เสียงหัวเราะบนโต๊ะอาหารทำให้เย่ฉางยิ้มขึ้นมา เขามองดูเย่เทียนที่กำลังโดนหลินหลี่แกล้ง, FrozenCloud ทำตาขวางใส่จางเจิ้งเฉียงแบบงอนๆ,โดยมีอูนาคอยปลอบโยนเธออยู่, ฟางชิตักอาหารให้ฟางถง, ซูหยี่ยี่พูดเรื่องแฟชั่นกับกงซุนเฉียน และเสียงหัวเราะที่โง่เขลาของ SpyingBlade ฉากทั้งหมดข้างหน้า ทำให้เขามีความสุขและสบายใจเป็นพิเศษ หัวใจของเย่ฉางรู้สึกอบอุ่นมาก ถ้าเป็นไปได้เขาหวังว่าจะได้อยู่กับพวกคนเหล่านี้ตลอดไป ‘ฉันคิดอะไรอยู่! มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว!’ เขาไล่ความคิดที่ไม่ดีออกไปจากจิตใจของเขา “เอาล่ะ! มาชนแก้วกันเถอะ! บริษัท Happy Firmaments จงเจริญ! ไชโย!”

“… มันกลายเป็นบริษัทไปตั้งแต่ตอนไหน!? …” ทุกคนรู้สึกละอายใจ

“ไชโย!” พวกเขาชนแก้วและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

ณ.นรกอเวจี

ชายผมขาวที่สวมหน้ากากถูกล่ามโซ่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ท่ามกลางการโดนทรมาณที่แสนโหดร้าย แต่แววตาของเขากลับดูเงียบสงบ มีผู้หญิงที่สวมชุดขาวยืนมองเขาอยู่ใกล้ๆด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน ‘ความรักเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆ มันดูน่ากลัวยิ่งกว่าความทุกข์ทรมานอันเป็นนิจนิรันดร์ของนรกอเวจีเสียอีก มันทำให้คนๆหนึ่งที่ขนาดโดนทรมานอย่างหนักแบบนี้ แต่เขากลับไม่มีความเศร้าเสียใจเลย และยังซื่อสัตย์ต่อสัญญาที่ให้ไว้อย่างมาก ฉันรู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้แสแสร้งทำ’ … เมื่อเธอหลุดออกมาจากความคิด เธอก็รีบเดินจากไป เธอค่อยๆเลี้ยวซ้ายและเดินออกเดินอย่างไม่ค่อยมั่นคง จิตใจของเธอยังคงคิดถึงดวงตาที่อ่อนโยนของเขา เธอถอนหายใจด้วยความเศร้าโศก คำพูดเหล่านั้นของเขา มันฝังอยู่ในใจของเธอ … ‘เมื่อเทียบกับการสูญเสียความรักที่แท้จริงแล้ว ความเจ็บปวดเล็กน้อยแค่นี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงหรอก’ …เธอเผลอคิดขึ้นมา ‘ถ้าคนที่เขารักคือฉันล่ะก็’ … จู่ๆเธอรู้สึกว่ามีการเผาไหม้อย่างรุนแรงในหน้าอกของเธอ และมีรสหวานในลำคอของเธอ เธอถ่มเลือดออกมา ‘เกิดอะไรขึ้นกับฉัน? ฉันคนนี้ที่ได้รับการฝึกฝนในพระสูตรหัวใจหยก ฉันไม่ควรมีความรู้สึกรักใคร่แบบนี้สิ ฉันต้องขจัดความรู้สึกนี้ออกไปให้หมด!’

ตัดฉากกลับไปที่บ้านพักริมทะเล

ทุกคนเดินเล่นไปตามแนวชายหาดและพูดคุยกันขณะมองทะเลแห่งดวงดาว หลินหลี่หันไปดูดวงดาวอันไม่มีที่สิ้นสุด และดวงตาของเขาก็มีน้ำตาคลอออกมา ‘คุณพ่อ คุณแม่ ผมทำดีที่สุดแล้ว … ในตอนนี้ผมมีชื่อเสียงแล้วนะ พวกท่านยังตามหาผมอยู่ไหม?’

บนเรือสำราญลำหนึ่ง ซงซินมองดูข้อมูลที่เธอได้รวบรวมมา และคิ้วของเธอก็หดลง ใบหน้าของเธอแสดงสัญญาณระวังตัวออกมา เธอรีบทำลายไฟล์ต้นฉบับทันที ‘ฉันไม่สามารถบอกใครได้ว่าฉันกำลังสืบสวนเรื่องนี้อยู่!’ ดวงตาที่สวยงามของเธอมองไปยังภาพสะท้อนของดวงจันทร์บนทะเล ‘หลินหลี่ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ต้องการตรวจสอบหรอกนะ แต่ฉันไม่กล้าสืบค้นให้ลึกไปมากกว่านี้ เพราะอาจจะมีความจริงที่น่ากลัวบางอย่างซ่อนอยู่ในอดีตของคุณ ทั้งหมดนี้มันดีสำหรับคุณนะ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า การได้เห็นคุณมีความสุขและร่าเริงแบบนี้’

ทุกคนกลับเข้าเกมและโผล่ในป่าที่แห้งแล้ง พวกเขามุ่งหน้าไปยังซากปรักหักพัง ภายในอาคารไม่มีร่องรอยของพวกมอนเตอร์เลยสักตัวเดียว บางทีการต่อสู้ข้างนอกได้ดึงดูดพวกปีศาจเงาออกไปจนหมด เย่ฉางเห็นกล่องอัญมณีเล็กๆอยู่ที่มุมๆหนึ่ง เขาเหลียวมองทางซ้ายและขวา เมื่อไม่เห็นใครอยู่รอบๆตัวเขา เพราะพวกเขากระจายตัวกันเพื่อออกค้นหา เย่ฉางเริ่มวิ่งไปที่มุมอย่างรวดเร็วและเปิดกล่องอัญมณีทันที สุดท้ายเขาได้แต่พึมพำ “สถานที่แห่งนี้ถูกทิ้งร้างมานานมากแล้ว มันจึงเป็นเรื่องปกติที่หีบสมบัติจะว่างเปล่าแบบนี้ เฮ้อ …”

หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็เอาหีบสมบัติที่ว่างเปล่าไปซ่อน จากนั้นก็ทำการค้นหาต่อ

ในที่สุด ทุกคนก็มารวมตัวกันอยู่นอกวิหารและเริ่มรายงานผลการค้นหาของแต่ล่ะคน เย่ฉางได้มอบอุปกรณ์ของนักเวทระดับ Gold ให้กับฟางชิ มันทำให้เขามีค่าสถานะเพียงพอในการติดตั้ง ไม้เท้า Rabbis Withered Shadow Staff ที่เพิ่งได้รับมาจากบอสแมวดำ อูนาและหวังไม่มีการคัดค้านใดๆ

ตรงทางเข้าหน้าวิหาร พวกเขาเห็นเสาหินหลายอันที่โค่นล้มระเนระนาด ในบางแห่งเสาหินได้ปิดทางเข้าวิหารและอุโมงค์ไป ทำให้พวกเขาต้องวนไปเข้าอีกด้านหนึ่งแทน เย่เทียนพลิกอ่านหนังสือโบราณ

‘วิหารเทพธิดาแจมเป็นสถานที่สำหรับการอธิษฐานเพื่อความอุดมสมบูรณ์ ผู้คนมากมายจะมาที่นี่เพื่อขอพรจากเธอ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่เจริญรุ่งเรืองมาก มันเต็มไปด้วยโรงแรมมากมายเพื่อให้ผู้คนที่มาขอพรได้พักผ่อนกัน พวกเขาจะเลือกแมวเป็นทูตของเทพธิดาแจมและบูชามัน สุดท้ายเมื่อ Rabbis …’

‘Rabbis ที่เป็นบอสอีเว้นท์นั้นนะหรือ?’ เธอปิดหนังสือและอธิบายเนื้อหาให้ทุกคนฟัง

“มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ที่วิหารทั้งสามแห่งถูกทำลาย และดูเหมือนว่ามันไม่ได้เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ถ้าฉันเดาไม่ผิด ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน …” SpyingBlade เริ่มวิเคาระห์

“ใครจะไปสนล่ะ เราจะฆ่าทุกอย่างที่ขวางทางเรา เพื่อที่เราจะได้ไปชำระล้างรูปปั้นเทพธิดา เราไม่มีทางรู้หรอก ถ้าเราไม่ไปถามเธอเอง …” เย่ฉางยักไหล่และก้าวเดินเข้าไปในวิหาร ทุกคนทำตามเขาอย่างรวดเร็ว

หลังจากเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ เย่ฉางและคนอื่นๆก็หยุดเดินลง พวกเขาเห็นว่ากำแพงที่แตกถูกปกคลุมไปด้วยเนื้อบางๆที่มีเส้นเลือดเต้นตุบๆ เย่เทียนก้มลงและสัมผัสกับของเหลวเหนียวหนึดบนพื้นดิน “มันมาจากแมลง อวัยวะน่าขยะแขยงบนกำแพงเหล่านี้ มันน่าจะเป็นเช่นเดียวกับอันที่สร้างโดยพวกหนอน อย่างไรก็ตาม สถานที่นี้มันดูซับซ้อนมากขึ้น และด้านในควรมีการดำรงอยู่ของแมลงบางชนิด …”

“ทุกคนต้องระวังตัวด้วย หลินหลี่มีขวดระเบิดเพลิงระดับสูงเหลืออยู่กี่ขวด?” เย่ฉางถาม จากนั้นก็ดึงธนูหนักออกมา พร้อมกับหยิบลูกศรผึ้งคากูมาขึ้นสาย เขาค่อยๆก้าวลงสู่พื้นดินที่อ่อนนุ่ม

“ขอผมนับก่อนนะ …” หลินหลี่เปิดกระเป๋าเป้ของเขาและเริ่มนับทีละขวด ทีละขวด เย่เทียนถอนหายใจ “73 ขวดระเบิดเพลิงระดับสูง กับ 3 ขวดระเบิดเพลิงกัมปนาท …”

“เทียนน้อยทำได้ดีมาก นับได้เท่ากับพี่ใหญ่หลี่คนนี้เลย พี่ใหญ่ขาวครับ มันมีมากพอ ไม่ต้องห่วง …” หลินหลี่ตอบแบบยิ้มๆ

“ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เมื่อเราเข้าไปข้างในและต่อสู้กับแมลง เราจะใช้ไฟเหล่านี้เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับเราในสนามรบให้มากที่สุด …” ขณะที่เย่ฉางเดินเข้าไป เขาได้เห็นว่าในความมืดมิดมีไข่อยู่บนพื้น “ฉันเห็นสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไข่ …”

จู่ๆมีของเหลวเหนียวหนึดบนเพดานหล่นใส่หน้าของอูนา เธอกรีดร้องและรีบเช็ดมันออกอย่างรวดเร็ว เธอบ่นพึมพำ “ฉันเกลียดสิ่งที่เหนียวหนึดเช่นนี้ น่าขยะแขยงชะมัด!”

เย่เทียนก้มลงลงและตรวจสอบไข่บนพื้น เธอใช้สว่านเล็กๆเจาะเปลือกไข่เพื่อให้มองเห็นข้างใน เธอไม่กล้าที่จะทุบมันให้แตก เพราะอาจจะมีตัวอ่อนแมลงอยู่ข้างใน และมันอาจส่งคลื่นสัญญาณเตือนขึ้นมา ซึ่งจะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายขึ้น เธอเห็นสิ่งมีชีวิตประเภทแมลงปีกแข็งในของเหลวเหนียวหนึด ‘ตัวด้วง? นั่นหมายความว่าการป้องกันของพวกมันต้องสูงมากแน่ๆ ถ้าเป็นบอส มันจะเป็นเรื่องราวที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง … ขณะที่เธอกำลังคิดใคร่ครวญอยู่นั้น จู่ๆขาที่เหมือนใบมีดก็พุ่งใส่เย่เทียน เธอหลบได้อย่างเฉียดฉิว แต่ก็เกิดรอยแผลเล็กบนใบหน้าของเธอ SpyingBlade รีบวิ่งเข้ามาแทงดาบใส่ไข่ทันที …

เย่ฉางระบุซากศพ ขณะที่เก็บเกี่ยวมัน “มันเป็นด้วงบากู …”

ฉากก่อนหน้านี้ ทำให้ผมของอูนาชี้ตั้งขึ้น เวลานั้นที่รังของแมลงคากูก็เพียงพอที่จะทำให้เธอสั่นกลัวแล้ว แต่ตอนนี้เธอต้องมาเจอกับรังด้วงบากูอีก มันเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติผู้หญิงอย่างเธอที่จะต้องเกลียดพวกแมลงต่างๆ

“อย่าเพิ่งไปต่อเลย เรากลับไปที่สวนข้างนอกวิหารและกินอาหารอร่อยๆเพื่อรับบัฟกันก่อน ฉันมีเมนูใหม่ๆมานำเสนอ ~” เย่ฉางพูดเป็นนัยๆ ท่าทางของเขาเหมือนกำลังจะมอบเซอร์ไฟส์สุดแสนพิเศษให้กับทุกคน สิ่งนี้มันทำให้ทุกคนสั่นสะท้าน ‘ขี้เถ้าปีศาจเงาแน่ๆ …’

เมื่อกลับมาที่สวน เย่ฉางเริ่มปรุงอาหาร เขาผัดเนื้อที่เคลือบเจลสไลม์, ขี้เถ้าปีศาจเงา, กระดูก, และชิ้นส่วนวิญญาณร้าย จากนั้นเขาก็โรยแป้งสีเทาที่เป็นสูตรลับของเขาลงไป ข้างๆเขายังมีหม้อที่กำลังเดือดปุดๆอยู่ มันเป็นงานศิลปะของเขาที่เรียกว่าซุปกระดูก ในขณะที่ทำอาหาร เย่ฉางยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ซุปนี้ทำมาจากกระดูกของปีศาจโครงกระดูก, กระดูกของซอมบี้ระดับนายพล, กระดูกของสัตว์ปีศาจและกระดูกของสัตว์ต่างๆหลายชนิด ที่สำคัญมันถูกปรุงรสให้กลมกล่อมและชุ่มฉ่ำด้วยเห็ดเรืองแสง! นอกจากนี้ยังมีเห็ดชนิดอื่นๆอีกหลายชนิด ฮ่า ฮ่า ฮ่า ยังไม่หมดแค่นี้นะ ~ นอกจากนี้ยังใส่ปลาที่แสนอร่อยลงไปอีกด้วย! นั่นคือปลาแบล็กพีค! พวกนายคิดว่ามันจะหมดแค่นี้ใช่ไหม!? ฉันบอกเลยว่า ไม่! นอกจากนี้ มันยังมีซอสหมักลับเฉพาะของฉันอีกด้วย … !” ขณะที่เขาพูดถึงวัตถุดิบที่ใช้ปรุงอาหารไม่หยุด ทุกคนรีบเข้ามาหยุดเขาไว้ แต่มันก็สายไปเสียแล้ว เพราะเย่ฉางได้โยนซอสหมักลับเฉพาะลงไปในหม้อแล้ว เมื่อทุกคนมองดูซอสหมักลับเฉพาะของเย่ฉาง ไม่มีใครรู้ว่ามีส่วนผสมที่น่ารังเกียจและขยะแขยงมากแค่ไหน แต่ทุกคนเห็นว่า อย่างน้อยก็มีของเหลวซอมบี้ระดับนายพลเป็นหนึ่งในส่วนผสม …