บทที่ 367 ร่องรอยของรอยสักกะโหลก

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

เมื่อผู้คนย้ายรถออกไป ต่งเจ๋อเชาได้แนะนำกฎสั้นๆ

พื้นที่จอดรถสามคูณสามถูกใช้เป็นขีดจำกัด แต่ใครก็ตามที่สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ หรือถูกเตะออกนอกสนามจะถือเป็นผู้แพ้

แต่ละฝ่ายต้องส่งตัวแทนหนึ่งคนออกมาต่อสู้กันเป็นคู่ๆโดยจับสลาก คนชนะจะได้รับสิทธิ์ในการขุดแร่

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ทุกคนในสี่ฝ่ายมีโอกาสเดียวเท่านั้น หากชนะ ก็ยังมีความหวังที่จะต่อสู้อีกครั้ง หากแพ้ ก็จะพลาดโอกาสการขุดแร่โดยสมบูรณ์!

นอกจากผู้คนจากทั่วทุกทิศแล้ว ต่งเจ๋อเชายังดึงกลุ่มบอดี้การ์ดที่ตัวสูงและสีหน้าเย็นชาออกมา จากรูปร่างที่สูงใหญ่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขามาเพื่อป้องกันความโกลาหลและความวุ่นวาย

ใบจับฉลากต่งเจ๋อเชาเป็นคนเขียน แต่ละใบจะถูกพับให้เป็นรูปร่างเดียวกัน และลำดับก็ถูกทำให้สลับกันไปด้วยการหันหลังให้กับฝูงชน

ฮั่วเยี่ยนจื่อขึ้นไปในฐานะตัวแทนและดึงใบฉลากที่มี ‘2’ ซึ่งแสดงถึงต่อสู้เป็นคู่แรก และคู่ต่อสู้คือตระกูลหลี่

สิ่งนี้ทำให้หลี่เฉียนคุนหัวเราะจนปิดปากของเขาไม่ได้ เดิมทีเขาไม่พอใจทีมของเย่เทียนมากแล้ว และตอนนี้เขาสามารถจัดการได้อย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา เขาจะไม่มีความสุขได้ไง?

ที่ว่าจะแพ้ไหม หลี่เฉียนคุนไม่เคยคิดเกี่ยวกับมัน

แน่นอน การแข่งขันครั้งแรกคือตระกูลหยางและตระกูลตู้

“เวลามีจำกัด พวกคุณจับได้เป็นกลุ่มแรกที่ต้องสู้กัน!”

ต่งเจ๋อเชาทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสิน ยกข้อมือขึ้นเพื่อดูเวลาและเร่ง

“คุณตู้ เกรงว่าคราวนี้พวกคุณจะมาสูญเปล่าแล้ว”

“ถ้าคราวหน้าคุณตู้มาที่จ๊กกลาง ผมจะต้อนรับเป็นอย่างดีแน่นอน!”

หยางหย่งซินทักทายตู้เฉี่ยวเฉี่ยวก่อน จากนั้นจึงหันไปหาชายที่สีหน้าแปลกๆและกล่าวด้วยความเคารพ “ท่านฮวา รบกวนท่านแล้ว”

ถูกตัอง! ผู้ชายคนนี้ที่แต่งหน้าจัด จะเป็นใครได้อีกนอกจากฮวาอวี่เฟย? !

“อืม!” ฮวาอวี่เฟยพยักหน้าเล็กน้อย และเดินช้าๆไปที่กลางสนาม

ตามที่เย่เทียนได้คาดเดาก่อนหน้านี้ คนที่ออกมาจากกลุ่มของตู้เฉี่ยวเฉี่ยว คือชายชราตัวเล็กๆที่มีผมขาว

“ผมนามสกุลคือข่ง ชื่อสุงไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไร?”

ชายชราตัวเล็กๆยกกำปั้นและโค้งคำนับรายงานชื่อของเขา

“อย่างคุณไม่คู่ควรที่จะรู้จักชื่อผม!”

ฮวาอวี่เฟยเหลือบมองข่งสุงอย่างดูถูกและส่งสียงอย่างเย็นชา “ผมเดินออกมาไม่ใช่เพื่อมาสนทนา!”

“หึ!”

ข่งสุงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เขาส่งเสียงอย่างเย็นชาและหยุดพูดเรื่องไร้สาระ ชี่ทิพย์ในร่างกายของเขาหมุนไปอย่างรวดเร็ว และทันใดนั้นเขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ

วินาทีถัดมา ร่างกายของเขาก็พุ่งทะยานขึ้นทันที ความสูงเพียง 1.8 เมตร กลายเป็นประมาณ 2 เมตร เส้นเลือดสีน้ำเงินทั่วร่างของเขานั้นผุดออกมาเหมือนไส้เดือน น่ากลัวมาก!

ข่งสุงได้ผลักดันการฝึกบูโดที่เขาฝึกฝนมาเป็นเวลาหลายสิบปีให้ถึงขีดสุดอย่างไม่ต้องสงสัย ตอนนี้แม้มีดาบที่คมก็ไม่สามารถทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ!

“คุณเป็นคนของสำนักกุยอีเหรอ?”

ฮวาอวี่เฟยยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็มืดมน

วิชาที่ข่งสุงกลายร่างใหญ่ขึ้นเรียกว่าเทวาจุติโลกาเป็นเทคนิคลับเฉพาะของสำนักกุยอี ลูกศิษย์ที่เข้าร่วม สำนักกุยอีมานานกว่า 20 ปี และภักดีต่อสำนักเท่านั้นที่มีสิทธิ์ฝึกฝน

เทคนิคลับนี้ไม่เพียงแต่สามารถยกระดับความสามารถในการป้องกันได้เท่านั้น แต่ยังสามารถยกระดับความแข็งแกร่ง ความเร็ว และด้านอื่นๆอีกด้วย

ตอนที่เขาอยู่ในโลกบูโด ฮวาอวี่เฟยมักถูกคนในสำนักกุยอีตามล่าและไล่ฆ่า เขาคุ้นเคยอย่างยิ่งกับเทวาจุติโลกา

“หากคุณมีความรู้อยู่บ้าง รู้จักเจียมตัวก็ยอมแพ้ไปซะดีๆ! มิฉะนั้น การโจมตีของผมไม่ใช่เบาๆนะ!” ข่งสุงผู้ซึ่งสูงขึ้นเล็กน้อยแม้แต่น้ำเสียงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เสียงของเขาเหมือนเสียงของชายหนุ่ม และไม่มีท่าทีของชายชรา

“ถ้าเรียกเจ้าสำนักของพวกคุณมา บางทีผมอาจจะยอมแพ้จริง แต่แค่ขยะอย่างคุณ แม้แต่รู้จักชื่อของผมก็ไม่คู่ควร ทำไมคุณคิดว่าผมจะยอมแพ้ล่ะ?”

ฮวาอวี่เฟยส่ายหัวเล็กน้อย สีหน้าดูถูกเหยียดหยามเล็กน้อย

“หยิ่งผยอง!”

โดนคนอื่นดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้ ข่งสุงก็โกรธจัด

เห็นเพียงเขากระทืบเท้าอย่างกะทันหัน และพื้นคอนกรีตแข็งก็ส่งเสียงดัง เหยียบจนมีรอยเท้าทันที

และตัวเขาเองก็เหมือนรถไฟที่วิ่งเข้าหาฮวาอวี่เฟยอย่างโหด

“ท่านฮวา ระวัง!”

หยางหย่งซินอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาทันที

แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าฮวาอวี่เฟยไม่ใช่คนธรรมดา แต่ออร่าของข่งสุงนั้นแรงเกินไป ตรงกันข้ามกับร่างกายที่ผอมบางของฮวาอวี่เฟย ทำให้เขากังวลเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เพราะว่า การต่อสู้ครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเหมืองแร่หยกหลายพันล้าน หรือแม้กระทั่งหลายหมื่นล้าน หากเขาชนะจริงๆ สามชั่วอายุคนก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ คงจะแปลกมากถ้าเขาไม่รู้สึกประหม่า

ในทางกลับกัน ตู้เฉี่ยวเฉี่ยวและพรรคพวกของเธอต่างก็เย้ยหยันที่มุมปากของพวกเขา และพวกเขาดูมีชัยชนะ ราวกับว่าผลลัพธ์ได้รับการตัดสินแล้ว

ไม่ว่ายังไง เมื่อเผชิญหน้ากับข่งสุงที่คำรามเหมือนหมาป่าเหมือนเสือ ฮวาอวี่เฟยยืนอยู่ที่นั่นอย่างสงบ และการเยาะเย้ยอย่างเข้มข้นก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

“ในเมื่อผมบอกว่าคุณเป็นคนไร้ค่า คุณก็ถูกลิขิตให้เป็นเพียงคนไร้ค่า!”

ใช้เวลาไม่นาน ข่งสุงก็วิ่งไปที่ฮวาอวี่เฟยด้วยลมแรง และเขาก็กระแทกเข้ากับเขาเหมือนวัวป่าที่ควบคุมไม่ได้

บูม!

อย่างไรก็ตาม ในวินาทีสุดท้าย ในที่สุดฮวาอวี่เฟยก็เคลื่อนไหว

ไม่มีการหลบหลีกอย่างที่ทุกคนจินตนาการ และไม่มีการเผชิญหน้ากันโดยตรง

เห็นเพียงฮวาอวี่เฟยดูเหมือนจะเชื่องช้า แต่จริงๆแล้วเขาชกออกมาทีหลังแต่ถึงก่อน และชกหน้าอกของข่งสุงอย่างไร้ความปราณี

“อ๊าก!”

ข่งสุงอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องขึ้นในอากาศ ร่างใหญ่ของเขาเบาราวกับขนนก เขารีบวิ่งขึ้นไปเกือบจะเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วถอยกลับด้วยความเร็วสองเท่า

บูม!

ข่งสุงล้มลงกับพื้นอย่างแรง ไม่เพียงแต่ร่างกายของเขากลับสู่รูปร่างเดิม แต่เสื้อผ้าบนร่างกายของเขาถูกทุบเป็นชิ้นๆ และหน้าอกของเขาถูกทุบด้วยหมัดและลึกเข้าไป

พู่วว!

ทันทีที่เขาล้มลงบนพื้น ข่งสุงก็พ่นเลือดออกมาเต็มปาก ใบหน้าของเขาซีดราวกับกระดาษ สีหน้าของเขาเฉื่อยอย่างมาก ราวกับว่าเขาจะตายเมื่อใดก็ได้

แน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือข่งสุงได้บินออกจากขอบเขตเดิม!

“คุณ คุณคือฮวา ฮวา…”

ข่งสุงพยายามเงยหน้ามองฮวาอวี่เฟยอย่างสยองขวัญ และเหยียดมือออกอย่างสั่นเทา

น่าเสียดาย ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาเอียงศีรษะและหมดสติไป

สถานที่นั้นเงียบสนิท

ใช้เวลาไม่ถึงสองนาที แม้กระทั่งถ้าจะพูดตามตรงอย่างมากก็แค่สิบวินาที ข่งสุงที่ดุร้ายก็พ่ายแพ้! หนึ่งท่า!

เพียงแค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น!

ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนอ้าปากขึ้นเล็กน้อยพร้อมๆกัน มองดูสนามด้วยท่าทางที่น่าทึ่ง ราวกับว่าฮวาอวี่เฟยเพิ่งทำเรื่องเล็กๆ และมีความสยดสยองวาบผ่านในดวงตา

แม้แต่เย่เทียน ก็ขมวดคิ้วอย่างลึกซึ้ง

อย่างไรก็ตาม สายตาของเย่เทียนไม่ได้อยู่ที่ฮวาอวี่เฟย แต่อยู่ที่ข่งสุงที่กำลังจะตาย

ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เพราะมีรอยสักกะโหลกบนหน้าอกของข่งสุง!

นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เทียนได้เห็นร่องรอยของรอยสักกะโหลก หลังจากที่เขาเกิดใหม่ เขาจะไม่ตกใจได้ยังไง? !