“มันอร่อยมากเลยทีเดียว …” เย่ฉางเอาฝาปิดหม้อไว้อย่างมิดชิด ราวกับว่าเขากำลังผนึกสัตว์ปีศาจอยู่ จากนั้นเขาเริ่มที่จะทำเมนูต่อไป โดยการเอาอาหารที่เหลือจากครั้งที่แล้วมาสกัดสารพิษออก “เรายังคงมีข้าวอยู่เป็นจำนวนมากจากครั้งก่อน มันเหมาะสำหรับจะทำเป็นข้าวผัด …”
ขณะที่เขากำลังผัดข้าวในกองไฟขนาดใหญ่อยู่นั้น
“ขี้เถ้าปีศาจเงา! สิ่งนี้แน่นอนว่าจะทำให้รสชาติดีขึ้น!”
เขาหยิบมันมาหนึ่งกำมือและโยนมันเข้าไป
“แล้วเพิ่มซอสหมักลับเฉพาะของฉันเข้าไปอีก …”
เขาเทลงไปครึ่งขวด
“ข้าวผัดจะขาดเนื้อไม่ได้!!”
เนื้อซอมบี้ถูกโยนเข้าไป
“รู้สึกว่ามันจะแห้งไปนิดหน่อย …”
เจลสไลม์ผสมกับน้ำมันถูกเทลงไป
“จงร้อนแรง! ข้าวผัดของฉัน! ! @ $! เอ๊ะ รู้สึกมันยังขาดๆอะไรไป! มันไม่มีไข่ !!!”
เย่ฉางเปิดใช้สกิลเพิ่มความเร็วของรองเท้าและพุ่งเข้าไปในห้องโถงทันที เขาหยิบไข่ขนาดกลางขึ้นมา เปลือกไข่ถูกเปิดออกบางส่วน ทำให้สามารถมองเห็นตัวอ่อนของแมลงข้างในได้ เขาฉีกเปลือกไข่และเททุกสิ่งทุกอย่างลงในข้าวผัด ทุกคนปิดปากของตัวเองขณะที่สั่นไปทั้งตัว … โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าอาหารฉุกเฉิน จนเย่เทียนต้องปลอบมันจนสงบลง “แกควรจะมีความสุขสิ ที่ทุกคนยังเห็นประโยชน์ของแกอยู่ … ไม่งั้นป่านนี้แกเป็นอาหารของคุณพ่อไปแล้ว”
เย่ฉางเริ่มกวัดแกว่งทัพพีด้วยความเร็วสูงในเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ ดั่งราวกับว่าเขากำลังกวัดแกว่งดาบอย่างโหดเหี้ยมในสนามรบ ทุกคนเฝ้าดูภาพที่น่ากลัวนี้อย่างฝืนทน แมลงกำลังร่ำร้องและดิ้นรนทุรนทุรายอยู่ในข้าวผัด ในที่สุดทุกคนก็มองไปที่หม้อข้าวผัดขนาดใหญ่, กองเนื้อผัดที่เหม็นเน่า และซุปกระดูกใส่เห็ดที่ทำลายความรู้สึกทั้งหมดของพวกเขา
“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องทดลองวิธีการที่จะใช้ขี้เถ้าปีศาจเงาให้มากกว่านี้ มันยังมีข้อผิดพลาดอยู่นิดหน่อย …” เย่ฉางบีบจมูกของเขาอย่างแน่นหนา และพูดอย่างจริงจังด้วยเสียงแปลกๆ
‘นี่ไม่ใช่ความผิดพลาดเล็กน้อยเลย ช่วงเวลาที่เขาได้เรียนรู้ทักษะการทำอาหารที่หายาก นั่นเป็นความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด …’ กระเพาะอาหารของจางเจิ้งเฉียงรู้สึกปั่นป่วน ราวกับมีคลื่นสึนามิอยู่ภายใน เขารู้สึกเสียใจมากที่ปล่อยให้เย่ฉางเป็นคนได้เรียนรู้ทักษะการทำอาหารนี้ไป เหตุใดในตอนนั้นเขาจึงไม่เอา 5 แต้มที่อัพค่า Constitution ไปอัพค่า Intelligence แทน จากนั้นเขาก็จะได้เรียนรู้ทักษะการทำอาหารนี้แทนเย่ฉาง เร็นน้อยได้แต่นิ่งเงียบ มันค่อยๆหันหลังกลับและวางแผนที่จะหลบหนี แต่ถูกหลินหลี่คว้าหางของมันไว้ก่อน หลินหลี่ดึงเร็นน้อยกลับมา “อย่าคิดจะหนีไปด้วยตัวคนเดียว … เร็นน้อย …”
เร็นน้อยแสดงออกอย่างหวาดกลัว เมื่อถูกหลินหลี่ดึงหางของมันเข้ามาใกล้และยื่นชุดเช็ทอาหารจานนรกทั้งหมดให้แก่มัน สุดท้ายแล้วมันต้องยอมกินและตายอย่างน่าสังเวช เจ้าฟ้าน้อยและเจ้าซอสอ่อน เช่นเดียวกับคนอื่นๆทั้งหมดต่างกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ในฐานะซุปเปอร์ไวเซอร์อย่างเย่เทียน เธอมีความเชื่ออย่างแน่วแน่ว่า หน้าที่ของเธอคือการทำให้ทุกคนกินอาหารให้หมดก่อนที่เธอจะกินเอง … เธอยังรับผิดชอบโดยการจับสัตว์เลี้ยงของเธออย่างเจ้าอาหารฉุกเฉินมากินอาหารอีก ถ้าเรียกเย่ฉางว่าฆาตกรแล้ว เย่เทียนเปรียบเสมือนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด อย่างน้อยสัตว์เลี้ยงทุกตัวก็รู้สึกแบบนี้จริงๆ…
ขณะที่ทุกคนกำลังดิ้นรนอยู่ภายใน เย่ฉางกำลังจ้องมองที่กำแพง ‘ตอนนี้ทักษะการทำอาหารของฉันเป็นขั้นสูงแล้ว ได้เวลาที่ฉันจะต้องเตรียมงานฉลองคุณภาพระดับโลกครั้งแรกของฉันแล้ว ส่วนผสมที่หายากเหล่านี้ ถูกทิ้งไว้นานจนเกินไปแล้ว’ … จากนั้นเขาหยิบจานข้าวผัดขึ้นมา และตักเนื้อผัดสองสามชิ้นใส่ แล้วก็เทน้ำซุปกระดูกลงในชาม ทุกคนสาบานได้ว่าพวกเขาต่างได้ยินเสียงโหยหวนแห่งความเศร้าโศกดังออกมาจากอาหารของเขา
เย่ฉางกินข้าวผัดและเนื้อผัดลงไป ก่อนที่จิตสำนึกของเขาจะจางหายไป เขาก็รีบซดน้ำซุปกระดูกลงคอ ร่างกายของเขารู้สึกราวกับว่า มันถูกฉีกขาดออกจากกันด้วยกลิ่นเหม็นที่รุนแรง จากนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้นและเริ่มชักกระตุก
SpyingBlade สูดหายใจเข้าลึกๆ และกินอาหารทั้งสามชนิดภายในลมหายใจเดียว และแล้วเขาก็ทรุดตัวลงเช่นกัน คนส่วนใหญ่กินอาหารกันเสร็จแล้ว อย่างไรก็ตาม ฟางชิ, OldWangFromNextDoor และอูนานั้นโชคร้ายอย่างมาก พวกเขาหมดสติไปในขณะที่พวกเขากำลังกินข้าวผัดและเนื้อผัด เย่เทียนถอนหายใจ เธอมองทั้งสามคนที่ยังขาดประสบการณ์! เมื่อกินอาหารที่พ่อของเธอทำ มันมีกฏเหล็กอยู่ว่า จะต้องกินให้รวดเร็วที่สุด เร็วเหมือนพายุทอร์นาโดได้ยิ่งดี มันไม่สำคัญว่าจะต้องกินมากขนาดไหน แต่ต้องกินให้ครบทั้งสามอย่าง! มันต้องกินอย่างนี้! เธอรีบคว้าเจ้าซอสอ่อนที่หวาดกลัวอย่างมากและเจ้าฟ้าน้อยที่กำลังสั่นงกๆอยู่ เธอยัดอาหารทั้งสามชนิดลงในปากของพวกมันอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเธอก็ตรวจสอบทุกคนและเห็นว่าไม่มีใครเสียชีวิต โชคของพวกเขานั้นดีมากๆ จากนั้นเธอก็หยิบอาหารทั้งสามอย่างยัดลงในปากของเธอ เธอเดินมานั่งใกล้ๆร่างเย่ฉางและหลับตาลง เธอค่อยๆล้มลงบนหน้าอกของเย่ฉางและชักกระตุกไปด้วยกัน …
หลังจากผ่านไปสักพัก ทุกคนก็ตื่นขึ้นมาและรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าจะได้รับบัฟที่เพิ่มความเร็วและปฏิกิริยาตอบสนองขึ้น 5 % แถมมันยังเพิ่มค่าสถานะให้เป็นเปอร์เซ็นอีกด้วย บัฟของอาหารทั้งสามอย่างไม่เพียงแต่จะให้โบนัสค่าสถานะที่ดี แต่ยังให้ความต้านทานพิษและความต้านทานความมืดได้สูงมากกว่า 65! หากโดนโจมตีด้วยพิษธรรมดา พวกเขาจะได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อพวกเขานึกถึงสิ่งที่พวกเขากินเข้าไปแล้ว พวกเขารู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที
สำหรับอูนา, ฟางชิและหวังนั้น พวกเขาเฝ้ามองขณะที่เย่ฉางยื่นน้ำซุปกระดูกให้ และมองพวกเขาด้วยความห่วงใย “พวกนายยังไม่ได้กินน้ำซุปนี่เลยนะ เพื่อให้ได้รับผลบัฟที่ดีที่สุด ต้องรีบกินมันขณะที่กำลังอุ่นอยู่ เร็วๆเข้า ทุกคนกำลังรอพวกนายอยู่ …”
“……”
หลังจากที่ทุกคนได้รับบัฟอันสุดยอดของอาหารแล้ว เย่ฉางเริ่มเก็บอุปกรณ์ทำอาหารของเขาและเห็นว่ายังมีข้าวผัดกับน้ำซุปกระดูกเหลืออยู่มากมาย เขาเริ่มคิดอย่างจริงจังและพูดออกมาว่า “ฉันคิดไม่ถึงจริงๆว่า ฉันจะเป็นอัจฉริยะด้านการทำอาหาร! ฉันมีไอเดียใหม่ๆ ที่ทั้งยังสามารถปรับปรุงคุณภาพของอาหารและประหยัดวัตถุดิบได้ ครั้งต่อไปฉันจะผสมน้ำซุปกระดูกและข้าวผัดเข้าด้วยกัน ถูกแล้ว! ฉันจะทำข้าวต้มสไตล์เกาหลี! แน่นอนว่ามันต้องมีรสชาติที่ดีมากๆ! …”
ทุกคนกำลังพยายามที่จะเปลี่ยนความเจ็บปวดและความเศร้าโศกของพวกเขาให้เป็นพลัง แต่ในตอนนี้พวกเขากำลังเศร้าสลดมากยิ่งขึ้น บัฟของอาหารอยู่ได้แค่ 6 ชั่วโมง! อูนาเอามือก่ายหน้าผาก ทำไมเธอถึงต้องเลือกมายังเมืองแบล็กร็อคด้วย! ทำไมมือของเธอจึงไม่สั่นกระตุกจนไปเผลอกดเลือกเมืองอื่นแทน … สิ่งที่ดีอย่างเดียวก็คือ ในโลกแห่งความเป็นจริง เธอเป็นคนทำอาหารเอง ตำแหน่งนี้เธอจะไม่ยอมถ่ายโอนให้เขาโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นแล้ว … เธอแทบไม่สามารถจะจินตนาการได้!
“เอาล่ะ ไปสำรวจกันต่อเถอะ …” SpyingBlade กล่าวด้วยเสียงที่ไร้พลัง
เย่ฉางเดินนำหน้าเข้าไป เขาได้เก็บเกี่ยวทุกอย่างที่ขวางหน้าอย่างตื่นเต้น ผู้คนที่เดินตามหลังเขาต่างถอนหายใจด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง และหนังศีรษะรู้สึกด้านชาทุกครั้งที่พวกเขาคิดถึงมื้ออาหารต่อไป พวกเขาทั้งหมดได้แต่อธิษฐาน ในขณะที่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว …
พวกเขากลับไปที่ทางเดินก่อนหน้านั้นและเดินเข้าไปในห้องโถงของวิหาร ถึงแม้วิสัยทัศน์การมองเห็นของพวกเขาจะไม่ดี แต่พวกเขาก็พอเห็นไข่ทั้งหมดได้ มีแต่เฉพาะเย่ฉางที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ผนังด้านข้างทั้งสองด้านและเพดานเต็มไปด้วยไข่จำนวนมาก มีรูปปั้นเทพธิดาขนาดมหึมาถูกปกคลุมไปด้วยไข่และของเหลวเหนียวหนืด เขาใช้สกิล [Eagle Eyes] มองไปยังถ้ำที่อยู่ใกล้รูปปั้นเทพธิดา มันมีความกว้างอย่างน้อย 10 เมตรและเต็มไปด้วยไข่ที่ดูเหมือนจะไหลทะลักออกมา ทุกคนต่างตกใจกับทะเลแห่งไข่นี้ จู่ๆก็มีเสียงที่แหลมสูงดังออกมา ไข่ทั้งหมดเริ่มแตกออก …
“หลินหลี่! จุดไฟเผาด้านซ้ายและขวาไว้! สร้างเป็นเส้นทางไปยังถ้ำ! เราจะใช้ไฟเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันเข้ามา!” เย่ฉางตะโกน
“รับทราบ!” หลินหลี่เริ่มโยนขวดระเบิดเพลิงระดับสูงออกไปทางซ้ายและขวา ไข่ที่ยังไม่แตกออกโดยสมบูรณ์ถูกทำลายก่อนที่พวกแมลงจะออกมา พวกมันถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลแห่งเปลวเพลิง ห้องโถงวิหารทั้งหมดเหมือนนรกที่เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของแมลงที่ทนทุกข์ทรมาน ทุกคนวิ่งไปข้างหน้า ในขณะที่หลินหลี่ยังโยนขวดระเบิดเพลิงระดับสูงไปทางด้านข้างและตรงข้ามกับรูปปั้นเทพธิดา ในตอนนี้ห้องโถงวิหารทั้งหมดสว่างไสวไปด้วยเปลวเพลิง ผนังห้องเริ่มแตกออกและพื้นก็เริ่มสั่นไหว
“หลินหลี่ รีบหน่อย! มีอะไรบางอย่างกำลังจะออกมา!” SpyingBlade รู้สึกว่าบอสกำลังจะออกมาจากหลุม!
หลินหลี่เปิดใช้สกิล [Leap] ทันที เขากระโจนและเหวี่ยงกระเป๋าเป้อย่างบ้าคลั่ง เขาโยนขวดระเบิดเพลิงระดับสูง 12 ขวดลงไปในหลุม! เมื่อเขาร่อนลงพื้น เขาก็รีบโยนออกไปอีกจนไม่เหลือขวดระเบิดเพลิงระดับสูงเลยสักขวด จากนั้นเขาก็ถอยกลับไปหากลุ่ม พวกเขาหันไปเผชิญหน้ากับด้วงบากูที่อยู่รอบๆรูปปั้นเทพธิดาซึ่งยังไม่ถูกไฟไหม้ …