ตอนที่ 1008 อาศัยอยู่บนฟ้า

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

เสวียนจงที่ยืนอยู่ด้านข้าง เมื่อได้ยินที่หยางโปตอบกลับมา และเมื่อเห็นโจวซินหลงเชื่ออีกครั้งแล้ว เขาก็นิ่งอึ้งไปทันที
  คิดไม่ถึงว่าโจวซินจะเชื่อคำพูดบ้าบอนี้ของหยางโปจริงๆ ! คาดคิดไม่ถึงว่าเขาจะยอมเชื่อ !
  เสวียนจงเอื้อมมือออกมาคิดที่จะเตือนสติโจวซิน แต่กลับเห็นหยางโปหันมาถลึงตาใส่เขา
  เขาถึงกับเงียบไปทันที เขาอยากจะเป็นเพื่อนกับโจวซิน แต่กลับยิ่งอยากเป็นเพื่อนกับหยางโปมากกว่า เวลานี้ ถ้าไปเตือนโจวซิน คงจะเป็นศัตรูกับหยางโปอย่างไม่ต้องสงสัย มันจะยิ่งเป็นการทำให้หยางโปขุ่นเคืองใจ !
  เสวียนจงอดที่จะนึกถึงผลทีตามมาแบบนี้ไม่ได้
  ตระกูลของโจวซินมีธุรกิจขนาดใหญ่ เบื้องหลังก็มีอิทธิพลอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่เกรงกลัวหยางโปเลย และมักจะประกาศเป็นศัตรูกับหยางโป แต่ชุมนุมยุทธภพล่ะมีอะไร ?
  ตอนที่ก่อตั้งชุมนุมยุทธภพขึ้นในฐานะพันธมิตรผู้ฝึกบำเพ็ญสันโดษ เสวียนจงก็อยากยืมใช้พลังของผู้อื่นเพื่อช่วยในการฝึกบำเพ็ญให้ตัวเขาเอง แม้กระทั่งทำความรู้จักกับชาวยุทธที่ทรงพลังมากกว่า !
  แต่พันธมิตรคนที่ฝึกบำเพ็ญอยู่อย่างสันโดษที่มารวมตัวกัน ก็ช่วยอะไรเขาได้ไม่มากนัก แต่ยังไงซะเขาก็ได้มารู้จักกับโจวซินผ่านสิ่งนี้ ก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายเหมือนกัน พันธมิตรของคนผู้ฝึกบำเพ็ญสันโดษนี้มีสถานะสูงในโลกธุรกิจ แต่ถ้าคิดจะรับมือกับหยางโป กลับเป็นเรื่องที่ยาก !
  หลังจากคิดอยู่นาน เสวียนจงก็ยังไม่เตือนโจวซิน แต่ปล่อยให้โจวซินคิดไปตามที่คาดเดาไว้
  โจวซินมองไปที่หยางโป ” ไม่ใช่มั้ง พลังในวันนั้นมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผลแบบนี้ ! ”
  หยางโปไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก แต่หันไปมองเฉาหยวนเต๋อทั้งสองคน “ ไปกันเถอะ พวกเราไปดูกันสิว่ามีสมบัติล้ำค่าอะไรอยู่บ้าง ! ”
  เฉาหยวนเต๋อยิ้มและเดินตามไป
  ฮัวชิงหยุนดึงหยางโปไว้ “ พวกคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน ? ฝึกบำเพ็ญเพียรอะไรกัน ? ”
  หยางโปหันมองไปที่ฮัวชิงหยุน และมีอาการลังเลเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้คิดที่จะบอก
  ฮัวชิงหยุนเกี่ยวกับเรื่องราวพวกนี้และถึงกับที่ว่าไม่พูดอะไรเลย แต่เมื่อความจริงถูกเปิดเผย เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดว่า “ ตอนนี้พูดอะไรมากไม่ได้ กลับไปจะอธิบายให้คุณฟังเอง ”
  เฉาหยวนเต๋อเหลือบมองหยางโป จากนั้นก็หันกลับไปมองวัตถุในงานอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย วัตถุที่อยู่ที่นี่มีคุณภาพดีกว่าที่อยู่ชั้นล่างพวกนั้นมาก กระทั่งที่ว่าสามารถมองแวบแรกก็ดูออกเลยว่าเป็นของจริง แต่พวกมันต่างก็มีลักษณะเฉพาะเจาะจงบางอย่างที่เหมือนกัน คือของส่วนใหญ่ในงานกว่าครึ่งเป็นหยก นอกจากนี้ยังมีกระบี่หยกบางส่วน ของจำพวกเข็มทิศ ดูเหมือนของใช้ของนักพรต !
  เฉาหยวนเต๋อยังคงแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เลือกลูกประคำเส้นหนึ่งในงานมา ลูกประคำเส้นนี้ดูเหมือนจะร้อยด้วยลูกปัดเป็นร้อยลูก ดูเส้นยาวมาก ลูกปัดแต่ละเม็ดกลมมน ไม่รู้ว่าเป็นวัสดุชนิดใด ไม่ใช่ทองคำหรือไม้ แต่พอสัมผัสดูก็กลับให้ความรู้สึกที่อบอุ่น !
  เฉาหยวนเต๋อยื่นสายประคำให้หยางโป “ นายดูสิของชิ้นนี้เป็นไงบ้าง ? ”
  หยางโปรับสายประคำมาคลำดูอย่างระมัดระวัง และขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ลูกประคำเส้นนี้ดูธรรมดา แต่เมื่อจ้องมองดูดีๆ กลับพบว่ามีความแปลกใหม่อื่นแฝงอยู่ ดูเหมือนจะมีชั้นแสงล้ำค่าอยู่ด้านนอกของลูกประคำ ชั้นแสงอันล้ำค่านี้ดูค่อนข้างอ่อน แต่แสงล้ำค่าอ่อนๆแบบนี้กลับทำให้คนรู้สึกถึงจิตใจที่ซื่อตรงและยิ่งใหญ่ !
  หัวใจของหยางโปก็เหมือนน้ำ เขาหยิบลูกประคำมาดีดอย่างระมัดระวัง ลูกประคำทุกเม็ดที่ดีด
  มันทำให้เขาสัมผัสถึงความกระจ่างแจ้งและความสงบภายในจิตใจได้อย่างแจ่มชัด ความรู้สึกนี้แปลกมาก เหมือนถูกพลังปาฏิหาริย์บางอย่างจับเคลื่อนย้าย !
  “ เส้นประคำนี้ไม่เลวเลย ! ” หยางโปไม่ได้อธิบายอะไรมาก
  เจ้าของแผงขายของเป็นชายวัยสามสิบกว่า มีของหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ข้างหน้า
  เมื่อได้ยินหยางโปสอบถามราคา เขาก็เงยหน้าและหันไปเหลือบมอง ” สามล้าน ! ”
  หยางโปตกตะลึงนิ่งงันไปครู่หนึ่ง “ สายประคำเส้นนี้มีต้นกำเนิดจากอะไร ทำไมมันถึงมีราคาแพงขนาดนี้ ? ”
  เจ้าของแผงลอยมองหน้าหยางโป “ นี่เป็นสมบัติล้ำค่าที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ มีผลต่อการทำสมาธิ
  ( คัมภีร์ซ่างชิงจิง ) เคยกล่าวไว้ว่า เมื่อปรมาจารย์เก่อหงปรุงยา เล่นแร่แปรธาตุเป็นครั้งแรก มักจะถือสายประคำไว้ในมือ ทุกวันนั่งอยู่ข้างเตายา เง็กเซียนฮ่องเต้เรียกหาทั้งปี ลูกประคำเส้นนี้มีพลังของปรมาจารย์เก่อหงอยู่ ! ”.novel-lucky.
  เมื่อหยางโปได้ยินเรื่องนี้ ก็ตกตะลึงไปทันที นี่มันเบี่ยงเบนตำนานเกินไปหรือเปล่า ? คนในวงการอุตสาหกรรมมักจะเบี่ยงเบนเปลี่ยนแปลงเรื่องราวขึ้น ดังนั้น ตอนนี้ทุกคนต่างก็เบี่ยงเบนเรื่องราวและร่วมกันแต่งเรื่องขึ้นมา ถ้าหากของชิ้นใดไม่สอดคล้องหรือมีในตำนานเรื่องเล่าขาน ของสิ่งนั้นก็จะไม่ใช่วัตถุโบราณ !
  เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีการแต่งเรื่องราวขึ้นที่นี่ เก่อหงคือใคร เขาเป็นบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงของลัทธิเต๋าในราชวงศ์จินตะวันออก และเป็นที่รู้จักในเรื่องการปรุงยา เล่นแร่แปรธาตุ นี่มันเป็นเพียงสายประคำเส้นเดียวเท่านั้น ทำไมถึงลากเก่อหงเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย ?
  เมื่อได้ยินเฉาหยวนเต๋อก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ” เก่อหง ? คุณบอกว่าวัตถุแบบนี้ของคุณเป็นของ เก่อหง ? คุณแซ่อะไร ? ”
  “ นี้คือของปรมาจารย์เก่อหง แซ่เก่อ เก่อเจียซิง เป็นทายาทรุ่นที่ 43 ของตระกูลเก่อ ” เจ้าของแผงลอยอธิบาย
  เจ้าของแผงลอยที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็อธิบายตามว่า “ คุณหยาง ไม่แปลกใจเลยที่คุณใช้ความสามารถเข้ามา คุณคงไม่เคยติดต่อสัมพันธ์กับแวดวงนี้มาก่อนแน่ เรื่องราวของเจ้าของแผงลอยเก่อ ทุกคนต่างก็รู้ดี ”
  “ อ้อ เรื่องอะไรเหรอ ? ” หยางโปอดไม่ได้ที่จะหันไปมองชายคนนั้น ซึ่งเป็นชายในวัยห้าสิบกว่า
  ดูเหมือนชีวิตจะผ่านมรสุมร้ายแรงมาอย่างโชกโชน
  “ ครั้งหนึ่งตระกูลเก่อเคยมีคนจำนวนมากคอยเซ่นไหว้ เป็นตระกูลที่เจริญรุ่งเรือง มีชื่อเสียงมากในมณฑลเจียงซูและเจ้อเจียงในเวลานั้น ดูแลวัดลัทธิเต๋าในซูโจวและหางโจว แต่ต่อมาภายหลังในสมัยราชวงศ์ชิงตอนปลาย กองทัพญี่ปุ่นบุกเข้ามา ลูกหลานของคนสกุลเก่อมีคนหนุ่มสาวอยู่สิบแปดคนที่ทยอยเข้าร่วมกองทัพ เพื่อรับใช้ชาติติดต่อกัน คิดไม่ถึงว่าเพราะเหตุนี้จะทำให้ตระกูล
  เก่อหมดสิ้นลูกหลานสืบทอดและเซ่นไหว้ต่อ คนหนุ่มสาวทั้งสิบแปดคนนี้ถูกแยกย้ายให้ไปประจำการในค่ายทหารคนละที่ แต่กลับทยอยล้มหายตายจากไปในการสนามสู้รบทีละคน ! ”
  “ เพราะเหตุผลนี้ คนหนุ่มสาวเหล่านี้จึงล้มหายตายจากไปในสนามรบภายในหนึ่งเดือนอย่างคาดไม่ถึง ตระกูลเก่อยังไม่ทันรู้ตัวก็จบสิ้นลงแล้ว เพราะเหตุนี้ผู้นำของตระกูลเก่อจึงผมขาวโผนในชั่วข้ามคืน แต่โชคดีในตระกูลยังเหลือคนสืบทอดคนสุดท้าย ที่ยังคงทำการจุดธูปเซ่นไหว้บรรพบุรุษสืบทอดต่อมา ”
  หยางโปหันกลับไปมองเก่อเจียซิง อดไม่ได้ที่จะให้ความเคารพกว่าเดิม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฮัวชิงหยุนหันไปมองเก่อเจียซิงอีกครั้ง ” ขอแสดงความนับถือ ”
  เก่อเจียซิงพยักหน้า และตอบกลับมาอย่างเฉยเมย “ เรื่องแบบนี้ ปกติผมจะไม่ให้คนนอกรู้ นี่เป็นธรรมเนียมของตระกูลเก่อ ก็หวังว่าพวกคุณจะไม่ปากมากนะ ”.ไอลีนโนเวล.
  เฉาหยวนเต๋อกลับนิ่งอึ้ง เขาจ้องหน้าเก่อเจียซิง “ ขอสอบถามหน่อยนะ แต่ก่อนตระกูลเก่ออาศัยอยู่ที่เมืองไหน ? ”
  เก่อเจียซิงหันไปมองเฮาหยวนเต๋อ ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย “ จินหลิง ถนนหม่าเต๋า ”
  เฉาหยวนเต๋อนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ “ คุณก็อยู่ที่ถนนหม่าเต๋าเหรอ ? คุณอยู่ซอยเลขที่เท่าไหร่ ?
  ตอนเด็กๆผมเคยได้ยินเรื่องตระกูลเก่อ แต่ก่อนบ้านเราอยู่ที่นั่น ”
  “ บ้านของเราอยู่ที่ถนนหม่าเต๋า 12 ! ” เก่อเจียซิงตอบ
  เฉาหยวนเต๋อไม่พูดอะไร เขาหันไปมองที่แผงขายของ และหันกลับมาจ้องหน้าเก่อเจียซิงอีกครั้ง และส่ายหน้าช้าๆ “ จินหลิงถนนหม่าเต๋าเป็นสถานที่ที่อยู่ไม่ไกลจากฟูจื่อเมี่ยว แต่ก่อนผมก็อยู่ที่ถนนหม่าเต๋า 12 เหมือนกัน คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะอยู่ในบริเวณเดียวกัน ”
  เมื่อเก่อเจียซิงเห็นสีหน้าท่าทีของเฉาหยวนเต๋อ เขารู้สึกว่าตัวเองพูดเจาะจงเกินไป เขาจึงอธิบายไปว่า ” ถ้างั้นก็บังเอิญจริงๆ ! ”
  เป็นไปอย่างที่คาดการไว้ ต่อมาก็ได้ยินเฉาหยวนเต๋อพูดต่อไปว่า “ ไม่บังเอิญ เวลานั้นตระกูลเฉาของเราก็ถือว่ามีเงินมีทอง ทั่วทั้งบริเวณบ้านเป็นของตระกูลเฉาเราหมดเลย แต่ผมไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลเก่อมาก่อน ไม่ทราบว่าเวลานั้นตระกูลของพวกคุณอาศัยอยู่บนฟ้าเหนือหลังคาบ้านเราหรือเปล่า ? ”