Sign in Buddha’s palm 290 (II) ตามมาสมทบ

หลังจากที่ซูฉินมองดูแหล่งกําเนิดธาตุไฟสองสามรอบ เขาก็หันไปมองตํานานยุทธที่คุกเข่าอยู่ กับพื้น

“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าข้าจะต้องอยู่ที่นี่และไม่ได้ก ลับออกไปอย่างนั้นหรือ?” ซูฉินมองไปยังผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้าและกล่าวคําอย่างใจเย็น

ก่อนที่จะมาถึงแหล่งกําเนิดธาตุไฟ ซูฉินก็ได้ใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยล้ําเอาไว้ การสนทนาระหว่างตํานานยุทธทั้งหลายในที่แห่งนี้จึงเข้ามาในโสตประสาทของซูฉินอย่างชัดเจน

“ไม่ ไม่ ไม่ ผู้อาวุโส ข้าผิดไปแล้ว โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย” ผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้ากลัวมาก จนกระแทกหัวตนกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า

“เพราะว่าเจ้าไม่ใช่ตํานานยุทธขั้นสูงสุด ถ้าข้าลงมือกับเจ้าก็จะเป็นเหมือนรังแกผู้อ่อนแอ” ซูฉินก้มศีรษะลง มองไปที่ผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ก่อนจะกล่าวคําช้าๆ

“ใช่”

“ใช่”

“หัวใจของผู้อาวุโสกว้างใหญ่ดุจมหาสมุทร แข็งแกร่งทรงพลานุภาพ…” ผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้าดีใจจนพูดออกมาอย่างรวดเร็ว

เมื่อตํานานยุทธคนอื่นๆ ในที่แห่งนี้ได้ยินดังนั้น ความหวังก็ผุดขึ้นในใจของพวกเขา

ถ้าซูฉินดูแคลนการรังแกผู้ที่อ่อนแอเพิกเฉย ต่อพฤติกรรมของผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ก็คงจะไม่ลงมือกับพวกตนแน่นอน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตํานานยุทธเหล่านี้กําลังจะได้ รับการไว้ชีวิตจากผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม

ไม่ทันได้รอให้ทุกคนมีความสุขนานนัก

ซูฉันยังคงส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “น่าเสียดาย…”

ในสายตาของซูฉิน เปลวไฟลุกโชน และเปลวไฟนั้นก็ยังพุ่งสูงขึ้นอีก ในที่สุดก็ระเบิดออก แผดเผาร่างผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้าตรงหน้าให้กลายเป็นความว่างเปล่า
ตั้งแต่ซูฉินเข้าสู่แวดวงวิทยายุทธ สิ่งที่เขาไม่สนใจมากที่สุดคือการที่ผู้แข็งแกร่งกลั่นแกล้งคนอ่อนแอ ไม่เช่นนั้น เมื่อครั้งอาณาจักรเหมิ่งหยวนมารุกราน เขาจะไม่เพียงเผากองทัพทั้งล้านนายจนเหี้ยน

สําหรับซูฉิน การฝึกฝนวิทยายุทธและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ คือสิ่งที่เขาต้องการและหัวใจใฝ่หา เขาจะมาถูกขัดขวางด้วยสิ่งอื่นได้อย่างไร

ตํานานยุทธที่เหลือในที่แห่งนี้นั่งฟังเสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้อาวุโสนิกายเทพเจ้าสายฟ้า

ไม่มีตํานานยุทธคนไหนคิดจะวิ่งหนี ในฐานะศิษย์นิกายใหญ่ พวกเขาย่อมรู้ดีว่าต่อหน้าชายผู้แข็งแกร่งอย่างซูฉิน ความเป็นไปได้เดียวที่จะอยู่รอดคือเชื่อฟังคําสั่งเท่านั้น

ส่วนเรื่องการหลบหนี?

จะให้หนีอะไร

แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ ใช้ทักษะต้องห้ามออกมาทุกประเภท จะสามารถหลบหนีจากอาณาเขตได้จริงหรือ? จะรอดพ้นจากการเอื้อมคว้าของจิตวิญญาณแรกกําเนิดนั้นหรือ?
ต่อจากนั้น

ซูฉินก็ลงมือสังหารผู้คนอีกสองสามคน คนเหล่านี้ต่างพูดจาหยาบคาย ขู่จะให้บรรพชนมา สังหารทันทีที่เขาปรากฏตัว และไม่ละเว้นแม้แต่อาณาจักรถังในที่สุด

ซูฉินก็มองไปที่ใบหน้าของชายที่หน้าตาเย็น ชา

“ผู้อาวุโส ท่านลงมือเช่นนี้ไม่กลัวบรรพชนของพวกเราจะมาล้างแค้นหรือ?” เสียงจากชายหน้าตาเย็นชาสั่นเครือ กล่าวคําออกมาอย่างกล้าหาญ

ชายหน้าตาเย็นชารู้อยู่แก่ใจว่าหากเขายังไม่พูดอะไร เขาคงกลายเป็นเถ้าถ่านเหมือนคนอื่นๆก่อนหน้า

ภายใต้แรงกดดันระหว่างความเป็นกับความตาย แม้ว่าชายหน้าตาเย็นชาจะรู้ว่าคําพูดที่เขากล่าวออกมาจะมีโอกาสทําให้ซูฉินหงุดหงิด แต่เขาก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว

อย่างไรเสีย ถ้าไม่พูดก็มีแต่จะต้องตาย และหากพูดไปก็คงตายเช่นกัน จะตายทั้งทีก็ต้องทําทุกอย่างให้ถึงที่สุด แต่ถ้าซูฉินมีความเกรงกลัวอยู่บ้างภายในใจ บางทีเขาอาจมีหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ

“แก้แค้น?”

“อาศัยนิกายเฮยหยวนของเจ้า กลุ่มคนไร้ประโยชน์ที่เป็นคนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิงอย่างนั้นน่ะหรือ?”

ใบหน้าของซูฉินปรากฏร่องรอยของการเสียดสีออกมา

คนที่มีใบหน้าเย็นชาผู้นี้เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสนิกายเฮยหยวน แต่ในตอนนี้นิกายเฮยหยวนที่อ้างว่าสามารถเปลี่ยนแปลงระหว่างความจริงและร่างลวงตาได้ตามใจนึก เมื่ออยู่ภายใต้การจ้องมองของซูฉินตัวมันก็ถูกตัดขาดจากร่างลวงตาไปโดยสิ้นเชิง แม้แต่ขยับตัวยังแทบจะเป็นไปไม่ได้ในชั่วพริบตา

ด้วยท่าทางที่สิ้นหวังของชายใบหน้าเย็นชา ร่างของเขาก็เริ่มลุกไหม้กลายเป็นอากาศธาตุอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่หัวใจของตํานานยุทธจํานวนมากกําลังสั่นสะท้าน

ฉับพลันเสียงหนึ่งก็ลอยแว่วเข้ามาในหูของทุกผู้ทุกคน “ไร้ประโยชน์?”

“สหายเต่าผู้นี้วาจาใหญ่โตเหลือเกิน นิกายเฮย หยวนของข้าโด่งดังไปทั่วโลก ยืนอยู่บนจุดสูงสุดมานับพันปี แต่พอหลุดออกมาจากปากสหายเต๋ากลับกลายเป็นพวกไร้ประโยชน์?”

ท้องฟ้ามืดครึมลงอย่างกะทันหัน ร่างลึกลับ ลวงตาก็เคลื่อนตัวเข้ามาช้าๆ

ร่างนี้ราวกับเป็นทั้งร่างลวงตาและความเป็นจริง ทั้งสองดูจะอยู่ร่วมกัน แต่ก็แยกจากกัน ทําให้เกิดความรู้สึกขัดแย้งในใจสําหรับผู้พบเห็น

“นั่นคือ…”

“นั่นคือบรรพชนนิกายเฮยหยวนใช่หรือไม่?”

ทันทีที่ตํานานยุทธจํานวนมากเห็นร่างนี้ หนังศีรษะของเขาก็ชาวาบ เหงื่อไหลย้อยมาตามหน้าผากของพวกเขา

เมื่อเทียบกับตํานานยุทธขั้นสูงสุดคนอื่นที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ บรรพชนนิกายเฮยหยวนมีความน่ากลัวอย่างยิ่ง

วิชาบ่มเพาะของนิกายเฮยหยวนมีข้อบกพร่อง เป็นไปไม่ได้ที่จะแปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดด้วยเหตุนี้จึงเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีไม่ได้

แต่หากฝึกเคล็ดวิชาหลักของนิกายเฮยหยวนจนถึงขีดสุดแล้ว สามารถแปรเปลี่ยนเป็นรูปแบบฝันร้ายได้

เมื่ออยู่ในรูปแบบฝันร้าย จะได้พลังแห่งฝันร้าย ซึ่งเพียงพอที่จะต่อกรกับจิตวิญญาณแรกกําเนิดความแปลกประหลาดของมันยากจะรับมือเสียยิ่ง กว่าจิตวิญญาณแรกกําเนิดหลายเท่า

นี่จึงเป็นเหตุผลที่นิกายเฮยหยวนอยู่ยั้งยืนยง ในต่างดินแดนมาหลายพันปี

แม้นิกายเฮยหยวนจะไม่เคยมีเซียนเทพปฐพีกําเนิดขึ้นมา แต่ในช่วงหลายพันปีนี้ก็มีบรรพช นที่แปรเปลี่ยนเป็นรูปแบบฝันร้ายได้อยู่

พลังในการปราบปรามผู้คนของบรรพชนที่มีรูปแบบฝันร้ายจะต้องอยู่เหนือตํานานยุทธขั้นสูงสุด ที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดธรรมดาได้อย่างแน่นอน

“โอ้?”

ซูฉินมองไปที่บรรพชนนิกายเฮยหยวน

ด้วยสายตาของซูฉิน เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นรายละเอียดต่างๆ ของบรรพชนผู้นี้ได้
ในเวลานี้ กลิ่นอายที่บรรพชนนิกายเฮยหยวนปลดปล่อยออกมา มีมากกว่าบรรพชนดาบเสียอีก ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องปกติ อย่างไรเสียบรรพชนดาบก็สูญเสียร่างกายมาหลายร้อยปีแล้ว และพลังของจิตวิญญาณแรกกําเนิดก็เริ่มจะสูญสลายไป จะเทียบกับบรรพชนเฮยหยวนได้อย่างไร?

“มีเพียงเจ้าคนเดียวเหรอที่จะเผชิญหน้ากับข้า? ไม่กลัวข้าจะทําลายเจ้าทิ้งหรือ?”

ซูฉินดูสงบนิ่ง กล่าวออกมาเบาๆ

หากเขายังไม่ได้แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิด และอาศัยเพียงครึ่งก้าวสู่กายแห่งธรรมชาติ เขาจะสามารถขับไล่บรรพชนเฮยหยวนได้ แต่ยากที่จะรั้งเอาไว้

“งั้นหรือ?”

“แล้วถ้าเพิ่มข้าเข้าไปด้วยเล่า?”

เสียงอันเย็นยะเยือกดังขึ้น ทุกคนพากันหันไปมองโดยไม่รู้ตัว เห็นหญิงคนหนึ่งยืนอยู่บนทุ่งน้ําแข็ง ค่อยๆเดินมาอย่างช้าๆ

หรือกล่าวให้ถูกต้องคือ หญิงผู้นี้ไม่ได้เดินอยู่บนทุ่งน้ําแข็ง แต่ทุกก้าวของนางมีรัศมีพลังที่ช่างน่าสยดสยอง แผ่ซ่อนออกมาทุกทิศทางจนอุณหภูมิโดยรอบลดลงไป

“นี่คือ?”

ทันใดนั้นสีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปมาก ศิษย์ตําหนักเทพเจ้าหิมะแทบจะตะโกนโห่ร้อง
“คารวะบรรพชน”

ทันใดนั้นศิษย์ตําหนักเทพเจ้าหิมะก็หันหลังกลับไปก้มคารวะด้วยเสียงอันดัง

“ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่แปลงจิตวิญญาณได้อีกคนหนึ่ง?” ชายชราเฟียยวที่อยู่ถัดไปจากซูฉินพลันมีท่าที่เคร่งขรึม

เพียงไม่นาน

ก่อนที่ชายชราเฟยยวี่ จะทันได้ตอบโต้อะไร

พลันได้ยินเสียงฟ้าร้องก้องมาแต่ไกล

ที่สุดปลายขอบฟ้า สายฟ้าอันน่ากลัวก็ปรากฏขึ้น

ทันใดนั้นสายฟ้าก็ฟาดลงมาต่อหน้าทุกคนกลายเป็นชายร่างสูงที่มีบรรยากาศดูยิ่งใหญ่

“ข้าได้ยินมาว่าสหายเต๋เก่งกาจในเรื่องวิถีแห่งสายฟ้า วันนี้เหลยสิ่งมาขอคําแนะนําจากสหายเต๋าว่าเคล็ดสายฟ้าของสหายเต่ําหรือของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าของข้า ซึ่งสืบทอดต่อกันมานับหมื่นปีอย่างไหนจะยอดเยี่ยมกว่ากันดีหรือไม่?”

ชายร่างสูงมองมาที่ซูฉิน เน้นคําทุกพยางค์

ด้วยการปรากฏตัวของชายร่างสูงผู้นี้ ทั่วทั้งพื้นที่แห่งนี้ก็พากันประหวั่นพรั่นพรึง ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างตกตะลึง มองไปยังสิ่งตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“บรรพบุรุษเหลยสิงจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้า?” ชายชราเฟยยวี่สูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอด

ศักดิ์ศรีของบรรพบุรุษเหลยสิ่งนั้นยิ่งใหญ่กว่าสองคนก่อนหน้า ท้ายที่สุดวิถีแห่งสายฟ้าก็เป็นพลังสวรรค์รูปแบบหนึ่ง เมื่อเป็นการต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งในระดับใกล้เคียงกัน คู่ต่อสู้จะไม่สามารถต้านทานพลังอันน่าสะพรึงกลัวของสายฟ้าได้

“นี่มันเรื่องใหญ่แล้ว……”

เฟยยวี่กระซิบคําขึ้นมา