตึง ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้กล้าในระดับธรรมดาเท่านั้น แต่ยังกล้ามาเทียบกับ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วอีกด้วย “จัดการคนพวกนั้นให้ผมด้วย ไม่ต้องปรานี แล้วก็ห้ามพูดถึงซย่าเสี่ยวมั่วต่อหน้าผมอีก” เขาย้ำอีกครั้ง

 

 

“อ้อ งั้นเหรอคะ” น้ำเสียงของเบลล์เจือความเย้าแหย่ “วันนี้เขามาประชุมตอนเช้าด้วยนะ”

 

 

ความจริงที่เบลล์กล้าพูดล้อเล่นกับเขาก็เป็นเพราะว่าในใจของเขานั้นยังมีความรู้สึกรัก เขารู้ว่าความรักคืออะไร แต่ในโลกของเหยียนเฟิงนั้นไม่มีคำว่ารัก คนที่ไม่สะทกสะท้านต่อโลกใบนี้ต่างหากที่น่ากลัวที่สุด ดังนั้นเธอจึงไม่กลัวเหยียนเค่อ

 

 

“เงียบไปเลยครับ ทำเรื่องที่ควรทำเถอะ” เหยียนเค่อไม่อยากพูดหยอกล้อกับเธอ ที่เขาส่งตัวเธอไปที่นั่นไม่ได้ให้ไปคอยสอดส่องซย่าเสี่ยวมั่วหรือว่าทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วสะดวกสบายขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์ที่เพิ่มเติมเข้ามาทั้งนั้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็นหน้าที่การงานอยู่ดี

 

 

“ค่ะ” เบลล์เองก็ฟังออกว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น จึงตีมาดขรึมขึ้น “ฉันจะกำจัดคนพวกนั้นออกไปเท่าที่จะทำได้นะคะ”

 

 

“ก่อนที่ผมจะเดินทาง” เหยียนเค่อกำหนดระยะเวลาอย่างเคร่งครัด ต้องไม่มีเรื่องให้ต้องคอยมาพะวงหลังก่อนเขาถึงจะไปได้

 

 

เบลล์มองชื่อบุคคลที่มีเบื้องหลังทรงอิทธิพลในใบรายชื่อ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะตอบรับแกนๆ “ได้ค่ะ”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 416 ปกป้องคนของตัวเองให้ดี

 

 

“ฉันใส่ใจชีวิตที่มีความสุขของมนุษย์ ละทิ้งการแย่งชิงระหว่างมนุษย์ด้วยกันมาโดยตลอด”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยังพูดพล่ามไม่หยุด “ดังนั้น เรามาคุยเรื่องชีวิตที่มีความสุขกันดีกว่า” ซย่าเสี่ยวมั่วเกาะขอบประตูไว้ไม่ให้เธอเข้าไป

 

 

“ให้มันน้อยๆ หน่อย คิดว่าฉันไม่รู้จักเธอหรือไง ตั้งใจพูดให้ฟังเธอก็ฟังไม่เข้าหูอยู่ดี” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่สนใจเรื่องส่วนตัวของคนอื่นนัก บางครั้งจะสนใจขึ้นมาก็เพราะว่าเป็นเรื่องไร้สาระเท่านั้น อันหร่านดูไร้ตัวตนในสายตาของเธอมาก

 

 

“คนที่โดนเธอมองจนทะลุปรุโปร่งอย่างฉันกลับไปวาดรูปเงียบๆ ดีกว่า” ร่วมงานด้วยกันมาหลายปีจนรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว ซย่าเสี่ยวมั่วโบกมือ “ไปแล้วนะ บ๊ายบาย”

 

 

“ชิ” อันหร่านกลอกตา ยายนี่ไม่สนใจจริงๆ งั้นหรือ เธอมองร่างผอมบางของซย่าเสี่ยวมั่วเดินเข้าไปในห้องข้างๆ กันก็ส่ายหัวก่อนจะเดินเข้าห้องทำงานของตนบ้าง

 

 

ตอนนี้ซย่าเสี่ยวมั่วกลับบ้านก็เล่นกลับหมา มาทำงานก็นั่งเหม่อ กลับห้องทำงานก็ไม่มีงานทำ แถมหลายวันมานี้ยังโดนสวีรั่วชีบังคับให้ดูคลิปขี่ม้าอีก

 

 

การขี่ม้าไม่เห็นจะดูสง่าตรงไหนเลย ไม่ว่าจะดูยังไงก็อันตราย ไม่รู้จริงๆ ว่ายายเจ๊ที่เรียกตัวเองว่าเป็นสาวเรียบร้อยนั่นคิดอย่างไร ถึงชอบเล่นเกมประหลาดแบบนี้

 

 

เธอเห็นม้าตัวนั้นกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางแล้วก็รู้สึกเจ็บขาอ่อน ให้วิ่งตุเลงๆ แบบนั้นจะไม่อ้วกออกมาหรือ

 

 

“เฮ้อ ฉันแค่อยากเป็นสาวสวยเงียบๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง พระเจ้ายังทำให้ความปรารถนาของฉันเป็นจริงไม่ได้เลย”

 

 

เหยียนเค่อที่นั่งดูภาพวงจรปิดอย่างเปิดเผย ได้ยินคำพูดที่เธอพึมพำกับตัวเองแล้วก็เหยียดยิ้มมุมปาก ยายโง่เอ๊ย

 

 

ถ้าทำได้เขาก็อยากสอนซย่าเสี่ยวมั่วขี่ม้าเหมือนกัน นั่นเป็นโอกาสดีที่จะได้เอาเปรียบเธอโดยไม่ต้องปิดบังเลยนะ ช่างน่าเสียดายจริงๆ

 

 

[ให้ผู้หญิงของนายปกป้องซย่าเสี่ยวมั่วให้ดี ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ดูแล้วจัดการเอาเองแล้วกัน]

 

 

เหยียนเค่อยังจำคำพูดของสวีอันหรานได้ จึงไม่ได้โทรศัพท์ไปหา แค่เพียงส่งข้อความไปย้ำเตือนเขาเท่านั้น

 

 

สวีอันหรานไม่ได้รับข้อความจากเหยียนเค่อนานแล้ว แถมยังเป็นข้อความข่มขู่แบบนี้อีก…

 

 

“เหยียนเค่อส่งข้อความหาพี่ทำไมอีก!” สวีรั่วชีหึงแล้ว

 

 

สวีอันหรานตั้งค่าเสียงเรียกเข้าผู้ติดต่อสำคัญกับผู้ติดต่อธรรมดาทั่วไปให้ไม่เหมือนกัน และเสียงข้อความจากเหยียนเค่อนั้นก็แตกต่างออกไปจากทุกคนโดยสิ้นเชิง ดังนั้นการที่สวีรั่วชีมีอาการหึงหวงก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

 

 

“ไม่มีอะไร” สวีอันหรานรู้สึกว่ายิ่งแกล้งสวีรั่วชีก็ยิ่งสนุก “หึงอะไรเล่า”

 

 

“เชอะ” สวีรั่วชีแย่งโทรศัพท์ของสวีอันหรานมา คิดจะช่วยเขาพิมพ์ข้อความตอบกลับ แต่เมื่ออ่านจบแล้วก็โยนกลับคืนมาอย่างเอือมระอา “ช่างเถอะ พี่ส่งเองแล้วกัน”

 

 

“ระหว่างฉันกับเหยียนเค่อมันไม่มีอะไรเลย”

 

 

“พี่รู้ไหม แม่ของเหยียนเค่อกับแม่เราเคยคุยเรื่องที่พวกพี่อยู่ด้วยกันด้วยนะ” สวีรั่วชีถีบเข้าที่บั้นท้ายนุ่มเด้งของสวีอันหราน

 

 

“ทำอะไรเนี่ย” สวีอันหรานดึงหน้าแข้งของเธอเข้ามา ก่อนจะเอ่ยขู่ “เด็กดื้อต้องโดนลงโทษ”

 

 

“อย่านะ” สวีรั่วชีดันมือเขาออก อยากจะดึงขาของตัวเองออกมา

 

 

สวีอันหรานโอบขาเธอไว้ไม่ปล่อย แล้วใช้มืออีกข้างพิมพ์ข้อความตอบเหยียนเค่อ [คนของตัวเองก็ปกป้องเองสิ]

 

 

เหยียนเค่อไม่สนใจคำยั่วยุของเขา เมื่ออ่านจบก็โยนโทรศัพท์ไปไว้อีกทางโดยไม่ได้ตอบกลับ

 

 

“เหยียนเค่อนี่ก็ขี้เก๊กจริงๆ เรื่องแค่นี้ก็ไม่พูดออกมาให้มันชัดเจน” สวีรั่วชีเห็นข้อความของสวีอันหรานแล้วก็อดค่อนแคะเหยียนเค่อไม่ได้

 

 

สวีอันหรานปิดเครื่องแล้วโยนโทรศัพท์ไปไว้อีกทาง เขาต้องใช้ชีวิตอันแสนสุขนี้ให้เต็มที่ก่อนที่เขาจะเดินทางไปดูงาน จะให้คนไม่สำคัญมารบกวนชีวิตของตนไม่ได้

 

 

“พี่จะทำอะไร” สวีรั่วชีมองเขาด้วยสีหน้าหวาดระแวง ถึงแม้ว่าใบหน้าหล่อเหลาของสวีอันหรานจะดูดีก็ตาม แต่จู่ๆ ก็เคลื่อนเข้ามาใกล้แบบนี้ ก็ทำให้เธอรู้สึกกลัวเช่นกัน