บทที่ 465 เบื้องหลัง
เจ็ดวินาที

ใบหน้าของรามิโร่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุข นางเดินไปหาลูเซียนด้วยดวงตาที่เป็นประกาย การแสดงออกของนางไม่ว่าจะเป็นอาการการจ้องมอง หรือท่าทางการกรีดร้องเหมือนคนอื่นๆ ที่ชื่นชมลูเซียน การได้พบบุคคลที่ชื่นชอบเป็นครั้งแรกในอัลลินทำให้นางไม่สามารถระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป

เป็นเรื่องปกติสำหรับลูเซียน ไม่ว่าจะในฐานะนักดนตรีหรือจอมเวท เขาก็มักจะได้รับความชื่นชมจากนักเวทรุ่นน้องอยู่เสมอ เหล่านักเวทคนอื่นที่อยู่รอบๆ ได้แต่พึมพำว่าเสียดายของจริงๆ ตามข่าวลือที่ว่ากัน ลูเซียนเป็นนักวิจัยผู้บ้าคลั่งที่รักษาพรหมจรรย์ย่างเคร่งครัดเหมือนกับท่านประธานดักลาส สาวงามมากมายที่อยู่รายล้อมตัวพวกเขากลับไม่ได้รับการเชยชม แต่ถ้าเป็นโอลิเวอร์ ผลลัพธ์จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

“ให้ตายเถอะ…” นักเวทหนุ่มที่นำเอเวลิน่าเข้ามามองด้วยความอิจฉา ถ้าเขามีพรสวรรค์สักเศษเสี้ยวของลูเซียน เอเวลิน่าก็คงจะตกหลุมรักเขาไปนานแล้ว

หกวินาที ห้าวินาที

สาวผู้คลั่งไคล้ลูเซียนผู้นี้ได้ใกล้ชิดกลับบุคคลที่ชื่นชอบของนาง ริมฝีปากของนางเผยอออกเล็กน้อย ราวกับว่านางกำลังคิดว่าจะเริ่มบทสนทนาอย่างไร

ลูเซียนสังเกตเห็นหญิงงามที่กำลังมุ่งหน้ามาหาเขา เขายื่นมือออกไป และส่งสัญญาณให้นางหยุด หลังจากรู้ว่าตนเองอยู่ในอันดับที่สิบเก้าของ ‘บัญชีกวาดล้าง’ ลูเซียนก็ยังคงรักษาระยะห่างกับทุกคน ยกเว้นคนที่เขารู้จัก

การระมัดระวังตัวขนาดนี้ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่ หากนางมีอะไรอยากจะพูด นางก็สามารถพูดได้จากจุดที่นางยืน ในระยะห่างขนาดนี้ ทำให้เขาสามารถใช้ ‘เวทสื่อสาร’ ได้โดยไม่เป็นปัญหา

รามิโร่ดูเหมือนว่าจะไม่เข้าใจท่าทางของลูเซียน นางยังคงเดินเข้ามา

“ดวงตาของ ‘นาง’” มีความพิศวง แก้มของ ‘นาง’ มีเลือดฝาด ตอนนี้ผู้ชายส่วนใหญ่แอบคิดอกุศลกับนางในใจ

อีกนิดเดียว อีกเพียงนิดเดียว!

สี่วินาที

ทันใดนั้น เขาก็เห็นลูเซียนยกมือขวาขึ้นจับ ‘คทาแห่งตะวัน’ ที่ฝังด้วยหินสุริยันขนาดใหญ่

“บ้าอะไรเนี่ย เขาเย็นชาแม้กระทั่งกับสาวงามเช่นนี้? เขาไม่แม้แต่ความลังเล” รามิโร่บ่นกับตัวเองในใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้านางก้าวเข้าไปใกล้อีก ลูเซียนก็จะร่ายเวทมนตร์ใส่จริงๆ แล้ว

‘เวทเขาวงกตธานอส’ ไม่เพียงแต่ดักจับศัตรูเท่านั้น แต่ยังเรียกสติของ ‘ผู้คลั่งไคล้’ ที่กำลังตื่นเต้นด้วย ลูเซียนไม่มีปัญหาในการเลือกเวทมนตร์ที่จะใช้

หากผู้ที่พุ่งเข้าใส่เขาเป็นศัตรู โจมตีแบบฉับพลันก็จะหายเข้าไปถูกขังอยู่ใน ‘เขาวงกตธานอส’ ภายในกำแพงของหอคอยเวทมนตร์อัลลิน ไม่เหลือความเมตตาให้ศัตรูแม้แต่น้อย แม้เจ้าชายแดรกคูลาจะอยู่ที่นี่ด้วยตัวเอง ก็ไม่แน่ว่าเขาจะมีชีวิตกลับออกไปได้ เมื่อมีมหาจอมเวทประจำการอยู่ พร้อมกับเกราะป้องกันเมืองชั้นยอด หอคอยเวทมนตร์ระดับตำนาน และการสนับสนุนอย่างรวดเร็วจากผู้ที่อยู่ในระดับตำนานคนอื่นๆ ตอนนี้ ‘พลังพระเจ้าเสด็จ’ ก็ไม่สามารถใช้งานได้ แม้แต่สมเด็จพระสันตะปาปาก็ยังต้องระวังการรวมกันดังกล่าวของกลุ่มนี้

หากเป็นแค่สาวกที่ตื่นเต้นเกินเหตุ นางจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ เมื่อ ‘เวทเขาวงกตธานอส’ คลายลง แม้ความมั่นใจที่ดับวูบในความคิดของนางถูกมองข้าม แต่เพียงแค่คำขอโทษจากลูเซียนก็จะช่วยแก้ไขปัญหาได้ไม่ยาก

โรมิโร่แอบพ่นคำสบถสั้นๆ ในใจ เมื่อประเมินระยะทางแล้ว เขาก็เข้าพุ่งเข้าใส่ลูเซียนอย่างรวดเร็วราวกับเป็นวิญญาณ

หากเขาเข้าไปใกล้มากขึ้นอีกเพียงเล็กน้อย รามิโร่รับประกันได้ว่าจะใช้ระเบิดเวทมนตร์ใส่ลูเซียน ก่อนที่ลูเซียนจะทันตอบสนอง เขาต้องหยุดใช้ ‘เวทสื่อสาร’ และเตรียมลงมือลอบสังหาร อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว เขาต้องตัดเรื่องระยะห่างทิ้งไป เพราะคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีโอกาสที่ดีเช่นนี้อีก

สำหรับอัศวินอาภาดับแปด ระยะห่างแคนี้ไม่มีผลอะไรทั้งนั้น นอกจากนี้ รามิโร่ยังเชื่อว่าการต้านทานเวทของเขาจะสลายเวทมนตร์ส่วนใหญ่ของลูเซียนได้ ด้วยระยะขนาดนี้ มีเวลาเพียงสำหรับเวทมนตร์บทเดียวเท่านั้น!

“มันเป็นมือสังหารจริงๆ” ทันทีที่ลูเซียนคิด ‘หินสุริยัน’ บน ‘คทาแห่งตะวัน’ ก็ส่องสว่างขึ้น หากไม่มีพลังต้านทานเวทมนตร์เขาวงกต แม้แต่ระดับตำนานก็สามารถตกเป็นเหยื่อของ ‘เวทเขาวงกตธานอส’ ได้ แน่นอนว่าเมื่อพิจารณาการต้านทานเวทมนตร์ของระดับตำนานแล้ว นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าใครได้รับพรจากเทพธิดานำโชคมากกว่ากัน โอกาสที่จะวางกับดักได้สำเร็จประมาณหนึ่งในยี่สิบถึงสามสิบครั้ง

รามิโร่จ้องเขม่งขึ้น สัญชาตญาณเตือนเขาถึงอันตรายครั้งยิ่งใหญ่อย่างฉับพลัน ดังนั้นเขาจึงทิ้งความคิดที่จะพึ่งพาการต้านทานเวทมนตร์ของเขากับเวทมนตร์ของลูเซียน เขาหรี่ตาลง และความคิดอื่นก็เกิดขึ้น

สามวินาที

ตู้ม เสียงระเบิดดังออกมาจากภายในร่างของรามิโร่ คลื่นกระแทกที่น่ากลัวพุ่งเข้าหาลูเซียน

แสงสีสันสดใสจากโล่เวทมนตร์ปรากฏขึ้นทีละดวง นักเวทที่อยู่รอบๆ ได้ใช้เวทมนตร์ป้องกันที่เชี่ยวชาญที่สุดโดยไม่รู้ตัว

ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็เฝ้ามองด้วยความสยดสยองเมื่อหญิงสาวที่งดงามระเบิดออกเป็นเศษเนื้อนับไม่ถ้วนในพริบตา นิ้ว แขน เท้า หัวใจ ลำไส้ และสมอง ตกลงมาราวกับหยาดฝน

เกิดอะไรขึ้น? ในขณะที่นักเวทและมหาจอมเวทระดับสูงส่วนใหญ่เพิ่งเข้าประตูมิติไปยังดินแดนใหม่ ก็ไม่มีใครรู้วิธีร่ายเวทระดับเก้า แม้ว่าจะตอบสนองได้ทันเวลา แต่ก็ไม่สามารถหยุดเวลาได้

จากการระเบิดตัวเองของรามิโร่ ‘เวทเขาวงกตธานอส’ ก็สูญเสียเป้าหมายและสลายพลังลง ลูเซียนไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่นที่จะเป็นไปได้นอกจากการปรับรูปแบบการร่ายเวทภายในจิตวิญญาณของเขาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น แสงจางๆ ก็กระเพื่อมล้อมรอบตัวเขาราวกับว่าเขาจมลงสู่ก้นทะเลสาบที่ล้อมรอบไปด้วยน้ำ

ทันทีที่คลื่นกระแทกที่รุนแรงสัมผัสกับ ‘คลื่นน้ำ’ น้ำวนกึ่งโปร่งใสก็ผุดขึ้นมาทีละลูกๆ และกระจายออกไปตามแรง

เวทมนตร์ระดับหก ‘เวทอาณาเขตดูดซับพลังงาน’

“พลังระเบิดตัวเอง?”

ก่อนที่ลูเซียนจะทันได้พัก ทันใดนั้น เขาก็เห็นอวัยวะส่วนต่างๆ บนพื้นมีชีวิตขึ้นมา และพุ่งเข้ามาหาเขาราวกับติดสปริง นี่เป็นภาพที่น่ากลัวอย่างน่าประหลาด

นอกเหนือจากประตูมิติไปยังดินแดนใหม่ที่อยู่เบื้องหลังเขาแล้ว ชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์ก็ได้ปิดกั้นทุกเส้นทางของการหลบหนีของเขา

สองวินาที

เนื่องจากเศษอวัยวะร่างกายไม่ใช่พลังงาน พวกมันจึงผ่านอาณาเขตดูดซับพลังงานได้ง่าย ลูเซียนกำลังจะโดนโจมตี

ถ้าพวกมันไม่ใช่พลังงาน พวกมันก็ต้องเป็นสสาร!

จู่ๆ ลูเซียนก็ถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำวนสีแดง เหลือง ทอง เงิน ขนาดใหญ่… จุดแสงนับไม่ถ้วนรวมตัวกัน และหมุนคว้าง ชิ้นส่วนของอวัยวะที่พยายามจะผ่านวังวนนั้นเข้ามาจะถูกย่อยสลายกลับคืนสู่สภาพเดิมเป็นธาตุพื้นฐานของถ่านหินที่ไหม้เกรียม ก๊าซ และเศษเหล็ก

วังวนธาตุ!

เลือดบนพื้นรวมตัวกัน และบิดเบี้ยวเป็นรูปร่างคล้ายมนุษย์ หลังจากการโจมตีล้มเหลวทั้งสองครั้ง รามิโร่ก็เข้าใจว่าภารกิจของเขากำลังจะจบลงด้วยความล้มเหลว ตอนนี้เหลือเวลาเพียงหนึ่งวินาทีก่อนที่หอคอยเวทมนตร์อัลลิน และมหาจอมเวทที่เฝ้าระวังจะตอบสนอง

สายตาของเขาจ้องมอง เลือดเริ่มเดือดขึ้น และทันใดนั้น ก็มีลำแสงสว่างจ้าราวกับดวงอาทิตย์ การระเบิดที่น่ากลัวกำลังมุ่งไปยัง ‘อาณาเขตดูดซับพลังงาน’ ดั่งสึนามิ

นี่เป็นการระเบิดตัวเองที่แท้จริงของอัศวินอาภาระดับแปด พลังที่สามารถทลายยอดเขาได้กำลังมุ่งตรงไปที่ลูเซียน

รามิโร่ไม่ได้วางแผนที่จะหลบหนีตั้งแต่แรก เพราะมันไม่จำเป็น!

ถูกต้อง เมื่อคิดที่จะระเบิดตัวเองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหลบหนี

ในขณะเดียวกันอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายภายใน ‘อาณาเขตดูดซับพลังงาน’ ก็ไม่ได้พยายามที่จะผ่านเข้าไปวังวน แต่มันกลับระเบิดออก

การโจมตีที่แท้จริงจากอัศวินอาภาระดับแปด คือการระเบิดตัวเองจากทั้งสองด้านของสนามพลัง ‘อาณาเขตดูดซับพลังงาน’ ถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวกับกระดาษในพายุ

แม้ว่าจะฆ่าลูเซียนไม่ได้ แต่ลูเซียนก็น่าจะบาดเจ็บไม่น้อย!

‘อาณาเขตดูดซับพลังงาน’ แตกเป็นเสี่ยงๆ วังวนธาตุแตกเป็นชิ้นๆ แต่ลูเซียนยังไม่ฟื้นตัวจากระยะเวลาที่ต้องรอในการร่ายเวทมนตร์

ในช่วงเวลาวิกฤตนี้เวทมนตร์ติดต่อก็ถูกเปิดใช้งาน

‘เวทก้าวพริบตา’ และ ‘เวทพลังอารักขา’ ถูกเปิดใช้งานในทันที และลูเซียนก็หายไป

อย่างไรก็ตาม ‘ก้าวพริบตา’ ไม่ใช่เวทเคลื่อนที่ พลังงานรอบตัวขนาดใหญ่และน่าสะพรึงกลัวสามารถฉีกลูเซียนให้กลายเป็นชิ้นๆ ได้ภายในช่วงเวลาสั้นๆ เขาเหลือเพียงทิศทางเดียวที่จะไป หนีไปข้างหลัง

เพียงพริบตาเดียว ลูเซียนก็ปรากฏตัวที่ห้องโถงซึ่งเขาจะได้รับผลกระทบจากพลังตกค้างของคลื่นกระแทกเท่านั้น อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่ด้านหลังของเขาคือประตูมิติไปยังดินแดนใหม่ ดังนั้น เขาจึงก้าวเข้าไปในประตูมิติก่อนที่มันจะนับถอยหลังกลับสู่สถานะกึ่งเปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์

แสงของดวงดาวกระเพื่อมเหมือนผิวน้ำ คลื่นกระแทกกระทบกับประตูทันที จากนั้นก็ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง รอยแตกเล็กๆ มากมายปรากฏขึ้นบนประตูมิติ

หนึ่งวินาที

‘หอคอยเวทมนตร์อัลลิน’ ถูกเปิดใช้งาน และแฮททาเวย์ผู้งดงามและสง่างามก็ปรากฏตัวขึ้นเหนือประตูมิติ นางชี้นิ้ว และการระเบิดที่น่ากลัวก็หายไปทันทีราวกับว่าไม่เคยปรากฏ

ไม่พบเลือดสักหยด หรือเศษเนื้อบนพื้นห้องโถง พลังของการระเบิดตัวเองได้ลบร่องรอยทั้งหมด มีเพียงรอยแตกบนประตูมิติเท่านั้นที่ยังคงเป็นหลักฐานว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้น

แฮททาเวย์ที่ไม่แสดงออกทางสีหน้าใดๆ โบกมือ และเปิดใช้งานประตูมิติ จากนั้นนางก็หาทางตรวจสอบความปลอดภัยของลูเซียน

อย่างไรก็ตาม สภาเวทมนตร์ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของประตูมิติไม่ทราบว่าลูเซียนมาถึง ดูเหมือนว่าการระเบิดได้รบกวนการเดินทางทะลุมิติ และเป็นผลให้ลูเซียนถูกส่งไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จัก

สิ่งเดียวที่มั่นใจได้ว่าลูเซียนอยู่ในโลกใหม่นี้ เพราะประตูมิติหลักไม่เปลี่ยนแปลง

สถานีรถไฟดาวหกฉก นครเรนทาโต

โกดังที่ฝากเก็บสัมภาระที่ฝากไว้ จู่ๆ กระเป๋าเดินทางสีดำก็เริ่มสั่น แล้วเปิดออกเองเสียงดังโครมคราม มือซีดๆ ก็ยื่นออกมา มือที่ดูเหมือนได้รับบาดเจ็บสาหัส

มือถูกห่อด้วยผ้าสีเทา แขน ขา ลำตัว มือ และขาอีกข้าง รวมถึงศีรษะที่ดูธรรมดาก็ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ จากกระเป๋า

ชายหนุ่มผมสีดำไออย่างรุนแรง ฟังดูน่าขนลุก และน่ากลัวท่ามกลางโกดังที่เงียบงัน

“ลูเซียนถูกส่งไปยังโลกใหม่ ตอนนี้เรามาดูกันว่าเขาจะเจอใครเป็นคนแรก นักเวทตำนานจากสภาเวทมนตร์ หรือพระคาร์ดินัลผู้ยิ่งใหญ่ของเรา” รามิโร่พึมพำกับตัวเองอย่างอ่อนแรง

การระเบิดตัวเองเต็มรูปแบบเช่นนี้ก็ทำให้เขาเสียหายหนักเช่นกัน พลังของเขาลดลงหนึ่งระดับในช่วงระยะหนึ่ง แม้จะได้รับการรักษาด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์และอาคมเทพ แต่ก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนเต็มในการฟื้นตัว

รามิโร่ส่ายศีรษะเมื่อใส่เสื้อผ้าที่นำมาจากกระเป๋าเดินทาง วิธีนี้ค่อนข้างเสี่ยงอันตรายเกินไป เขาเกือบถูกแฮททาเวย์จับได้

แม้แต่คนที่เคยชินกับการลอบสังหารแบบฉับพลันอย่างเขา เมื่อมองย้อนกลับไปก็ยังคิดว่าวิธีการนี้เสี่ยงเกินไป

หลังจากแต่งตัวเสร็จ เขาก็หยิบกระเป๋าเดินทางและออกจากโกดังมุ่งหน้าไปยัง ‘คริสตจักรแห่งอาภา’

หลังจากที่เขาจากไป ลมที่เป็นลางร้ายก็พัดเข้ามาในโกดังที่เงียบงัน เสียงที่น่าขนลุกฟังเอี๊ยดอ๊าดแทบแยกไม่ออกก็ดังขึ้น “ได้รับ ‘เครื่องรางป้องกันของมาสเกลีน’ แล้ว… อยากดูว่าเขาจะมีปฏิกิริยาที่น่าสนใจต่อสิ่งมีชีวิตลึกลับหรือไม่…”

รามิโร่รับคำสั่งให้กลับไปที่ ‘คริสตจักรแห่งอาภา’ ทันที

“ตามพระกระแสรับสั่งของสมเด็จพระสันตะปาปา นักบวชชั้นสูงระดับสาม ผู้พิทักษ์ราตรีสองร้อยอันดับแรก ครึ่งหนึ่งของอัศวินอาภา หรืออัศวินระดับสูงของแต่ละอาณาจักรจะต้องเข้าสู่โลกใหม่”