อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่495 ฆ่า
“ขอโทษด้วยนะ ข้าจะพางูตัวนี้ออกไปเดี๋ยวนี้”

กู้ชูหน่วนจับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ กลับหลังหันอยากเดินออกจากห้องนี้ ไม่อยากก่อเรื่องอะไรอีก

ฮัวฉีหลัวกลับขวางทางนางไว้ “แต่หญิงงูมิควรถูกเนื้อต้องตัวกัน มันดูเรือนร่างข้าแล้วจะทำยังไง?”

“งั้นเจ้าจะทำยังไงล่ะ? จะดูคืนเหรอ? หรือแต่งงานกับมันดีล่ะ?”

ฮัวฉีหลัวอึ้งพูดไม่ออก งูตัวเดียวมีอะไรให้ดูกัน สัตว์เลี้ยงของพี่ธิดาเทพสวยกว่ามันตั้งเยอะ และยังมีลำดับขั้นสูงกว่าด้วย

นางยิ่งไม่อยากแต่งงานกับงูหรอกนะ

กู้ชูหน่วนบีบแก้วกลมป่องของนาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มากสุดรอมันตื่นขึ้นมา ข้าจะซ้อมมันแทนเจ้าเอง”

ฮัวฉีหลัวตบมือของนางออกไป สองมือเท้าเอวแล้วพูดว่า “ข้าเป็นหนึ่งในสี่ทูตศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าน้ำแข็งทูตฉีหลัวเชียวนะ พี่ธิดาเทพบีบแก้มข้าก็ช่างเถอะ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาบีบแก้มข้ากัน”

“เพราะแก้มเจ้าทั้งนุ่มทั้งลื่นทั้งกลมน่ะสิ ไม่ว่าใครที่เห็นแล้วต่างก็อดไม่ได้เข้าไปบีบสักทีสองทีน่ะสิ”

พอพูดแบบนี้ออกไป ฮัวฉีหลัวก็ตะลึงทันที

คำพูดนี้……ทำไมฟังดูคุ้นหูจัง?

ใช่สิ เหมือนพี่ธิดาเทพจะเคยพูดคำนี้เลยนะ

“เจ้าเป็นใครกันแน่?”

“เหอะ กว่าจะถามชื่อข้าได้นะ ไม่คิดว่ามันจะสายไปเหรอ?”

กู้ชูหน่วนส่ายหัวแล้วหัวเราะ รู้สึกเศร้าโศกกับหัวสมองของนาง

หนึ่งในสี่ทูตศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ?

ฟังดูตำแหน่งสูงส่ง

แต่ไม่รู้ว่าเผ่าน้ำแข็งไม่มีคนที่มีประโยชน์กว่านี้แล้วเหรอ ถึงได้เลือกยัยคนขี้สับสนคนนี้มาเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์?

ตอนที่กู้ชูหน่วนกำลังจะก้าวเดินออกจากห้องนี้ ทันใดนั้นก็ถูกดึงดูดด้วยตะเกียงน้ำมันที่มีไฟหลากสีสัน

ตะเกียงน้ำมันนี้ทำมาจากแก้ว แกะสลักสวยงาม ฝีมือประณีตละเอียดอ่อน และเป็นลายดอกบัว

แต่เปลวไฟนั้นกลับประกายด้วยสีแดงส้มเหลืองเขียวฟ้าน้ำเงินม่วงเจ็ดสีสลับกันไป

นางแน่ใจว่าไม่มีกลไลบนตะเกียง และเปลวไฟก็ส่องแสงเป็นสีสันโดยไม่ทราบสาเหตุ

เห็นนางมองด้วยแววตาที่แปลกใจ ฮัวฉีหลัวก็รีบเดินเข้าไป ขวางหน้าตะเกียงแก้วเอาไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวดว่า “เรื่องที่งูบ้านั่นแอบดูข้าอาบน้ำ ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับมันเลยนะ เจ้ารีบออกจากที่นี่ไปซะ อย่าบอกใครเรื่องที่เจ้าเห็นตะเกียงนี้ และอย่าคิดที่จะขโมยมันไปเด็ดขาด เข้าใจไหม”

กู้ชูหน่วนเลิกคิ้ว

ก็แค่ตะเกียงเอง ถึงสีที่ประกายขึ้นมาจะสวยมากแค่ไหน มันก็เป็นแค่ตะเกียงอันหนึ่ง จำเป็นต้องตื่นเต้นขนาดนี้ไหม?

ฮัวฉีหลัวกระทืบเท้า ร้อนใจจนใบหน้าแดงไปถึงใบหู “โอ๊ย! ข้าอธิบายกับเจ้าไม่ได้หรอก ยังไงเจ้าก็รีบออกจากที่นี่ไปซะ ถ้ายังไม่รีบกลับไป เดี๋ยวพี่ฮัวจิ่นกลับมา นางไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ คนที่เห็นตะเกียงนี้แล้วจะต้องตายทุกคน”

“ฟ่อๆๆ……”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่เมามากไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป ทันใดนั้นก็กระโดดออกมา จากหนึ่งหัว กลายเป็นสามหัว หกหัว เก้าหัว สุดท้ายหัวใหญ่ยักษ์ของมันก็สะบัดอย่างสับสน กลับสะบัดโดนตะเกียงแก้วเข้าให้ จนทำให้ตะเกียงแก้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

เสียงแตก ‘เพี้ยง’ ดังขึ้น ตะเกียงแก้วเจ็ดสีแตกละเอียดออกเป็นเสี่ยงๆ

กู้ชูหน่วนตกใจ มีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นมาในใจ

ฮัวฉีหลัวกลับเบิกตาโพลงโต มองดูตะเกียงแก้วที่แตกเป็นเสี่ยงๆบนพื้น

แตก……แตกแล้ว……

ตะเกียงแก้วเจ็ดสีแตกแล้ว……

ตะเกียงแก้วแตกแล้ว ธิดาเทพของพวกนางจะกลับมายังไงล่ะ?

ฮัวฉีหลัวที่ตอนแรกว่าจะปล่อยนางไปกลับโกรธขึ้นมาทันที หญิงสาวอายุสิบกว่าขวบมีแรงอาฆาตแผ่ซ่านออกมาจากรอบตัวกะทันหัน

“เจ้ากล้าทำลายตะเกียงแก้วเจ็ดสีงั้นเหรอ เจ้ารู้ไหมว่าตะเกียงแก้วเจ็ดสีมีความสำคัญกับเผ่าของพวกเรายังไง”

“ปังๆๆ……”

ไม่รู้ว่าประตูหน้าต่างที่เปิดอยู่นั้น ทำไมถึงปิดกะทันหัน แรงอาฆาตล้อมรอบอยู่ภายในห้องนี้

กู้ชูหน่วนพยายามทำจิตใจให้เย็นเข้าไว้

แรงอาฆาตที่แรงจริงๆ

กำลังภายในที่ลึกล้ำ

ดูแล้วกู้ชูหน่วนคงประเมินนางต่ำไป ความสามารถของเด็กผู้หญิงคนนี้เก่งกาจกว่าที่นางคิดไว้มาก

ฟิ้วๆๆ…….

ผ้าไหมสีขาวราวกับใบมีดที่บางราวกับปีกของจักจั่น มีแรงอาฆาตพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว โจมตีนางอย่างมีสัดส่วนที่พอดี