Sign in Buddha’s palm 291 เกินคาดคิด

ที่ด้านหน้าเทือกเขาไฟ

ทุกคนต่างตกอกตกใจ

แม้ว่าบรรพชนนิกายเฮยหยวนจะไม่ได้แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิด แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าจิตวิญญาณแรกกําเนิดเลย รวมกับบรรพชนทั้งสองจากตําหนักเทพเจ้าหิมะ และนิกายเทพเจ้าสายฟ้าที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้แล้ว การรวมตัวกันครั้งนี้เป็นเรื่องที่สร้างความสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ แม้จะเป็นต่างดินแดนในรอบหลายร้อยหลายพันปีก็น้อยนักที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้

รู้หรือไม่ว่าตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้นั้นมีค่ามากเพียงใด? พวกเขาต่างก็ปลีกวิเวกปิดด่านฝึกตนมุ่งหวังพัฒนาต่อไปกันทั้งนั้น จะโผล่หน้ามาให้คนทั่วไปเห็นได้อย่างไร?

“มีม้วนบันทึกโบราณของนิกายเราเมื่อเก้าร้อยปีที่แล้ว นิกายใหญ่ทั้งหลายแห่งได้เล็งเห็นบางอย่าง จนเกิดการลงมือครั้งใหญ่ ต่างพากันเปิดเผยรากฐานที่ถูกซ่อนไว้ทั้งหมด ชีวิตของตํานานยุทธในยุคสมัยนั้นเป็นเปรียบเป็นเพียงใบไม้ใบหญ้าที่ร่วงกราวอยู่ตามพื้น หรือเรื่องราวคราวนี้จะซ้ํารอยเรื่องเมื่อเก้าร้อยปีที่แล้ว?”
เสียงของตํานานยุทธสั่นเทา ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกสยดสยอง

เมื่อมีการปะทะกันระหว่างตํานานยุทธขั้นสูงสุด ที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ ด้วยพลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดและพลังของอาณาเขต แม้ผลกระทบที่ตามมาเพียงเล็กน้อย ก็เพียงพอแล้วที่จะบดขยี้จอมยุทธที่ยังไม่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธขั้นสูงสุด

“นิกายเทพเจ้าสายฟ้า?”

ซูฉินมองขึ้นไปเห็นบรรพบุรุษเหลยสิ่ง

ในบรรดาสามคน มีเพียงบรรพบุรุษเหลยสิ่ง เท่านั้นที่มีไอพลังรุนแรงที่สุด มันเป็นประกาย ราวกับสายฟ้าแล่นกระจายไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นบรรพชนจากนิกายเฮยหยวนหรือจากตําหนักเทพ เจ้าหิมะล้วนอ่อนแอกว่าเหลยสิ่ง

ที่ว่าอ่อนแอกว่าก็หาใช่ว่าความแข็งแกร่งจะอ่อนแอไม่ ท้ายที่สุดทุกคนก็เทียบเท่าพลังจิตวิญญาณแรกกําเนิด ซึ่งไม่แตกต่างกัน แต่ไอพลังของบรรพบุรุษเหลยสิ่งนั้นแข็งแกร่งเกินหน้าเกินตาผู้อื่นเท่านั้น

“ท่านเอ๋ย เมื่อพวกข้าได้มาถึงที่นี่ด้วยกันแล้ว ข้าจะไม่สร้างความอับอายให้แก่ท่าน แต่แหล่งกําเนิดธาตุไฟนี้ต้องเป็นของเรา”

“นอกจากนี้ พื้นที่ส่วนที่สําคัญที่สุดในแผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่ ก็เป็นอาณาจักรถังของเจ้าที่ครอบครอง ตราบใดที่เจ้ามอบพื้นที่นี้มา ข้าก็สามารถหาทางลงให้แก่เจ้าได้”

บรรพชนนิกายเฮยหยวนกล่าวคําเบาๆ

แม้ว่ารองผู้นํานิกายเฮยหยวนและบรรพชนบางคนจะตกตายด้วยน้ํามือของซูฉิน แต่บรรพชนเฮยหยวนผู้นี้ก็ไม่ได้ติดใจอะไร

นิกายเฮยหยวนสนใจแต่เรื่องของตนเองแล้ว จะมาสนใจเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ได้อย่างไร?

“มิผิด”

บรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะซึ่งดูเหมือนยืนอยู่บนทุ่งน้ําแข็งก็กล่าวออกมาเบาๆ จากระยะไกล

ไม่ว่าอย่างไรซูฉินก็เป็นตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดแล้ว ทั้งสามต่างมั่นใจว่าจะร่วมมือกันจนปราบปรามสําเร็จ แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าพวกเขาจะรอดพ้นจากการโจมตีของซูฉินหรือไม่

บางทีหนึ่งถึงสองคนในหมู่พวกเขาอาจจะประสบความสูญเสียอย่างหนักถึงขั้นเสียชีวิต

เมื่อใดก็ตามที่ตํานานยุทธขั้นสูงสุดผู้แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้นั้นหมดหวัง มันนับเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างยิ่ง

“หึ! เจ้าสังหารบรรพชนดาบได้ ความแข็งแกร่งย่อมไม่อ่อนแอ แต่บรรพชนดาบสูญเสียร่างกายไปนานแล้ว เหลือเพียงจิตวิญญาณแรกกําเนิดเท่านั้น และจิตวิญญาณแรกกําเนิดที่ไร้ร่างจะเปรียบเทียบกับจิตวิญญาณแรกกําเนิดที่มีร่างได้อย่างไร?”

บรรพบุรุษเหลยสิ่งเยาะเย้ยและจ้องไปที่ซูฉินอย่างมั่นใจ

เมื่อบรรพชนอีกสองคนได้ยินคํากล่าวนั้น พวกเขาก็พยักหน้า เห็นได้ชัดว่าเห็นพ้องกับสิ่งที่บรรพบุรุษเหลยสิงกล่าวออกมา

แน่นอนจิตวิญญาณแรกกําเนิดทําให้หลุดพ้นข้อจํากัดของร่างกายได้ แต่ถ้าสูญเสียร่างกายไป พลังของจิตวิญญาณแรกกําเนิดก็ย่อมลดลง ไม่ว่าจะใช้เคล็ดวิชามากมายไหนก็ตาม
ไม่ต้องสงสัย

ไม่ว่าจะเป็นบรรพบุรุษเหลยสิ่งหรือบรรพชนอีกสองคน พวกเขาไม่เคยคิดว่าซูฉินจะยังไม่ได้แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดยามที่ปั่นหัวบรรพชนดาบ

หากพวกเขารู้เรื่องนี้ พวกเขาจะหันหลังกลับ โดยไม่กล้าอยู่แม้เพียงนิด

แม้ร่างกายจะสูญสลาย แต่จิตวิญญาณแรกกําเนิดก็ยังคงเป็นจิตวิญญาณแรกกําเนิด พลังของมันนั้นกว้างใหญ่ไพศาลและสูงส่ง สามารถกวาดล้างตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่ยังไม่ได้แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้อย่างง่ายดาย

เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ซูฉินสังหารบรรพชนดาบ โดยยังไม่ได้แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิด

เมื่อเผชิญหน้ากับการกดดันของบรรพบุรุษเหลยสิ่งและบรรพชนอีกสองคน สีหน้าของซูฉินไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ยังคงกล่าวถามออกไป

“ตอนที่ข้าเดินทางไปยังต่างดินแดน เป็นเจ้าสามคนใช่ไหมที่ติดตามมาเบื้องหลัง?”

“ทําไมเจ้าจึงไม่ลงมือตั้งแต่ตอนนั้นเล่า?” ซูฉินมองทั้งสามคนด้วยความสนใจ

“การทําลายพรรคหมื่นดาบจะไปเกี่ยวข้องกับ ข้าได้อย่างไร? ตราบใดที่สหายเต่ไม่ทําลาย นิกายใหญ่แห่งอื่นๆต่อไป มันก็ไม่เป็นไร” บรรพชนเฮยหยวนดูเฉยเมย “แต่แหล่งกําเนิดธาตุไฟบนแผ่นดินแห่งพลังยุทธนี้สําคัญกับพวกเรามาก มันอาจทําให้รากฐานของนิกายดํารงอยู่ต่อไปได้จนตลอดรอดฝั่ง”

“หากปล่อยให้อยู่ในมือสหายเต่ํา ข้าจะรู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก…”

บรรพชนนิกายเฮยหยวนกล่าวออกมาไม่กี่คํา ก็ตรงเข้าสู่จุดประสงค์ของพวกเขาในทันที

พูดง่ายๆ คือมันไม่มีผลประโยชน์มากพอ ในระดับของพวกเขา มีเรื่องใดบ้างที่ไม่ชั่งน้ําหนักความสําคัญเสียก่อน? ตอนที่ซูฉินเดินทางออกจากต่างดินแดนไป ที่ไม่มีใครหยุดเขาเพราะมันไม่คุ้มค่า

แม้ว่าพวกเขาจะลงมือกับซูฉินในเวลานั้น แต่จุดประสงค์คือสิ่งใด? แก้แค้นให้กับพรรคหมื่นดาบงั้นหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร?

แต่ตอนนี้แหล่งกําเนิดธาตุไฟที่อยู่ตรงหน้านั้น เพียงพอแล้วให้หลายคนต้องแก่งแย่งช่วงชิง

แม้จะต้องสูญเสียไปบ้าง แต่มันก็ทนได้ ท้ายที่สุดนี่คือแหล่งกําเนิดธาตุไฟ แม้ในยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด เหล่าเซียนเทพปฐพี่ผู้แข็งแกร่งยังต่อสู้เพื่อสิ่งนี้

แม้จะเป็นเซียนเทพปฐพีแล้ว แต่แหล่งกําเนิดธาตุทั้งห้าก็ยังนับว่าล้ําค่า ใช้ไม่ได้ก็ส่งต่อให้ศิษย์รุ่นหลังเพื่อเป็นประโยชน์สืบไป

“ข้าเข้าใจแล้ว”

ซูฉินเงยหน้าขึ้นมองทั้งสามคน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าทุกคนก็ต้องฝังร่างอยู่ที่นี่”

นับตั้งแต่ที่เขาแปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ ซูฉินก็กําลังคิดอยู่ว่าตนแข็งแกร่งเพียงไหนแล้ว แต่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าในขณะนี้จะได้เจอกับสามตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่แปลงจิตวิญญาณได้แล้ว

สิ่งนี้สมความตั้งใจของซูฉินเสียจริง

“โอ้?”

“ดูเหมือนสหายเต่ําจะไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่ข้าเสนอให้?”

ท่าทีของบรรพชนนิกายเฮยหยวนดูมืดคล้ําลง พลังอันยิ่งใหญ่พุ่งทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า ครอบคลุมพื้นที่รัศมีหนึ่งร้อยล์ทันที

ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่เทียบเคียงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ ยามเมื่อปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมามันจะน่ากลัวเพียงใด? ตํานานยุทธทั้งหมดภายในพื้นที่แห่งนี้ต่างพากันหน้าซีด แม้จะเป็นตํานานยุทธขั้นสูงสุดอย่างเฟยยวี่ก็ไม่สามารถป้องกันได้
ซูม!

ถัดมา!

ไม่เพียงบรรพชนเฮยหยวนเท่านั้น บรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะ และบรรพบุรุษเหลยสิ่งจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้าต่างก็ปลดปล่อยไอพลังของตนออกมาเพื่อระงับยับยั้งซูฉิน

ในชั่วพริบตา ภายในรัศมีร้อยลี้ วิญญาณนับหมื่นต่างต้องก้มหัวลง แม้แต่เมืองฉางอันที่อยู่ไกลออกไปหลายร้อยลี้ ผู้คนนับล้านนับสิบล้าน ต่างรู้สึกหายใจไม่สะดวก ราวกับสวรรค์กําลังพิโรธ

“ไม่ดีแล้ว”

“ถอยกลับ!”

ตํานานยุทธหลายคนแทบจะหลุดออกมาไม่พ้น ขาแข้งอ่อนพยายามวิ่งหนีออกมาให้ห่าง

เมื่อทุกคนถอยห่างออกมาได้หลายสิบลี้ พวกเขาก็หยุดหันมามองพื้นที่ต่อสู้ด้วยหัวใจที่ยังคงสั่นไหวไม่หาย

“ตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถังนั้นทรงพลังอย่างแน่นอน แต่กับผู้มีอํานาจในระดับเดียวกันถึงสามคน นี่คือช่วงเวลาฆ่าสังหาร แม้แต่เซียนเทพปฐพีก็ยังมีโอกาสพ่ายแพ้ แล้วตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถังจะเป็นข้อยกเว้นได้อย่างไร?”

เมื่อทุกคนกําลังพูดคุยกระซิบกระซาบกันอยู่นั้น

ในพื้นที่ต่อสู้ รัศมีของบรรพบุรุษเหลยสิงก็เริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกับท้องฟ้าถล่มลงมาทําลายทุกสิ่ง

“น่าเสียดายยิ่งแล้ว”

บรรพชนจากตําหนักเทพเจ้าหิมะส่ายศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวออกไปทางซูฉิน “เจ้ามีหวังที่จะกลายเป็นเซียนเทพปฐพี”

ด้วยความแข็งแกร่งที่ซูฉินแสดงออกมา ควบคู่กับปราณชีวิตและเลือดเนื้อที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางกระแสปราณฉีที่ฟื้นคืนอาจจะมีความหวังที่จะตัดผ่านขอบเขตไปได้

แต่บรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะกลับกล่าวว่าน่าเสียดาย

ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างเข้าใจเหตุผล ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือต่อให้ทุ่มสุดตัว เขาก็ต้องถูกปราบปราม แม้จะไม่ตายแต่ความเป็นไปได้ที่จะก้าวหน้าต่อจากนี้จะต้องถูกตัดขาด

ซูฉินยังคงยืนอยู่ที่จุดเดิมด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไอพลังของบรรพชนทั้งสามกลายเป็นสายลมเมื่อเข้ามาใกล้ตัวเขาในรัศมีสิบจ้าง เหมือนเป็นเพียงสายลมอ่อนโยนเข้าโลมเลียใบหน้า

“หม?”

บรรพชนนิกายเฮยหยวนพบว่ามีบางสิ่งผิดปกติ ท่าทีของซูฉินสงบเกินไป ราวกับฉากตรงหน้าเป็นเรื่องปกติธรรมดาแทนที่จะเป็นฉากสังหารที่ทั้งสามตั้งใจสร้างขึ้น

“ลงมือพร้อมกันในที่เดียว!”

บรรพชนนิกายเฮยหยวนก้าวขาหนึ่งก้าว เห็นร่างของเขาแปรเปลี่ยนไป กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่มีความสูงกว่าสามเมตร สัตว์ประหลาดตัวนี้เป็นร่างลวงตา แต่รัศมีพลังของมันลึกล้ําเหมือนหุบเหวลึก กลืนกินพลังงานทุกอย่างจากทั่วทุกทิศทาง

“ร่างกายรูปแบบฝันร้าย?”

ทุกคนที่หนีห่างออกมาหลายสิบลี้ จดจําทักษะของบรรพชนเฮยหยวนได้ ร่างกายรูปแบบฝันร้ายนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าปีศาจ ทั้งยังแปลกประหลาดเสียยิ่งกว่า หากร่างปีศาจลวงตาเป็นเพียงการสับเปลี่ยนระหว่างความจริงและร่างลวงตา ร่างกาย รูปแบบฝันร้ายจะแยกตัวออกจากการเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนเป็นเผ่าพันธุ์อื่นที่เรียกว่าฝันร้าย
เพียว!

เมื่อบรรพชนเฮยหยวนแสดงร่างรูปแบบฝันร้าย ไอพลังที่แปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวก็ค่อยๆแผ่ออกมา โลกความจริงกลับกลายดูคล้ายฝัน

“ฮ่ย”

เมื่อเทียบกับบรรพชนเฮยหยวน การเคลื่อนไหวของบรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะนั้นสงบนิ่งกว่ามาก

เห็นเป็นน้ําแข็งทรงกรวยปรากฏขึ้นตรงหน้า นางกรวยน้ําแข็งนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือ แต่ความจริง มันอัดแน่นมาจากทุ่งน้ําแข็งอันยิ่งใหญ่ไพศาล กลิ่นอายของโลกเยือกแข็งหนาวสุดขั้วหลั่งไหลออกมาจากกรวยน้ําแข็งแห่งนี้

ในที่สุด

บรรพบุรุษเหลยสิ่งจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้าก็ได้ลงมือ

พลังอันน่าสะพรึงของสายฟ้าพลันระเบิดออกมา ทั่วทั้งฟ้าดินเต็มไปด้วยสายฟ้าฟาดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้แต่พลังรูปแบบฝันร้ายของบรรพชนเฮยหยวน เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังสายฟ้านี้ก็ยังหม่นหมองไปทันตาครีน

ตํานานยุทธทั้งสามที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดแล้ว ลงมือร่วมกัน พลังเช่นนี้ทําให้แผ่นดินพลังทลาย แม้แต่ตํานานยุทธที่หนีออกไปหลายสิบลี้ก็ยังรู้สึกว่าพลังภายในร่างของพวกเขาโคจรช้าลง ได้รับผลกระทบจากการต่อสู้อย่างเห็นได้ชัด

“น่ากลัวเกินไปแล้ว”

“ตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถังคงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”

มีตํานานยุทธบางคนที่ปักธงอย่างมั่นใจ ไม่มีใครนึกถึงความเป็นไปได้ที่ซูฉินจะบุกทะลวงออกมาล่าสังหาร

อย่างไรก็ตาม

เมื่อเผชิญหน้ากับฉากที่แทบพลิกแผ่นดินนี้ สีหน้าของซูฉินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

เขายังคงมีสายตาที่สงบ ยกมือขึ้น กํามือเป็นหมัด ปราณเลือดอันน่าสยดสยองทั้งหมดก็ไหลมารวมกันที่หมัดขวา จากนั้นพลังงานจํานวนมากจากจิตวิญญาณแรกกําเนิดก็หลั่งไหลตามเข้ามา พลังปะทุขึ้นสุดฟากฟ้าเปรียบประหนึ่งคือ ค้อนของเทพเจ้าซูฉินเหวี่ยงหมัดเข้าปะทะกับกลุ่มของบรรพบุรุษเหลยสิ่งทั้งสามคน

แกร็ก แกร็ก

ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน

ร่างรูปแบบฝันร้ายของบรรพชนนิกายเฮยหยวน พลันระเบิดออกเป็นคนแรก พลังของรูปแบบฝันร้ายกะพริบวูบวาบ ในที่สุดบรรพชนเฮยหยวนก็รวมตัวกลับมาเป็นร่างเดิมแต่อยู่ห่างออกไปหลาย

ในเวลานี้ ใบหน้าของบรรพชนนิกายเฮยหยวนก็ซีดราวกับกระดาษ ไอพลังเดือดแห้ง เห็นได้ชัดว่าการปะทะครั้งนี้รุนแรงอย่างยิ่ง

แต่นี่หาใช่จุดจบไม่

ชั่วครู่หลังจากนั้น กรวยน้ําแข็งที่บรรพชนตําหนักเทพเจ้าหิมะส่งออกมาก็แตกเป็นเสี่ยงๆ และพลังส่วนที่เหลือของหมัดนั้นก็ยังคงอยู่ พุ่งกระแทกเข้าใส่ร่างของนาง

ทันใดนั้นร่างกายของนางก็เริ่มพังทลาย มีเพียงจิตวิญญาณแรกกําเนิดเท่านั้นที่หลบหนีออกมาได้อย่างรวดเร็ว หันกลับมาจ้องมองที่ซูฉินอย่างอัศจรรย์ใจ

และสุดท้าย บรรพบุรุษเหลยสิ่งแห่งนิกายเทพเจ้าสายฟ้าซึ่งอยู่ไกลจากซูฉินมากที่สุดก็ยังต้องต้านรับหมัดนี้อย่างไม่เต็มใจ เมื่อทุกสิ่งเกิดขึ้นเช่นนี้ มันก็ทําให้เขาอับอายไม่น้อย ไอพลังสั่นไหว เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง

ฝูงชนเงียบงัน

ทุกคนตกตะลึงราวกับมองเห็นปาฏิหาริย์

ด้วยการชกออกเพียงหมัดเดียว ซูฉินก็ได้สร้างผลกระทบอันรุนแรงต่อตํานานยุทธขั้นสูงสุดทั้งสามคนที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้แล้วงั้นหรือนี่?

มันช่างน่าเหลือเชื่ออะไรเช่นนี้?