ตอนที่ 290 กลับมาแล้ว / ตอนที่ 291 ปิดบัง

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 290 กลับมาแล้ว

 

 

           “อะไรคะ?”

 

 

           “คุณจะออกไปทั้งๆ อย่างนี้เหรอ?” เขาส่ายศีรษะพลางชี้ไปที่เสื้อผ้าที่เธอกำลังสวมอยู่

 

 

           เธอก้มหน้าลงมองตัวเองแล้วแลบลิ้นเขินๆ

 

 

           เพราะเสื้อผ้าที่เธอสวมอยู่ตอนนี้เป็นชุดนอนที่สวมตั้งแต่เมื่อคืน ขืนออกจากบ้านสภาพนี้เธอคงถูกคนมองเป็นตัวประหลาดแน่

 

 

           เธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่อย่างรวดเร็ว จากนั้นลากเขาออกจากบ้าน

 

 

           พอไปถึงหน้าบ้านคุณนายเฉียวปุ๊บ เฉียวซือมู่รีบหยิบกุญแจออกมาไขประตูเปิดออกปั๊บ เธอวิ่งเข้าไปในบ้านแล้วกวาดสายตามองไปทั่ว จากนั้นเดินจ้ำอ้าวตรงไปยังห้องนอนของคุณนายเฉียวทันที

 

 

           “คุณแม่อยู่ไหนคะ?”

 

 

           ประตูห้องนอนไม่ได้ล็อก เธอเปิดประตูห้องออกอย่างระมัดระวัง เงี่ยหูฟังจึงได้ยินเสียงน้ำไหลดังซ่าๆ เธอโล่งอกทันที ค่อยๆ เดินเข้าไปในห้อง

 

 

           มีเสื้อผ้าทิ้งเอาไว้บนเตียง รองเท้าวางอยู่อีกทาง โทรศัพท์มือถือวางอยู่บนโต๊ะ ดูเหมือนว่าคุณแม่จะกลับมาแล้วจริงๆ

 

 

           เธอถอนหายใจโล่งอกเฮือกใหญ่ ค่อยๆ เดินไปนั่งลงบนโซฟา รอให้คุณแม่อาบน้ำเสร็จก่อน

 

 

           เธอค่อยๆ ใจเย็นลง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดดู แต่ในใจกลับคิดไปถึงเรื่องของคุณแม่ หลายวันที่ผ่านมาคุณแม่หายไปไหน? แล้ววันนั้นคุณแม่เจอใคร?

 

 

           เธอเพิ่งรู้ตัวว่าความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองแรงกล้ามาก คำถามมากมายหมักหมมอยู่ในใจ เธออยากรู้จนกระสับกระส่าย แต่ก็ต้องนั่งรอคุณแม่อาบน้ำให้เสร็จก่อน

 

 

           ในที่สุดช่วงเวลาแห่งการรอคอยแสนยาวนานก็สิ้นสุดลงเสียที คุณนายเฉียวสวมชุดคลุมอาบน้ำตัวหลวมเดินออกมาจากห้องน้ำ สองมือใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียกชุ่ม ใบหน้าแดงระเรื่อ เยื้องย่างออกมาอย่างช้าๆ ราวกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง

 

 

           ท่าทางเธอกำลังคิดหนักจนไม่ทันสังเกตเห็นว่าในห้องมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน เธอเดินไปยังตู้หัวเตียง ก้มกายลงหยิบอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเรียก “คุณแม่…”

 

 

           เธอตกใจสะดุ้งเฮือก รีบหมุนตัวกลับไปมองพบว่าเป็นเฉียวซือมู่ เธอตบอกตัวเองเบาๆ พลางเอ่ยอย่างไม่พอใจนัก “ลูกมาตั้งแต่เมื่อไหร? ทำไมไม่บอกไม่กล่าวก่อนสักคำ?”

 

 

           เฉียวซือมู่ลุกขึ้นยืนแล้วมองเธอ “คุณแม่หายไปไหนมาคะ?”

 

 

           คุณนายเฉียวชะงักเล็กน้อย “ลูกจะตีโพยตีพายไปทำไม แม่แก่ขนาดนี้แล้วไม่หายไปไหนหรอกน่า”

 

 

           “แล้วทำไมคุณแม่ไม่บอกหนูสักคำคะ รู้ไหมว่าหนูเป็นห่วงมากแค่ไหน” เฉียวซือมู่ตัดพ้อ “สองวันมานี้หนูแทบจะพลิกแผ่นดินหาคุณแม่อยู่แล้ว โทรศัพท์ก็โทรไม่ติด”

 

 

           เฉียวซือมู่เอ่ยพลางเหลือบมองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ มันยังคงอยู่ในสภาวะถูกปิดเครื่องเหมือนเดิม

 

 

            ความผิดปกติฉายขึ้นบนใบหน้าคุณนายเฉียวแวบหนึ่ง “วันก่อนแม่เจอเพื่อนคนหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ ก็เลยไปค้างที่บ้านเพื่อนสองวัน บ้านเพื่อนคนนั้นอยู่ไกลมาก แม่ก็เลยติดต่อลูกไม่ได้น่ะ”

 

 

           “จริงเหรอคะ?” เฉียวซือมู่มองคุณนายเฉียวด้วยความระแวง รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่

 

 

           คุณนายเฉียวมองเฉียวซือมู่แวบหนึ่ง “แล้วลูกคิดว่าไงล่ะ? แม่แก่ขนาดนี้แล้ว จะออกไปเที่ยวบ้างก็ต้องรายงานลูกด้วยเหรอ”

 

 

           “หนูไม่ได้บอกว่าต้องรายงาน…” เฉียวซือมู่เริ่มร้อนรน “แต่ตอนนี้หนูเหลือคุณแม่แค่คนเดียวแล้ว คุณแม่จะออกไปเที่ยวก็ได้ แต่คุณแม่ช่วยบอกหนูสักคำไม่ได้เหรอคะ?”

 

 

           “โอเคๆๆ คราวหน้าแม่จะไม่ลืมบอกลูกก็แล้วกัน” คุณนายเฉียวส่ายศีรษะ ไม่ใส่ใจท่าทางร้อนรนของลูกสาว

 

 

           เฉียวซือมู่สูดหายใจลึก เอ่ยสีหน้าจริงจัง “คุณแม่พูดเรื่องจริงใช่ไหมคะ? ทำไมหนูถึงรู้สึกว่าคุณแม่กำลังปิดบังอะไรหนูอยู่ล่ะคะ”

 

 

           คุณนายเฉียวคิดไม่ถึงว่าเฉียวซือมู่จะมีสายตาคมกริบเช่นนี้ สีหน้าเธอผิดปกติเล็กน้อย อ้าปากกำลังจะพูด

 

 

 

 

ตอนที่ 291 ปิดบัง

 

 

           จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของเฉียวซือมู่ก็ดังขัดจังหวะขึ้น เธอเหลือบมองคุณนายเฉียวแวบหนึ่ง จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสาย “ฮัลโหล?”

 

 

           “มู่มู่ ผมเอง”

 

 

           เสียงชายหนุ่มแสนคุ้นเคยดังลอดมาจากปลายสาย เธอเอ่ยด้วยความดีใจมาก “ฉีหย่วนเหิง? ทำไมอยู่ดีๆ คุณถึงโทรหาฉันได้ล่ะคะ?”

 

 

           แต่น้ำเสียงของฉีหย่วนเหิงกลับฟังแปลกๆ ชอบกล “นั่นสิ ผมโทรมาเพื่อแสดงความยินดีกับคุณเป็นพิเศษเลยนะ ยินดีด้วยที่คุณจะได้แต่งงานกับจิ้นหยวนสักที ผมยินดีด้วยจริงๆ”

 

 

           “อะไรนะคะ? ทำไมคุณถึง…” เธอเอ่ยได้เพียงครึ่งก็ต้องหยุดชะงัก รู้สึกแปลกใจมาก แม้จิ้นหยวนคิดจะแต่งงานกับเธอ แต่พวกเธอไม่เคยพูดเรื่องนี้กับคนนอกนี่นา แล้วฉีหย่วนเหิงรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?

 

 

           ฉีหย่วนเหิงเอ่ยตอบ “คุณอยากจะถามว่าผมรู้ได้ยังไงใช่ไหมครับ? คุณไปอ่านข่าวดูสิ ตอนนี้มีแต่ข่าวคุณเต็มไปหมด” เอ่ยพลางยิ้มเย็น “ตอนแรกผมก็คิดว่าผมมีโอกาสแล้ว ใครจะไปรู้ว่าผมจะแพ้ให้กับคนอย่างจิ้นหยวน ฮึ ไม่ช้าก็เร็ว สักวันคุณก็ต้องเป็นของผม สักวัน”

 

 

           นี่เขากำลังพูดเรื่องอะไรเนี่ย เฉียวซือมู่เอ่ยถามอย่างไม่เข้าจ “ข่าวอะไรคะ แล้วข่าวเขียนว่ายังไง? เขียนว่าฉันจะแต่งงานกับจิ้นหยวนอย่างนั้นเหรอ? ฉันไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับใครเลยนะคะ”          

 

 

           “คุณไม่ต้องโกหกผมหรอก ตอนนี้ข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่วแล้ว ถ้าจิ้นหยวนไม่ได้เป็นคนให้ข่าวเอง แล้วใครจะไปกล้าทำข่าวนี้” วันนี้ฉีหย่วนเหิงดูแปลกไปจากเดิมมาก ดูเหมือนอารมณ์เขาจะไม่ปกติสักเท่าไหร่ และดูเหมือนเขาจะอ่อนไหวกว่าปกติมาก

 

 

           เฉียวซือมู่เอ่ยถามหยั่งเชิง “คุณดื่มเหล้ามาเหรอคะ?”

 

 

           เขาหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงฟังดูไม่มีความสุขและกลุ้มใจมาก “ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องยินดีกับคุณด้วยที่คุณสมหวังเสียที ผมฝากบอกจิ้นหยวนด้วย ผมไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด บอกเขาให้ระวังตัวเอาไว้ให้ดี” เขาเอ่ยจบแล้วตัดสายเสียดื้อๆ

 

 

           เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าเรื่องนี้จะเป็นฝีมือจิ้นหยวน? แต่เขาไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเธอเลยนี่นา

 

 

           คุณนายเฉียวชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือพลางสังเกตท่าทางเฉียวซือมู่พลาง เห็นเฉียวซือมู่วางสายแล้วจึงเอ่ยขึ้น “ลูกจะแต่งงานกับจิ้นหยวนจริงใช่ไหม?”

 

 

           เฉียวซือมู่ลังเลเล็กน้อย “เขาอยากแต่งค่ะ แต่ว่า…” เธออยากจะบอกว่าแต่ครอบครัวเขาคงไม่ยอม แต่เธอไม่อยากทำให้คุณแม่เป็นห่วง จึงตอบอย่างขอไปที “มีปัญหานิดหน่อย แต่เดี๋ยวก็คงแก้ปัญหาได้แหละค่ะ”

 

 

           คุณแม่รู้สึกดีกับจิ้นหยวนมาก เธอคิดว่าตัวเองพูดแบบนี้คุณแม่คงจะดีใจมาก

 

 

           และเป็นไปตามคาด พอเธอพูดออกไปแบบนั้น คุณนายเฉียวก็เอ่ยด้วยความปลื้มใจทันที “เขาเป็นคนที่ไม่เลวเลยนะ ลูกแต่งงานกับเขาแม่จะได้วางใจเสียที” เอ่ยพลางเดินเข้าไปหาเฉียวซือมู่ เธอวางมือลงบนบ่าลูกสาว “ตอนนี้ลูกก็โตแล้ว ต้องรู้จักวางตัวให้ดี จิ้นหยวนเป็นผู้ชายที่ดีมาก ลูกต้องถนอมเขาให้ดี เข้าใจไหม?”

 

 

           เฉียวซือมู่มุ่นหัวคิ้ว มองเธอด้วยความไม่เข้าใจ “คุณแม่อยากจะบอกอะไรเหรอคะ?”

 

 

           คุณนายเฉียวชะงักเล็กน้อย ส่ายศีรษะช้าๆ “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”

 

 

           เฉียวซือมู่จ้องคุณแม่นิ่ง รู้สึกว่าคำพูดของท่านแฝงนัยยะอื่นเอาไว้ ราวกับกำลังบอกลาเธออย่างไรอย่างนั้น “คุณแม่…”

 

 

           คุณนายเฉียวส่ายศีรษะราวเพิ่งรู้สึกตัวว่าคำพูดตัวเองฟังดูผิดปกติ จึงเอ่ยขึ้นใหม่ “ดูแม่ซิ ถ้าใครมาได้ยินเข้าคงคิดว่าแม่จะเป็นอะไรเสียอีก”