บทที่ 757 : ศัตรูที่แข็งแกร่ง!
  ‘ใช่แล้ว..ต้องเป็นหลิงหยุนแน่ๆ มิน่ามันถึงได้มาช่วยหลิงเย่ว – คุณชายสองแห่งตระกูลหลิง!’
  เฉินเจี้ยนกุ่ยฉลาดไม่เบา..แต่เมื่อคิดได้เช่นนี้มันก็ถึงกับตกใจ แต่ก็ไม่ได้พูดในสิ่งที่ตนเองคิดออกไป เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องครุ่นคิด
  เฉินเจี้ยนกุ่ยถึงกับนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง..
  “เจ้ายังจะยืนนิ่งอยู่อีกทำไมรีบตามมันไปสิ!”
  เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจเฉินเจี้ยนจื่อก็ไม่สนใจเรื่องอื่นอีก และต้องการประมือกับหลิงหยุนอย่างมาก เขาต้องการสังหารหลิงหยุนด้วยมือของเขาเอง!
  “ชายผู้นั้นแข็งแกร่งมากเจ้าจะสู้มันได้รึ!”
  แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสนั้นไม่ค่อยพอใจท่าทางของเฉินเจี้ยนจื่อแต่ก็ทำอะไรได้ไม่มากนอกจากพูดจาเหน็บแนม
  “งั้นรึ!ต่อให้มันเก่งกาจมากเพียงใด ก็ยากที่จะหนีพ้นเงื้อมือของข้าไปได้..”
  เฉินเจี้ยนจื่อตอบกลับไปอย่างยะโสโอหังจากนั้นจึงหันไปถามน้องชายถึงเส้นทางที่หลิงหยุนหนีไป และร่างสูงใหญ่พร้อมทวนเหล็กในมือก็พุ่งไปทางทิศตะวันออกทันที!
  “พี่สอง..ข้าจะบินตามท่านไป!”
  เฉินเจี้ยนกุ่ยเป็นเพียงแค่ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-6จึงไม่อาจเคลื่อนที่ได้รวดเร็วเช่นเฉินเจี้ยนจื่อ และได้แต่ร้องตะโกนไล่หลังพี่ชายไป
  “เจ้าตามข้าไม่ทันหรอก..!”
  เฉินเจี้ยนจื่อทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจร่างของเขาหายวับเข้าไปในป่าทึบอย่างไร้ร่องรอย..
  “ดูเหมือนพี่สองของเจ้าจะผยองมากสินะ!ยะโสโอหังยิ่งกว่าแวมไพร์ชั้นขุนนางอย่างพวกเราเสียอีก..”
  แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสร้องตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจนักและได้แต่รอคอยให้เฉินเจี้ยนจื่อพ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนเป็นรายต่อไป
  เฉินเจี้ยนกุ่ยสยายปีกออกอย่างไม่พอใจเช่นกันมันบินขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยทีท่าเฉยเมย และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา..
  “แล้วท่านล่ะท่านมาร์ควิส..ข้าว่าท่านควรต้องขอให้ท่านดยุคแดร๊กคิวล่าส่งบริวารมาเสริม ไม่เช่นนั้นพวกเราแวมไพร์คงต้องเสียหน้ากันหมด..”
  “ถ้าท่านทำเช่นนั้น..ข้าเองก็จะช่วยท่านอีกแรง ข้าจะรีบโทรบอกให้ท่านพ่อช่วยส่งยอดฝีมือมาเพิ่มเช่นกัน!”
  สำหรับเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นเขาต้องการเพียงผลลัพธ์ที่น่าพอใจเท่านั้น และไม่สนใจว่าจะใช้วิธีการใด หรือจะน่าละอายอย่างไร
  และเวลานี้แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสที่อยู่ต่อหน้าเขานั้นก็ช่างไร้น้ำยา เขาจึงไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นเคารพนบนอบอีกต่อไป..
  “โอ้..ชิท!”
  เมื่อแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสได้ฟังน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของเฉินเจี้ยนกุ่ยมันก็ถึงกับโกรธจนควันออกหู แต่ก็บินตามไปข้างๆเฉินเจี้ยนกุ่ย และกำลังนึกทบทวนคำแนะนำของเฉินเจี้ยนกุ่ยเมื่อครู่
  แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสกำลังคิดว่า..หากมันพ่ายแพ้ และไม่สามารถจับตัวเกาเฉินเฉินกลับไปได้ ท่านดยุคแดร๊กคิวล่าคงต้องโกรธมาก เพราะอุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงประเทศจีน ก็เพื่อต้องการดื่มเลือดของเกาเฉินเฉิน ไม่เช่นนั้นคนอย่างเฉินเจี้ยนกุ่ยคงจะไม่สามารถเชิญเขามาถึงที่นี่ได้!
  ……….
  เพียร์ซบินต่ำจนท้องแทบติดกับยอดไม้มันบินข้ามภูเขาไปถึงสี่ลูกแล้ว และเวลานี้ก็บินอยู่เหนือหุบเขาใหญ่แห่งหนึ่ง
  พายุฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนักทำให้แทบทุกบริเวณได้กลายเป็นน้ำตกสีขาวที่กำลังไหลลงสู่หุบเขา และเสียงน้ำที่ไหลลงสู่หุบเขานั้นก็ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งบริเวณ
  “บินลงไปในหุบเขานั่น!”
  หลิงหยุนจัดการเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้กลับเข้าไปในแหวนพื้นที่เขาโอบร่างของเกาเฉินเฉินไว้ และใช้มือปกป้องเธอจากสายลมและสายฝน อีกทั้งยังช่วยถ่ายเทพลังหยางที่อบอุ่นให้กับเธอด้วย
  แม้ว่าเมื่อครั้งที่อยู่จิงฉูนั้นหลิงหยุนได้ชำระล้างร่างกายของเกาเฉินเฉินให้ราวกับเกิดใหม่แล้ว ร่างกายของเธอเวลานี้แม้จะเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป แต่เนื่องจากยังไม่เริ่มฝึกบ่มเพาะ หลิงหยุนจึงเกรงว่าเธออาจจะป่วยได้..
  หุบเขาแห่งนี้มีชื่อว่าหุบเขามี่หยิวนจิ่วเต้าเป็นจุดที่มีทัศนียภาพงดงาม และมีชื่อเสียง และห่างจากหุบเขาแห่งนี้ไปราวสามกิโลเมตรก็จะเป็นอ่างเก็บน้ำมี่หยิวน
  หุบเขาแห่งนี้ค่อนข้างลึกมากและทัศนียภาพก็ช่างงดงามน่าชมอย่างมากด้วย บริเวณนี้จึงเป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยม แต่เวลานี้เป็นเวลากลางดึก อีกทั้งยังมีพายุฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก จึงไร้ซึ่งเงาของผู้คน..
  บริเวณที่หลิงหยุนและคนอื่นๆลงไปซ่อนตัวนั้นมีลักษณะเดี๋ยวแคบเดี๋ยวกว้างคล้ายกับสี่เหลี่ยมคางหมูคว่ำ ที่นี่ไม่เพียงเป็นภูมิประเทศที่เหมาะแก่การซ่อนตัวแล้ว ยังเหมาะที่จะใช้เป็นแดนสังหารอีกด้วย
  หลังจากที่ผ่านการต่อสู้มาระยะหนึ่งเวลานี้หลิงหยุนก็พยายามฟื้นฟูลมปราณในร่างกาย และก็สามารถฟื้นฟูลมปราณคืนได้ถึงยี่สิบส่วนแล้ว เพราะจุดตันเถียนของเขานั้นสามารถสร้างพลังหยิน-หยางได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์
  เพียร์ซยังคงบินขนานไปกับพื้นดินก่อนจะค่อยๆร่อนลงสู่พื้นดิน หลังจากที่บินต่ำลงไปในหุบเขาราวสามสิบเมตร มันก็กระพือปีกบินตรงไปยังน้ำตก ด้านหลังน้ำตกนั้นมีหน้าผ้าชันอยู่ และฝนก็ไม่สาดเข้าไปไม่ถึง
  หุบเขาแห่งนี้ลึกถึงหนึ่งร้อยเมตรและเมื่อเพียร์ซบินลงไปลึกจนเหลืออีกเพียงแค่ยี่สิบเมตรจะถึงพื้น หลิงหยุนก็กระโดดลงจากแผ่นหลังของเพียร์ซพร้อมเกาเฉินเฉิน..
  “ช่างเป็นภูมิประเทศที่ยอดเยี่ยมนัก!”
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อย..หุบเขาแห่งนี้ลึกหนึ่งร้อยเมตร จิตหยั่งรู้ของเขาจึงปกคลุมถึงด้านบนหุบเขาพอดี ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาในหุบเขาแห่งนี้ ก็จะอยู่ในรัศมีจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนทันที
  จากการคัดเลือดสนามต่อสู้ของหลิงหยุนแต่ละแห่งนั้นบ่งบอกว่าเขาไม่ใช่พวกที่หลับหูหลับตาสู้ แต่เขามักจะมองหาสถานที่ และจังหวะที่ตนเองเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่เสมอ แม้หลิงหยุนจะดูมั่นใจในตัวเองจนเข้าขั้นผยอง แต่เขาก็เป็นคนเฉลียวฉลาดอย่างมาก!
  “พวกมันต้องหนีลงไปที่หุบเขาด้านล่างนี้อย่างแน่นอน!”
  ด้านบนของหุบเขานั้นเหล่าแวมไพร์ทั้งสิบสองตนต่างก็พากันกระซิบกระซาบกัน แวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสองตนหันไปมองหน้ากัน และรีบออกคำสั่งว่า
  “พวกเจ้าทั้งสามบินลงไปดูด้านล่างไปดูว่ามีรอยเท้าของพวกมันหรือไม่ จะได้กลับไปรายงานท่านมาร์ควิสได้ถูกต้อง..”
  แวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ทั้งสามตนนั้นแม้จิตใจจะจงรักภักดี และเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ลึกๆนั้นย่อมรู้สึกหวาดกลัวตามธรรมชาติ และรู้ว่าการลงไปด้านล่างหุบเขาในครั้งนี้ ย่อมหมายถึงการจากไปอย่างไม่มีวันกลับนั่นเอง!
  ฟิ้ว..
  ลูกธนูเงินสามดอกพุ่งทะลุม่านสายฝนขึ้นมาจากหุบเขาด้านล่างและเสียบเข้าที่ศรีษะของแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ทั้งสามตนอย่างแม่นยำ!
  ค้างคาวทั้งสามตัวส่งเสียงกรีดร้องอย่างน่าสยดสยองแล้วร่างของพวกมันก็ตกลงไปในสายน้ำที่เชี่ยวกราด และจมหายไปในกระแสน้ำวนทันที
  ลูกธนูทั้งสามดอกที่พุ่งขึ้นมานั้นทำให้แวมไพร์ที่เหลือต่างก็พากันหดหัว และบินหนีไปอย่างรดวเร็ว..
  “พวกมันสามตัวถูกยิงตกลงไปที่หุบเขาด้านตะวันออก!”
  แน่นอนว่าลูกธนูทั้งสามดอกของหลิงหยุนนั้นเปิดเผยที่ซ่อนตัวของเขาและพรรคพวกให้ศัตรูได้รู้..
  “พวกเจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ก่อนข้าจะกลับไปรายงานท่านมาร์ควิส..” แวมไพร์ขั้นเคานต์ตนหนึ่งร้องบอก และรีบหันหลังบินกลับไปทันที ส่วนแวมไพร์ขั้นเคานต์อีกหนึ่งตนนั้นมีสีหน้าคล้ายอยากจะร้องไห้ และดูเหมือนว่ามันอยากจะหนีออกไปจากที่นี่..
  ด้านล่างของหุบเขาขนาดใหญ่นี้หลิงหยุนถือคันธนูทองไว้ในมือขวาพร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างดีอกดีใจ
  “ฮ่า..ฮ่า.. พวกมันถูกยิงตายอีกสาม เวลานี้เหลือแวมไพร์เพียงแค่สิบตนหากรวมมาร์ควิสด้วย”
  ท่ามกลางความมืดมิดเกาเฉินเฉินยิ้มออกมาพร้อมกับยกมือขาวซีดของเธอขึ้นเช็ดน้ำฝนออกจากใบหน้าของหลิงหยุน
  “นายระวังตัวด้วยล่ะ..”เกาเฉินเฉินร้องบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
  เกาเฉินเฉินเช็ดหน้าให้หลิงหยุนด้วยความอ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยความรัก เวลานี้ในใจของเธอมีเพียงหลิงหยุนคนเดียวเท่านั้น เกาเฉินเฉินมีความสุขอย่างมากที่ชายร่างใหญ่ตรงหน้านี้กำลังต่อสู้เพื่อเธอ!
  “เฉินเฉิน..ให้รางวัลผมแค่นี้เองเหรอ!” หลิงหยุนเอื้อมแขนซ้ายไปโอบร่างเกาเฉินเฉินไว้พร้อมกับพูดขึ้นอย่างผิดหวัง
  เกาเฉินเฉินเม้มริมฝีปากเล็กน้อยแล้วจึงเผยอยิ้ม และเอื้อมมือไปโอบเอวหลิงหยุนไว้ พร้อมกับเขย่งเท้าขึ้นจูบริมฝีปากของเขาทันที
  ดวงตาคู่สวยของเธอจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของหลิงหยุนพร้อมกับกระซิบถามเสียงเบา “รางวัลแค่นี้พอมั๊ย”
  หลิงหยุนตอบกลับอย่างอารมณ์ดี..“ต่อให้ไม่พอ ก็คงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ฮ่า.. ฮ่า..”
  เกาเฉินเฉินถึงกับหน้าแดงด้วยความเขินอายและไม่กล้าพูดอะไรอีก..
  เหล่ากุ่ยหัวเราะเสียงเบาในขณะที่แผ่นหลังของเพียร์ซกระเพื่อมไม่หยุดเช่นกัน ดวงตาของมันจ้องมองหลิงหยุนด้วยความศรัทธาที่เต็มเปี่ยม..
  เมื่อคืนนี้..หลิงหยุนก็ได้แสดงให้เพียร์ซเห็นถึงความสามารถ และความแข็งแกร่งของเขา จนเพียร์ซเองถึงกับตกตะลึงอย่างที่สุด และไม่รู้ว่าจะสรรหาคำใดมาอธิบายความรู้สึกของมันได้
  “เพียร์ซ..”
  “ครับ..ลูกพี่ที่เคารพ” เพียร์ซตอบรับอย่างรวดเร็ว
  “ฟังนะ..ไม่ว่าศัตรูของเราจะเก่งกาจสักแค่ใหน เจ้าจะต้องไม่ยอมแพ้ จะต้องหาหนทางปกป้องเหล่ากุ่ยกับเกาเฉินเฉิน และพาพวกเขาหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้!”
  “เจ้าไม่ต้องพะวงกับศัตรูที่จะไล่ล่าเจ้าหากเจ้าบินอยู่ในระดับความสูงที่หนึ่งร้อยเมตร ข้าจะเป็นคนจัดการกับศัตรูที่ไล่ล่าเจ้าให้เอง!”
  หลิงหยุนตัดสินใจร้องสั่งเพียร์ซแต่ทั้งเกาเฉินเฉินและเหล่ากุ่ยต่างก็กระวนกระวายใจขึ้นมาทันที
  “ไม่..พวกเราต้องหนีไปพร้อมกัน!”
  เกาเฉินเฉินปฏิเสธเสียงดังทันทีเธอเพิ่งจะได้พบหน้าชายอันเป็นที่รัก แต่จู่ๆจะให้เธอทิ้งหลิงหยุนไว้ แล้วหนีไปเพียงลำพัง การทำเช่นนั้นยิ่งเจ็บปวดกว่าการที่เธอถูกเฉินเจี้ยนกุ่ยจับตัวไปอีกครั้งเสียอีก!
  หลิงหยุนเพิ่งจะพูดจบก็ได้ยินเสียงสัญญาณอันตราย จึงรีบส่งเกาเฉินเฉินให้กับเหล่ากุ่ยพร้อมกับสั่งว่า..
  “เหล่ากุ่ย..ศัตรูตัวจริงของข้าปรากฏตัวแล้ว! ท่านช่วยคุ้มครองเกาเฉินเฉินให้ข้าด้วย!”
  ระหว่างที่พูด..หลิงหยุนก็เอนตัวไปทางซ้ายเพื่อฟังเสียงของศัตรูที่กำลังตรงมาที่หุบเขาแห่งนี้ เขาได้ยินเสียงการใช้วิชาตัวเบาที่ล้ำเลิศของศัตรู และคิดว่าน่าจะมีหนึ่งหรือสองคน!
  ฟิ้ว..
  ลูกธนูที่แหลมคมอีกสามดอกพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ
  “เยี่ยม!”
  เสียงดังออกมาจากเงาสีดำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของหุบเขาในมือของคนผู้นั้นถือทวนยาวสองเมตร และกำลังกวัดแกว่งปกป้องลูกธนูที่ยิงออกมา
  เสียงเหล็กดังกริ๊งกระทบกันถึงสามครั้งและลูกธนูทั้งสามดอกของหลิงหยุนก็ถูกเฉินเจี้ยนจื่อใช้ทวนปัดตกพื้นไป..
บทที่ 758 : ทวนหัก!
  หลังจากที่หลิงหยุนยิงลูกธนูทั้งสามดอกออกไปเฉินเจี้ยนจื่อก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดลงไปที่หุบเขาด้านล่างทันที ร่างสูงใหญ่ของเขาพุ่งลงไปที่ก้นหุบเขาอย่างรวดเร็ว และไปยืนอยู่นิ่งอยู่บนหินก้อนหนึ่ง
  ดวงตาของหลิงหยุนยังคงนิ่งแต่ก็แฝงไว้ด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย แววตาเย็นชาของหลิงหยุนมองฝ่าม่านสายฝนออกไปไกลหลายสิบเมตร และจับจ้องอยู่ที่ร่างของเฉินเจี้ยนจื่อซึ่งอยู่ตรงหน้าพร้อมกับรำพึงออกมาเบาๆ
  “ยอดฝีมือที่แท้จริงสินะ!”
  นอกเหนือจากธิดาพรรคมารแล้วครั้งนี้นับว่าเป็นคนที่สองที่หลิงหยุนได้พบกับยอดฝีมือที่สูงส่งอีกคนหนึ่ง
  ‘ดูจากลักษณะท่าทางแล้วเจ้าคงจะเป็นหนึ่งในสามยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเฉินสินะ!’
  ระหว่างที่เฉินเจี้ยนจื่อกระโดดลงมานั้นหลิงหยุนมีเวลาเพียงพอที่จะยิงลูกธนูใส่เขาอีกถึงสามดอก แต่หลิงหยุนไม่ต้องการทำเช่นนั้น เพราะรู้ว่าถึงแม้ลูกธนูของเขาจะรวดเร็ว แต่ก็ยากที่จะทำอันตรายยอดฝีมือที่ล้ำเลิศเช่นนี้ได้ อย่าว่าแต่จะทำร้ายเลย แค่ยิงให้ทะลุลมปราณที่เฉินเจี้ยนจื่อเดินไว้ป้องกันตัวก็ยากมากแล้ว หลิงหยุนจึงไม่จำเป็นต้องเสียลูกธนูไปโดยเปล่าประโยชน์
  “เฉินเจี้ยนจื่อแห่งตระกูลเฉินอยู่ที่นี่แล้วไม่ทราบว่าสหายกล้าออกมาประมือกับข้าหรือไม่”
  จิตหยั่งรู้และดวงตาของหลิงหยุนจับจ้องอยู่ที่ร่างของเฉินเจี้ยนจื่อและดวงตาของเฉินเจี้ยนจื่อเองก็จับจ้องอยู่ที่หลิงหยุนเช่นกัน ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นดิน เฉินเจี้ยนจื่อก็รีบแนะนำตัวโดยไม่คิดที่จะปิดบังฐานะของตนเองแม้แต่น้อย
  หลังจากที่เฉินเจี้ยนจื่อปัดลูกธนูทั้งสามดอกของหลิงหยุนออกไปได้เขาก็รู้ได้ทันทีว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับศัตรูแล้ว แววตาของมันดูตื่นเต้นขึ้นมาทันที และปรารถนาที่จะประมือกับหลิงหยุนอย่างที่สุดจนแทบจะรอคอยไม่ได้
  หลิงหยุนไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว..เขาเพียงแค่ยิ้ม และเงยหน้าขึ้นมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือหุบเขา
  เฉินเจี้ยนกุ่ยและแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสรวมถึงแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ที่เหลืออีกเจ็ดตนก็มาถึงที่นี่แล้วเช่นกัน!
  หลิงหยุนคงต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด!
  -เพียร์ซ..เจ้ากับเหล่ากุ่ยทำหน้าที่คุ้มครองเกาเฉินเฉิน อย่าให้ศัตรูเอาตัวนางไปได้..-
  หลังจากที่หลิงหยุนส่งกระแสจิตบอกเหล่ากุ่ยกับเพียร์ซแล้วเขาก็ก้าวเท้าขึ้นไปด้านหน้าสองก้าว และใช้วิชามังกรพรางร่างแยกออกเป็นเงาหลายเงาไปยืนอยู่ตรงหน้าของเฉินเจี้ยนจื่อทันที!
  “รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวรึ!”
  เฉินเจี้ยนจื่อจ้องมองหลิงหยุนด้วยความตื่นเต้นแม้หลิงหยุนจะพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยมือเปล่า แต่เขาก็รู้ดีว่าหลิงหยุนนั้นมีกระบี่ดำ และกระบี่อ่อนที่จะสามารถโผล่ขึ้นมาในมือเมื่อไหร่ก็ได้..
  ความเก่งกาจอัศจรรย์ของหลิงหยุนนั้นเฉินเจี้ยนกุ่ยได้เล่าให้กับเฉินเจี้ยนจื่อฟังหมดแล้ว และเฉินเจี้ยนจื่อเองที่ถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจ แต่เขาก็ไม่ประมาทเช่นกัน..
  เฉินเจี้ยนจื่อรู้ดีแก่ใจว่าแม้ตนเองปรารถนาจะประมือกับหลิงหยุนมากสักเพียงใดแต่ทั้งเขาและหลิงหยุนต่างก็รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ใช่ยอดฝีมือธรรมดาๆ การต่อสู้ในครั้งนี้ของพวกเขาทั้งคู่จึงมีชีวิตเป็นเดิมพัน หากฝ่ายใดพลาดพลั้ง ย่อมหมายถึงความตาย!
  ระหว่างที่ร่างของหลิงหยุนเคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วนั้นกระบี่โลหิตแดนใต้ก็ปรากฏขึ้นในมือข้างซ้ายของเขา และพุ่งตรงเข้าฟาดฟันใส่เฉินเจี้ยนจื่อทันที!
  เฉินเจี้ยนกุ่ยส่งเสียงร้องออกมาขณะที่ถ่ายเทพลังปราณในร่างกายไปที่ทวนเหล็กของตนเองพร้อมกับยกทวนยาวที่แข็งแกร่งขึ้นเหนือศรีษะต้านทานกระบี่สีดำของหลิงหยุนที่ฟาดฟันลงมาทันที!
  เคร้ง!เสียงกระบี่และทวนเหล็กกระทบกันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว..
  “พลังปราณของเจ้าแข็งแกร่งไม่เบาเลยทีเดียว!”
  กระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนนั้นแม้แต่อากามัทสุ ไคสุเกะซึ่งมีพลังปราณขั้นเซียงเทียนเจ็ดคุ้มกายอยู่นั้น ยังไม่สามารถต้านทานกระบี่ของหลิงหยุนได้ เขาจึงคิดไม่ถึงว่าทวนเหล็กของเฉินเจี้ยนจื่อจะสามารถต้านทานได้
  “เจ้าเองก็แข็งแกร่งไม่เบาทีเดียว!”
  เฉินเจี้ยนจื่อเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกันเพราะกระบี่ของหลิงหยุนที่ฟาดลงบนทวนเหล็กที่เขายกขึ้นป้องกันนั้น รุนแรงและทรงพลังจนเขาเองก็แทบต้านทานไม่ไหว และหากหลิงหยุนยังคงใช้กระบี่ฟันลงมาไม่ยั้ง เขาเองก็คงจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน..
  ทวนเหล็กของเฉินเจี้ยนจื่อนั้นยาวกว่าสองเมตรและหนักมากมีคำพูดว่าอาวุธยาวหนึ่งนิ้วก็ได้เปรียบหนึ่งนิ้ว ครั้งนี้เฉินเจี้ยนจื่อจึงดูเหมือนจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ..
  แต่ถึงกระนั้น..เฉินเจี้ยนจื่อกลับไม่สามารถใช้ข้อได้เปรียบนี้ทำอะไรหลิงหยุนได้ และดูเหมือนจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้หลิงหยุนเล็กน้อยด้วยซ้ำไป ทำให้เฉินเจี้ยนกจื่อหงุดหงิดอย่างมาก
  “ลองวิชาทวนของข้าบ้าง..”
  เฉินเจี้ยนกุ่ยร้องตะโกนออกมาเสียงดังในขณะที่ทวนยาวในมือก็กวัดแกว่งอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นม่านเงาตรงเข้าใส่หลิงหยุน!
  เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่นหวั่นไหว..หลิงหยุนเองก็ไม่ถอยแม้แต่ครึ่งก้าว และกำลังรอคอยให้หอกยาวของฝ่ายตรงข้ามใกล้เข้ามา..
  ในเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถสังหารอีกฝ่ายได้ในทันทีทั้งคู่จึงได้แต่สู้กันอย่างดุเดือด และรอคอยว่าพลังปราณของฝ่ายใดจะหมดลงก่อนเท่านั้น และใครที่สูญเสียพลังปราณก่อน คนผู้นั้นก็จะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป!
  ยอดฝีมือทั้งสองต่างก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดโดยไม่มีผู้ใดยอมล่าถอยจากสู้กันบนพื้นดิน ก็กระโดดขึ้นไปสู้กันบนท้องฟ้า แล้วจึงลงไปสู้กันต่อในน้ำ ต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีผู้ใดยอมแพ้..
  หากพูดกันตามความจริง..ขืนทั้งสองฝ่ายยังสู้กันอยู่เช่นนี้ คนที่จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ดูเหมือนจะต้องเป็นหลิงหยุนอย่างแน่นอน เพราะต้องคอยดูแลเกาเฉินเฉิน เหล่ากุ่ย และเพียร์ซ สถานการณ์จึงไม่สู้ดีมากนัก
  เหล่าแวมไพร์รวมทั้งเฉินเจี้ยนกุ่ยเห็นหลิงหยุนเป็นฝ่ายตั้งรับเช่นนั้นจึงรีบบินลงมาด้านล่าง และคอยหาจังหวะที่จะจับตัวเกาเฉินเฉิน
  และตราบใดที่การต่อสู้ยังคงดำเนินไปเรื่อยๆเช่นนี้หลิงหยุนก็จะยิ่งตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้น..
  หลังจากที่ได้ปะทะกับเฉินเจี้ยนจื่อไปพักใหญ่หลิงหยุนก็รู้สึกว่าวิชาทวนของเฉินเจี้ยนจื่อนั้นไม่มีอะไรมาก ในหนึ่งกระบวนท่าก็มีเพียงแค่กวาด ฟัน พุ่ง บิด รับ.. อยู่เช่นนี้ แล้วเมื่อครบก็วนกลับมาที่เดิม..
  เพลงทวนของเฉินเจี้ยนจื่อนั้นดูเหมือนจะมีรูปแบบที่ตายตัว!
  เฉินเจี้ยนจื่อซึ่งเป็นคนเฉลียวฉลาดนั้นรู้ดีว่าตนเองเป็นฝ่ายได้เปรียบจึงได้แต่ผยอง และถ่ายเทพลังปราณลงไปบนทวนเหล็กเพื่อหวังโจมตีหลิงหยุนให้ได้รับบาดเจ็บ
  หลิงหยุนเห็นเพลงทวนที่พุ่งใส่เป็นชุดของเฉินเจี้ยนจื่อแล้วก็พบว่าหลังจากจบหนึ่งกระบวน ก็จะกลับมาเริ่มที่จุดเดิมอีก เขาจึงรู้สึกหงุดหงิดรำคานอย่างมาก จนต้องพุ่งตัวหนีออกจากทวนของเฉินเจี้ยนจื่อไปทางด้านตะวันออกของหุบเขาแทน
  และที่นั่นก็เป็นที่ที่เกาเฉินเฉินเหล่ากุ่ย และเพียร์ซซ่อนตัวอยู่ เหตุผลที่หลิงหยุนกระโดดกลับไปที่นั่นก็เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูที่อยู่บนอากาศจู่โจมคนทั้งสามได้
  “ฮ่า..ฮ่า.. ข้ายังสนุกไม่พอเลย!”
  เฉินเจี้ยนจื่อหัวเราะพร้อมกับร้องออกมาอย่างผยองเมื่อเห็นหลิงหยุนหนีไปเช่นนั้นเฉินเจี้ยนจื่อกระโดดตามหลิงหยุนไปติดๆ พร้อมกับพุ่งทวนในมือใส่ร่างของเขา!
  “ยังสนุกไม่พองั้นรึ”
  หลิงหยุนตอบกลับพร้อมกับเปลี่ยนมาถือกระบี่โลหิตแดนในมือขวาและร่างของเขาก็พุ่งไปอีกฝั่ง..
  ปัง!
  ทวนเหล็กฟาดเข้าใส่เท้าของหลิงหยุนและหินขนาดใหญ่ก็แตกกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทุกทาง!
  เหล่ากุ่ยควงกระบี่ในมือฟันก้อนหินกระเด็นเข้ามาทางด้านหลังของเกาเฉินเฉินเพื่อปกป้องนางสีหน้าของเหล่ากุ่ยนั้นไม่มีทีท่าหวั่นเกรงแม้แต่น้อย
  เหล่ากุ่ยนึกเป็นห่วงหลิงหยุนอย่างมากเพราะศัตรูที่หลิงหยุนกำลังเผชิญหน้าอยู่ด้วยนั้นเป็นยอดฝีมือที่ล้ำเลิศมากจริงๆ
  หลิงหยุนกระโดดหลบทวนเหล็กของฝ่ายตรงข้ามที่ฟาดลงมาพร้อมกับพุ่งกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือเข้าใส่เฉินเจี้ยนจื่อทางด้านหน้า!
  เฉินเจี้ยนจื่อยกทวนเหล็กในมือขึ้นป้องกันกระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนได้อย่างง่ายดาย..
  “นี่เจ้ายังไม่เข้าสู่ด่านกลางของขั้นเซียงเทียนเลยด้วยซ้ำไปแต่กลับแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครมาจากใหน ข้าก็ไม่สามารถไว้ชีวิตเจ้าได้!”
  หลิงหยุนยิ้มเย็นพร้อมกับตอบไปว่า“อย่างนั้นเชียวรึ!”
  ตูม!
  ระหว่างที่พูดนั้น..หลิงหยุนก็ได้ใช้มือซ้ายฟาดสิ่งของบางอย่างเข้าใส่ที่ท้องของเฉินเจี้ยนจื่ออย่างแรง!
  หลิงหยุนเรียกหม้อเสินหนงออกมาจากแหวนพื้นที่!
  มือซ้ายที่ถือหม้อเสินหนงนั้นฟาดเข้าที่ท้องของเฉินเจี้ยนจื่ออย่างแรง!
  “ห๊ะ..นี่มันอะไรกัน!”
  เฉินเจี้ยนจื่อตกใจสุดขีดแต่ก็ไม่มีเวลาคิดอะไร เขารีบใช้มือทั้งสองข้างยกทวนในมือขึ้นปกป้อง..
  ทวนเหล็กที่แข็งแกร่งของเฉินเจี้ยนจื่อหักเป็นสองท่อน!
  แน่นอนว่าทวนเหล็กย่อมไม่สามารถต้านทานหม้อเสินหนงที่หนักกว่าสองพันกิโลกรัมได้อีกทั้งแรงเหวี่ยงของหลิงหยุนก็รุนแรงอย่างมาก แม้ว่าเฉินเจี้ยนจื่อจะเดินลมปราณป้องกันไว้ แต่ก็ยากที่จะหลีกหนีชะตากรรมพ้น..
  การตัดและการทุบนั้นใช้พละกำลังที่แตกต่างกัน การตัดนั้นต้องอาศัยอาวุธที่คม แต่การทุบนั้นอาศัยพละกำลังที่แข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น!
  ทวนเหล็กขนาดใหญ่ของเฉินเจี้ยนจื่อหักครึ่ง..และในขณะที่ปลายทวนนั้นยังคงสั่นสะเทือน หลิงหยุนก็อาศัยจังหวะนี้ใช้มังกรพรางร่างพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
  เคล้ง!
  หลิงหยุนจัดการเตะปลายทวนที่หักครึ่งออกไปอย่างรวดเร็วและกระเด็นไปตกอยู่หน้าเกาเฉินเฉินกับคนอื่นๆ หลิงหยุนมองเฉินเจี้ยนจื่อที่กำลังตกตะลึงด้วยแววตาเย้ยหยัน..
  สีหน้าของเฉินเจี้ยนจื่อเปลี่ยนเป็นไม่สู้ดีและยากนักที่จะเห็นสีหน้าเช่นนี้ของเขา เฉินเจี้ยนจื่อจ้องมองทวนที่หักครึ่งในมือซ้ายอีกครั้งด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ!
  “เป็นไปได้ยังไงกัน!มันหนักจนสามารถหักทวนของข้าได้เลยหรือนี่?”
  เฉินเจี้ยนจื่อไม่สามารถปกปิดความหวาดผวาในใจได้อีกหลิงหยุนเก่งกาจและแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก..
  แต่แล้วจู่ๆก็ร้องถามออกมาอย่างตกใจสายตาของมันก็จับจ้องอยู่ที่หลิงหยุนพร้อมกับร้องถามขึ้นมาว่า “นั่นคือหม้อเสินหนงใช่หรือไม่!”
  หลิงหยุนนิ่งเงียบ..
  “ที่แท้เจ้าก็คือหนึ่งในสองคนที่ป่าเสินหนงเจี๋ยในวันนั้น!”
  เฉินเจี้ยนจื่อร้องตะโกนออกมาอย่างแค้นใจ“เจี้ยนเหยินถูกเจ้าสังหารใช่หรือไม่”
  “เจ้าจะถามข้าให้มากความทำไมกันเพราะถึงอย่างไรวันนี้เจ้าก็ต้องตายเช่นกัน!” หลิงหยุนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
  อีกฝ่ายนั้นไม่ต่างจากปลาใหญ่ที่หลิงหยุนจับได้แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน..
  “ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า.. ดี! เจ้าคงคิดว่าทำลายทวนของข้าได้ ก็จะสามารถสังหารข้าได้สินะ! เจ้าคิดผิดไปแล้ว!”
  เฉินเจี้ยนจื่อร้องตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้น!