บทที่ 165 ผู้หญิงแบบไหนกัน?

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 165
ผู้หญิงแบบไหนกัน?

แต่ทำไมเมื่อกี้ฮวงฟูอี้ถึงจูบเธอล่ะ? แต่จูบไม่รู้สึกอบอุ่น ราวกับว่ามันเป็นเพียงการหยุดไม่ให้เธอพูดต่อเท่านั้น นี่เธอคิดมากไปหรือเปล่า

รถขับไปเรื่อยๆ และมู่หรงเสวี่ยไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมาเลย ฮวงฟูอี้ที่นั่งอยู่ข้างๆเธอกำลังหลับอย่างสงบ เธอไม่อยากที่จะปลุกเขาและคิดอยู่ในใจลึกๆว่าเขาคงไม่ทำร้ายเธอ

จนกระทั่งรถขับออกมาไกล ออกห่างมาจากเมืองเข้าไปที่ชนบท

หลังจากที่ผ่านไปนาน รถก็มาหยุดอยู่ด้านหน้าตึกหน้าตาแปลกๆที่ลักษณะเหมือนป้อม ที่หน้าประตูมีการ์ดยืนเฝ้าอยู่หลายสิบคนและแต่ละคนต่างก็พกอาวุธด้วย นี่มัน…นี่มันที่ไหนกันเนี่ย?
ทันทีที่หลงอี้เลื่อนกระจกลง การ์ดก็วิ่งเข้ามาพร้อมแสดงความเคารพ แล้วการ์ดก็หันไปส่งสัญญาณบอกการ์ดคนอื่นและประตูหนักๆก็ถูกเปิดออก พอหลงอี้ปิดหน้าต่างแล้วเขาก็ขับรถเข้าไปข้างใน

มู่หรงเสวี่ยตกใจมากที่นอกจังหวัด A จะมีสถานที่แบบนี้ด้วย ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นองค์กรอะไรบางอย่าง นอกจากนี้อุปกรณ์ของทหารรักษาการณ์ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอุปกรณ์ป้องกันประเทศ นี่เธอเข้ามาอยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวายแล้ว ถึงแม้เธอจะคิดว่าสถานะของฮวงฟูอี้คงไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่คิดว่าจะทรงอำนาจขนาดนี้

อันที่จริงมู่หรงเสวี่ยไม่คิดว่าทั้งหมดที่เธอเห็นตอนนี้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวของฮวงฟูอี้

รถไม่ได้หยุดที่ด้านนอกแต่ขับตรงเข้ามาข้างใน แล้วหลงอี้ก็สแกนสายตาอีกชั้นเพื่อที่จะเข้าไปข้างใน ในแต่ละชั้นจะมีการ์ดคอยเฝ้าอย่างเข้มงวดและอุปกรณ์ของการ์ดก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ มู่หรงเสวี่ยมาตั้งแต่ตอนแรกจนตอนนี้เธอตัวชาไปหมดแล้ว หัวใจเธอค่อยๆสงบลง
ไม่ว่าสถานะของฮวงฟูอี้จะเป็นยังไงแต่สำหรับเธอเขาก็เป็นเพียงน้องชายคนเดิมของเธอซึ่งจะไม่มีวันเปลี่ยน

เวลาผ่านไปนานมากกว่าสิบนาทีกว่าที่รถจะหยุด มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าตึกหน้าตาประหลาดนี้มีขนาดใหญ่มาก ฮวงฟูอี้ที่นั่งอยู่ใกล้ๆไม่มีท่าทางอะไรเลย ยังคงหลับอยู่ หลังจากนั้นหลงอี้ก็เดินมาทำความเคารพเธออย่างอธิบายไม่ได้ ปล่อยให้ มู่หรงเสวี่ยทำได้เพียงสีหน้าสับสนและฮวงฟูอี้ที่ยังคงหลับอยู่

นี่มันอะไรกัน?! มู่หรงเสวี่ยค่อยๆเปิดประตูแล้วมองไปรอบๆสถานที่กว้างใหญ่นี้ กำแพงสีขาวบริสุทธิ์จนดูราวกับไม่มีประตูแต่มู่หรงเสวี่ยรู้ว่ามันเพียงแค่ซ่อนอยู่เพราะตอนนี้หลงอี้เดินออกไปแล้วแต่ที่กำแพงกลับไม่มีช่องอะไรเลย

เธอแตะไปที่กำแพงรอบๆตัวและพบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย นี่มันเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงจริงๆ เธอไม่ต้องเดาเลยก็รู้ว่าฮวงฟูอี้ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเธอ มู่หรงเสวี่ยที่ไม่เห็นอะไรเลยอยู่นานก็เดินกลับไปที่รถ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและอยากที่จะส่งข้อความหาพี่ชูและโม่อ้ายหลี่ อย่างไรก็ตามเธอก็พบว่าในนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เลย ตอนนี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้โทรศัพท์มือถือ

หลังจากนั้นสักพัก มู่หรงเสวี่ยเองก็รู้สึกง่วงขึ้นมาด้วยเหมือนกัน เธอหลับตาลงและผล็อยหลับไป

หลงอี้ที่เดินออกไปนอกประตูไปแล้วรู้สึกตกใจมากกว่า มู่หรงเสวี่ยซะอีก ดราก้อนมาสเตอร์หลับจริงๆเหรอเนี่ย

หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยตื่น เธอก็เห็นว่าร่างของฮวงฟูอี้หายไปแล้ว เธอลุกขึ้นนั่ง เปิดประตูและเห็นว่าในตอนนี้ไม่มีช่องว่างที่กำแพงสีขาวเลย มันไม่ใช่สถานที่ที่หลงอี้เดินออกไปก่อนหน้านี้แต่ประตูกลับเปิดออกที่ฝั่งตรงข้าม กำแพงพวกนี้เต็มไปด้วยเครื่องจักรหรือเปล่าเนี่ย

มู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไปและเจอฮวงฟูอี้ที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะตรงหน้าเธอ ที่โต๊ะมีจอคอมพิวเตอร์สามมิติอยู่ด้วย ข้อมูลที่อยู่บนหน้าจอทำให้มู่หรงเสวี่ยต้องประหลาดใจ มันแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของโลกและมีข้อมูลอีกมากมายที่เธอไม่เข้าใจ
“ในห้องตรงนั้นมีหนังสือ, คอมพิวเตอร์และทีวี เธอเข้าไปนั่งเล่นในนั้นได้ตามสบาย ฉันจะต้องทำงาน…” ฮวงฟูอี้พูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา

มู่หรงเสวี่ยตัวแข็งแต่เมื่อเห็นท่าทางยุ่งๆของเขา เธออยากที่จะถามว่าพาเธอมาที่นี่ทำไมแต่ก็ต้องกลืนคำถามกลับเข้าไปและเดินเข้าไปในห้องที่อยู่ข้างๆเขา

ในห้องจัดไว้อย่างเรียบร้อย ฝั่งหนึ่งเป็นกำแพงขนาดใหญ่ส่วนอีกฝั่งเป็นชั้นหนังสือ มีเตียงอยู่ตรงกลางและที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเตียงคือทีวี ที่ถัดจากชั้นหนังสือคือโต๊ะคอมพิวเตอร์ และเมื่อหันไปทางซ้ายก็เป็นทางเดินเข้าไปที่ห้องน้ำ นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นห้องพักของฮวงฟูอี้ เสื้อโค้ตของฮวงฟูอี้ยังแขวนอยู่ที่ราวแขวนเสื้อโค้ตอยู่เลย

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่ชั้นหนังสืออย่างเบื่อๆ หยิบหนังสือออกมาอย่างลวกๆแล้วลงนั่งที่ด้านหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์เพื่อจะอ่านหนังสือ

เธอไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ฮวงฟูอี้เดินเข้ามาพร้อมปลดกระดุมและเนคไทออก

ทันทีที่มู่หรงเสวี่ยได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว เธอก็หันหัวมา เมื่อเห็นท่าทางของฮวงฟูอี้เธอก็เปลี่ยนสีหน้าในทันทีและถามออกไปอย่างกังวล “เสี่ยว…เสี่ยวอี้ นายจะทำอะไร…”

ฮวงฟูอี้หยุดการเคลื่อนไหวที่มือ เดินตรงเข้ามาหา มู่หรงเสวี่ย ในทุกก้าวที่เดินราวกับว่ามีแสงไฟส่องมาด้วยทำให้หัวใจของมู่หรงเสวี่ยเต้นรัวและสั่นไปหมด ทุกก้าวที่ใกล้ๆเข้ามาราวกับจะทำให้หัวใจเธอหยุดเต้น จนกระทั่งเขาเดินมาถึงและอุ้มเธอขึ้นมา

ผิวที่ร้อนผ่าของร่างกาย มู่หรงส่ายหน้าเบาๆแล้วก็เริ่มที่จะขัดขืน “เสี่ยวอี้ นายเป็นอะไรเนี่ย ปล่อยฉันนะ…”

ฮวงฟูอี้กอดเธอแน่นแล้วพูดออกมาด้วยเสียงลุ่มลึก “อย่าขยับ ขอฉันกอดเธอเงียบๆ…” น้ำเสียงยังคงมีร่องรอยของความเหนื่อยล้าด้วย

มือที่กำลังขัดขืนของมู่หรงเสวี่ยหยุดและวางลงเงียบๆ กลิ่นของฮวงฟูอี้หอมมากกว่าที่เคยและมีกลิ่นหอมจางๆแต่มันไม่เหมือนกลิ่นของน้ำหอม มันเหมือนกับเป็นกลิ่นตัวของเขาเองแต่คนอื่นจะได้กลิ่นด้วยหรือเปล่านะ? มู่หรงเสวี่ยนึกถึงสิ่งอื่นๆในอ้อมกอดของฮวงฟูอี้

“เธอเอายาอะไรให้ฉันกิน…” หลังจากที่เขาจากเธอมา เขาก็นอนไม่หลับเลย เขาจะต้องตื่นขึ้นมากลางดึกตลอดและใบหน้าของเธอก็จะแวบขึ้นมาในใจเขา

มู่หรงเสวี่ยถาม ไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร?! “เสี่ยวอี้ นายพูดเรื่องอะไร…”

“เรียกชื่อฉันสิ! ฉันบอกแล้วไง!” เสี่ยวอี้ที่เหมือนน้องชายของเธอไม่พอใจ

โอเค เราจะคุยกันเหมือนเดิมได้ยังไง หลังจากที่ความทรงจำเขากลับมา ฮวงฟูอี้ก็ยากที่จะเข้าใจ เธอไม่เข้าใจความคิดของเขาเลยสักนิด?! เสี่ยวอี้ที่คอยเดินตามเธอน่ารักกว่าเยอะเลย แต่มันก็แค่ชื่อ เขาชอบให้เรียกแบบนั้น “อี้ นายพาฉันมาที่นี่ทำไม?”

“นอน!” ฮวงฟูอี้ตอบ
มู่หรงเสวี่ยตกใจและขัดขืนอยู่สักพัก “นายหมายความว่าไง?” เขาไม่น่าจะมองเธอเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องที่เธอเป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาอีก ชวนให้มานอนนี่มันมากเกินไป

ฮวงฟูอี้ปล่อยเธอและพูดออกมาว่า “ฉันไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว ฉันเลยพาเธอมาเพื่อนอนกับฉัน…”

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกโกรธมาก เธอเป็นคนที่ช่วยเขาแต่เขายังมองเธอเป็นผู้หญิงพวกนั้นอีกงั้นเหรอ?!

เขาคิดอะไรกับเธอเนี่ย?! เธอยกมือขึ้นและตบเข้าที่หน้าเขาเสียงดัง ที่หน้าของฮวงฟูอี้ขึ้นรอยฝ่ามือแดงๆ

“ฮวงฟูอี้ นายมากเกินไปแล้วนะ!” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
ฮวงฟูอี้ยกมือขึ้นแตะใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตัวเอง เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่มู่หรงเสวี่ย ดวงตาสีดำของเขาเย็นชาและสีหน้ายิ่งเย็นชาขึ้นไปอีก

สายตาแบบนั้นทำให้มู่หรงเสวี่ยรู้สึกกลัว เธออดไม่ได้ที่จะเดินถอยหลังไป อันที่จริงเธอรู้สึกผิดทันทีที่ตบออกไปแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอโกรธมากจริงๆ เธอรู้สึกว่าถึงแม้เขาจะไม่รู้สึกขอบคุณ แต่ก็ไม่ควรที่จะทำกับเธอเหมือนผู้หญิงประเภทนั้น พระเจ้ารู้ว่าเมื่อเธอได้ยินประโยคนั้น หัวใจของเธอเจ็บปวดขึ้นมาทันที

ฮวงฟูอี้พยายามที่จะเก็บกดความโกรธในหัวใจ ถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้ก็คงจะหมดโอกาสหายใจไปแล้ว เขาจับมือเธอ “เธอทำอะไร?”

“นายกำลังขอฉันเรื่องอะไรล่ะ?! ฉันเคยบอกกับตัวเองว่ามันไม่แย่อะไรที่จะดูแลนายตอนที่บาดเจ็บ ถึงแม้ฉันจะไม่เคยขอให้นายมาตอบแทนฉันแต่นายก็ไม่ควรที่จะมองฉันเป็นผู้หญิงแบบนั้น ใช่ไหมล่ะ?! นายไม่คิดว่าตัวเองทำเกินไปงั้นเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถาม

“ผู้หญิงแบบนั้นงั้นเหรอ?! ผู้หญิงแบบไหนเหรอ?” ฮวงฟูอี้ถามด้วยเสียงลุ่มลึก

“ยังจะมาถามอีกเหรอ?! นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าพาฉันมาที่นี่เพื่อจะนอน?! นาย…” คำหยาบคายที่เหลือเป็นเรื่องที่เธอไม่สามารถจะพูดได้

ฮวงฟูอี้ ”…..”
“แล้วการนอนมันไม่ดีตรงไหนเหรอ?! ตั้งแต่ที่ฉันออกมา ฉันก็นอนหลับได้ไม่ดีเลย ฉันคิดว่ามันเป็นเพราะฉันเคยชินกับการนอนโดยมีเธออยู่ในอ้อมแขน ฉันก็เลยขอให้เธอมาที่นี่…” ก่อนหน้านี้พวกเขาสามารถนอนด้วยกันได้และเธอก็ไม่ได้โกรธด้วย…

“นาย…นายหมายถึง…” โอ้ พระเจ้า?! เธอเข้าใจผิด สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยแดงระเรื่อขึ้นมาทันที

ฮวงฟูอี้ยังคงจับมือเธออยู่และมองไปที่เธอราวกับกำลังรอคำตอบจากเธอ

มู่หรงเสวี่ยที่เพิ่งจะเผยข้อบกพร่องให้เขาเห็น เธอเพิ่งจะตบหน้าเขา เธอเงยหน้าขึ้นไปมองเขาเงียบๆและพบว่ารอยแดงบนใบหน้าที่หล่อเหล่าของเขายังคงเห็นได้ชัดอยู่ ซึ่งน่าจะเจ็บน่าดูเลย เธอกัดริมฝีปากและพูดออกมาเสียงเบา “ฉันขอโทษนะ ฉันคิดว่านายอยากที่จะทำเรื่องแบบนั้นกับฉัน หน้านายยังเจ็บอยู่หรือเปล่านายตบฉันคืนก็ได้นะ?”

เธอยื่นหน้าไปตรงหน้าฮวงฟูอี้พร้อมทั้งหลับตา ขนตาของเธอสั่นรัว เธอกลัวที่จะต้องเจ็บแต่เมื่อกี้เธอทำผิดงั้นก็ควรที่จะรับกรรม

ฮวงฟูอี้มองใบหน้าที่น่ารักตรงหน้าอย่างเงียบๆ ถึงแม้ที่หน้าเขาจะยังรู้สึกร้อนๆอยู่แต่ความโกรธก็หายไปหมดแล้ว เขารู้สึกเป็นกังวลมากแต่ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าเขาไป ประทับรอยจูบแผ่วเบาที่ใบหน้าขาวนวลของเธอแล้วกระซิบเสียงเบา “ฉันตบกลับแล้วนะ แต่เธอกำลังพูดถึงเรื่องประเภทไหนเหรอ?” จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าเธอโกรธเรื่องอะไรแล้วทำไมอยู่ดีๆถึงได้ขอโทษเขาขึ้นมา