บทที่ 496 ไม่ปะทะคงไม่รู้จักกัน

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่496 ไม่ปะทะคงไม่รู้จักกัน
กู้ชูหน่วนสีหน้าเปลี่ยนไป ร่างกายเหมือนเคลื่อนย้ายไปมาราวกับสายลม

ผ้าไหมโดนเก้าอี้นอนเข้า เก้าอี้นอนถูกฟันออกเป็นสองส่วนทันที

ขนาดแจกันรวมไปถึงอาวุธที่ทำจากเหล็ก ยังถูกฟันเป็นสองท่อนเลย

ถ้าไม่ใช่เพราะกู้ชูหน่วนวิ่งเร็ว เกรงว่าคงถูกฟันไปนานแล้ว

“แม่หนู ถึงงูของข้าจะทำตะเกียงแก้วเจ็ดสีเสีย เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องลงมือหนักขนาดนี้ไหม เจ้าจะให้ข้าชดใช้ตะเกียงแก้วนี้ยังไง ข้าจะชดใช้ตามที่เจ้าบอก”

“ชดใช้? เจ้าชดใช้ไหวเหรอ? นี่เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าน้ำแข็งเรา ถึงเจ้าจะเอาโลกนี้มาเปลี่ยน ก็ทดแทนไม่ได้หรอกนะ”

“นี่เป็นตะเกียงแก้ว ใช่ว่าจะทดแทนไม่ได้”

ฮัวฉีหลัวโมโห มือก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ ผ้าไหมที่บางเหมือนมีดเยอะขึ้นเรื่อยๆ และแรงอาฆาตก็รุนแรงมากขึ้นด้วย

ระหว่างการต่อสู้อันดุเดือด หัวใจของทั้งคู่ก็ต่างมีคลื่นซัดขึ้นมา

ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันนะ? อายุน้อยๆกลับถึงระดับสามแล้ว?

ถึงระดับสามแล้วก็ช่างเถอะ กลับรับฉีหลัวพิฆาตได้

กู้ชูหน่วนตะลึงยิ่งกว่า

ถ้าใช่เพราะนางเก่งวิชาตัวเบา นางคงไม่รู้ว่าจะตายไปกี่ครั้งกับกระบวนท่าไม้ตายผ้าไหมนี้ ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ นางก็ไม่รู้สึกสบายเลย

“ถึงเจ้าจะฆ่าข้าได้ ตะเกียงแก้วนั่นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้หรอก แทนที่จะทำแบบนี้ เจ้าคิดก่อนดีกว่านะว่าจะรายงานเรื่องนี้กับเผ่าน้ำแข็งยังไง?”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องมาสอนข้า?”

น้ำเสียงของฮังฉีหลัวสะอื้นคล้ายจะร้องไห้ มองดูกู้ชูหน่วนด้วยแววตาที่เกลียดชัง

“ถ้าเจ้ายังไม่หยุด ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนแล้วกัน” กู้ชูหน่วนเกือบเป็นอันตรายแล้วหลายครั้ง ก็ทนต่อไปไม่ไหวเหมือนกัน

“เหอะ ทำลายตะเกียงแก้วเจ็ดสี วันนี้เจ้าได้ตายแน่ ไม่มีใครช่วยเจ้าได้หรอก”

เห็นว่าสิ้นหวังแล้ว กู้ชูหน่วนรู้ว่าตัวเองผิดก็ไม่กล้าลงมือหนักเกินไป จึงต้องเลือกวิธีหนีเอา นางกระโดดออกจากหน้าต่าง

ที่นี่เสียงดังมาก ได้ยินถึงหูของคนในหุบเขาตันหุยเข้า

ผู้อาวุโสและลูกศิษย์ไม่ต่างก็วิ่งมาทางนี้กันหมด

แต่กู้ชูหน่วนไม่คิดเลยว่า คนแรกที่ปรากฏขึ้นคือ ไม่ใช่ใครอื่น แต่กลับเป็นหญิงชุดขาว

หญิงชุดขาวมีใบหน้าที่สละสลวย นางมีดวงตาที่สว่างไสวและฟันที่ขาวใส ท่าทางสง่างาม ถึงแม้จะยิ้ม ถึงไม่โกรธแต่ก็มีอำนาจพอควร

ภายในความเข้มงวดก็มีเสน่ห์อยู่เล็กน้อย

นางยังมาไม่ถึง ท่าไม้ตายที่พร้อมจะพังทลายโลกใบนี้ก็โจมตีมายังกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนหวั่นใจ

แข็งแกร่งมาก……

กำลังภายในเทียบกับจอมมารได้เลย

ตรงที่ถูกพลังฝ่ามือของนางควบคุมไว้ กู้ชูหน่วนไม่สามารถหลุดพ้นออกมาได้

ถ้าไม่สามารถขยับตัวได้ ก็คงต้องตายแล้วล่ะ กู้ชูหน่วนกำหมัดแน่นด้วยความตื่นตระหนก เกิดแรงกดดันมหาศาลจากร่างกายของนาง ดอกบัวหิมะที่ใสราวกับแก้วลอยขึ้นจากหัวของนาง และในไม่ช้าก็หายไปอีกครั้ง ฟิ้วหนีออกจากการควบคุมจากฝ่ามือนั้นไปได้

นางเพิ่งหนีรอดจากอันตรายได้ ฉีหลัวพิฆาตของฮัวฉีหลัวก็โจมตีมาอีกครั้ง กลายเป็นค่ายกลดอกไม้ ครอบงำร่างกายของนางเอาไว้ จากนั้นก็มีผ้าไหมที่แหลมคมราวกับมีดก็ฟันไปที่นางไม่หยุด

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก

บวกกับวิชาการต่อสู้ที่แข็งแกร่งของสาวงามสองคน พวกผู้อาวุโสหุบเขาตันหุยที่มาถึงก็ช่วยนางเอาไว้ไม่ทัน

กู้ชูหน่วนถูกพวกนางโจมตีไม่ยั้ง และไม่ทันตั้งตัวด้วย ตอนที่กำลังคิดว่าจะทลายยังไงดี กลับเห็นหญิงสาวชุดขาวยกแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อย และผ้าไหมก็ปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้จบ เข้าไปพัวพันกับฉีหลัวพิฆาต ขวางอยู่ตรงหน้านาง ทลายฉีหลัวพิฆาตได้ทั้งหมด

ทุกอย่างเกิดขึ้นแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ถ้าไม่มีเศษผ้าไหมของฉีหลัวหลงเหลืออยู่ รวมไปถึงหน้าต่างที่พังเสียหาย เกรงว่าทุกคนคงยังตั้งสติไม่ได้

“พี่ไป๋จิ่น ผู้หญิงคนนี้ทำตะเกียงแก้วเจ็ดสีแตก พี่ไปช่วยนางได้ยังไงกัน” ฉัวฉีหลัวพูดฟ้อง

หญิงชุดขาวมากความสามารถ แค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ดึงดูดสายตาของทุกคนได้แล้ว

ดวงตาที่มีสีดำขาวแบ่งชัดเจนของนางมองดูกู้ชูหน่วนตั้งแต่หัวจรดเท้า

ตะเกียงแก้วเจ็ดสีเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าน้ำแข็ง ตะเกียงแก้วถูกทำลาย ไม่ว่านางจะเป็นใคร ก็สมควรตายยิ่งนัก

แต่ทว่า……

ดวงตาคู่นั้นของกู้ชูหน่วน ทำไมดูเหมือนนางจัง?

ทำไมเมื่อกี้บนหัวของนางยังมีดอกบัวหิมะแวบขึ้นมา?

นอกจากผู้อาวุโสกับธิดาเทพแล้ว ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะทำให้ดอกบัวหิมะปรากฏขึ้นและระเบิดพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาได้

ดอกบัวหิมะดอกนี้ นอกจากพวกเขาเผ่าน้ำแข็งแล้ว คนนอกไม่มีทางสังเกตเห็นได้

หัวหน้าเผ่าจากไปนานแล้ว แต่คนบนโลกนี้ไม่รู้ ขนาดชาวเผ่าน้ำแข็งยังไม่รู้เลย

และธิดาเทพ……

ธิดาเทพหายตัวไปนานหลายปี ตอนนี้ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไงบ้าง

ตะเกียงแก้วเจ็ดสีนั่นเป็นไฟดวงวิญญาณของธิดาเทพ

ไฟดวงวิญญาณไม่ดับ แสดงว่าธิดาเทพยังไม่ตาย

ครั้งนี้ที่พวกนางเอาตะเกียงแก้วเจ็ดสีมาที่หุบเขาตันหุยด้วย เป็นเพราะว่าเปลวไฟมีนิมิต ชักนำให้พวกเขามาที่หุบเขานี้

นางเป็นใครกันแน่?

เป็นธิดาเทพของพวกนางเหรอ?

ถ้าเป็นธิดาเทพจริง ทำไมสายตาถึงได้เย็นชาเช่นนี้ล่ะ?

“ข้าชื่อไป๋จิ่น ไม่ทราบว่าแม่นางคือ……”

“กู้ชูหน่วน”

กู้ชูหน่วนพูดตัดจบง่ายๆ

กลิ่นหอมจากตัวของผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงมีกลิ่นคุ้นขนาดนี้นะ?

นางเคยได้กลิ่นมาจากไหนหรือเปล่านะ?

ยังมีดวงตาคู่นั้นของนางอีก……

ทำไมถึงน่าสงสารเช่นนี้กันนะ?

“กู้ชูหน่วน……เจ้าเป็นคุณหนูสามของจวนเฉิงเซี่ยง พระชายาของเทพสงครามเย่จิ่งหานใช่หรือไม่?”

“เหอะ เหมือนเจ้าจะรู้เยอะจังเลยนะ เจ้าล่ะ เป็นหนึ่งในสี่ทูตศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าน้ำแข็งเหรอ?”

“ช่วงนี้แม่นางกู้ออกจะโด่งดัง ไป๋จิ่นอยากไม่รู้ก็คงยาก”

ฮัวฉีหลัวแปลกใจ

พี่ไป๋จิ่นให้ความสำคัญกับตะเกียงแก้วเจ็ดสีมากไม่ใช่เหรอ? นางเอาไว้ข้างกายตลอดเวลา กลัวว่าตะเกียงแก้วเจ็ดสีจะเป็นอะไรไป

คืนนี้ถ้าไม่ใช่เพราะตะเกียงแก้วเจ็ดสีมีแสงแปลกๆประกายขึ้น พี่ไป๋จิ่นออกไปตรวจสอบ และกลัวว่าคนที่หุบเขาตันหุยเชิญมาในครั้งนี้จะซับซ้อนเกินไป จึงไม่เอาตะเกียงแก้วเจ็ดสี่ติดตัวไปด้วย กลัวว่าตะเกียงแก้วจะเป็นอะไรไป ดังนั้นถึงได้เอาตะเกียงแก้วมาไว้ในห้องนาง ไม่งั้นนางคงเอาติดตัวไปด้วยแล้ว

พี่ไป๋จิ่นต้องโกรธมากสิถึงจะถูก?

ทำไมนางยังหัวเราะออกมาได้อีกล่ะ?

และยังสนิทสนมกับกู้ชูหน่วนอีก?

ระหว่างที่พูดคุยกันนั้น คนของหุบเขาตันหุยก็มาถึง

ภายในนั้นยังมีผู้อาวุโสเจี่ยและน่าหลันหลิงลั่วด้วย

น่าหลันหลิงลั่วรีบเข้าไปปกป้องกู้ชูหน่วนเอาไว้ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทูตศักดิ์สิทธิ์ไป๋จิ่น ไม่ทราบว่าแม่นางกู้ล่วงเกินท่านยังไง ข้าจะชดใช้แทนนางเอง”

ฮัวฉีหลัวแสยะยิ้มเย็นชา พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ชดใช้? จะชดใช้ยังไง เจ้าทำวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าน้ำแข็งเราแตก เจ้ารู้ไหมว่าตะเกียงแก้วเจ็ดสี่นี่……”

ไป๋จิ่นไอกระแอม ฮัวฉีหลัวรู้ตัวก็รีบหุบปาก ไม่กล้าพูดเรื่องของธิดาเทพออกไป

ไป๋จิ่นพูดอย่างเรียบเฉยว่า “ก็แค่ตะเกียงแก้วอันหนึ่ง แตกก็แตกเถอะ วันนี้ได้รู้จักกับแม่นางกู้ ไป๋จิ่นดีใจอย่างมาก”