บทที่ 759 : ฆ่าให้ตาย!
ยังไม่ทันที่จะสิ้นเสียงของเฉินเจี้ยนจื่อหลิงหยุนก็เห็นร่างของเฉินเจี้ยนจื่อที่อยู่ท่ามกลางสายฝนนั้นค่อยๆ กลายเป็นเงาซ้อนๆกัน..
‘มันใช้วิชาลวงตา!’
และแน่นอนว่าเฉินเจี้ยนจื่อจะต้องฝึกวิชาเหล่านี้มาไม่เช่นนั้นการเคลื่อนที่ของมันคงจะไม่รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์เช่นนี้ เฉินเจี้ยนจื่อเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงจนร่างขอมันแยกออกเป็นเงาซ้อนกัน..
“วิชาหายตัวเสินหลัว!”
ร่างสูงใหญ่ของเฉินเจี้ยนจื่อค่อยๆจางหายไปราวกับภูติผีปีศาจมีเพียงดวงตาของหลิงหยุนเท่านั้นที่มองเห็นร่างที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของเฉินเจี้ยนจื่อ ส่วนเหล่ากุ่ย เพียร์ซ และคนอื่นๆนั้น ต่างก็เฉินเจี้ยนจื่อหายตัวไปต่อหน้าต่อตา..
หลิงหยุนยังคงยืนนิ่งสง่างามและรีบส่งกระแสจิตบอกทั้งสามคนว่า -เฉินเฉิน.. คุณไปยืนติดผนังหินไว้ เพียร์ซ.. กางปีกปกป้องร่างของเกาเฉินเฉินไว้ เหล่ากุ่ย.. ระวังอย่าให้ศัตรูเข้ามาโจมตีได้!-
ระหว่างที่สั่งทุกคนให้เตรียมพร้อมมือขวาของหลิงหยุนก็ถือกระบี่โลหิตแดนใต้ และใช้มังกรพรางร่างพุ่งขึ้นไปบนฟ้า และเป้าหมายของเขาก็คือร่างของเฉินเจี้ยนจื่อ!
หลิงหยุนพุ่งเข้าหาร่างของเฉินเจี้ยนจื่อพร้อมกระบี่ในมือโดยไม่พูดอะไร..
กระบี่สีดำสนิทที่ตัดกับสายฝนสีขาวนั้นพุ่งเข้าใส่ที่ไหล่ขวาของเฉินเจี้ยนจื่อทันที!
เสียงฉึกดังขึ้นกลางอากาศตามมาด้วยเสียงปะทะกันของอาวุธสองชนิดจนดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ
เคร้ง..
เฉินเจี้ยนจื่อนั้นไม่สามารถหลบหลีกกระบี่ของหลิงหยุนได้ทันทำให้กระบี่ในมือของหลิงหยุนแทงเข้าที่ไหล่ขวาของตนเอง
แต่เฉินเจี้ยนจื่อนั้นได้เตรียมตั้งรับไว้อยู่แล้วเขาได้เดินลมปราณไว้ที่ชุดสีม่วงเข้มนานแล้ว และพลังปราณก็ได้ซึมซับไปทั่วทั้งชุดจนกลายเป็นเสื้อเกราะสำหรับป้องกันตัวไปแล้ว! กระบี่ของหลิงหยุนที่ฟันลงไปจึงไม่ต่างจากฟันโดนหิน หรือโลหะแข็ง..
เฉินเจี้ยนจื่อหัวเราะออกมาเสียงดังเขาทำเช่นนั้นเพื่อทดสอบกำลังของหลิงหยุน และเมื่อพบว่ากำลังภายในของหลิงหยุนไม่สามารถทำลายลมปราณที่ถ่ายเทออกมาได้ เฉินเจี้ยนจื่อก็หัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ..
“เมื่อครู่..เป็นแค่เพียงการทดสอบเท่านั้น!”
เฉินเจี้ยนจื่อพุ่งทวนที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งในมือซ้ายเข้าใส่ศรีษะของหลิงหยุน..
ความเร็วของคนทั้งคู่นั้นสูสีกันมากหลิงหยุนพุ่งเข้าใช้กระบี่ฟันเฉินเจี้ยนจื่อ แต่เขาเองก็ไม่สามารถหลบทวนของเฉินเจี้ยนจื่อได้เช่นกัน!
แต่ถึงกระนั้นทวนของเฉินเจี้ยนจื่อก็พลาดเป้า เพราะหลิงหยุนเอี้ยวศรีษะหลบไปทางซ้ายได้ทัน และปล่อยให้ทวนของเฉินเจี้ยนจื่อแทงพลาดไปที่ไหล่ขวาของตนเองแทน
หลิงหยุนเองก็รับทวนของเฉินเจี้ยนจื่อได้ยากลำบากเช่นกันและเขาเองก็กำลังทดสอบความแข็งแกร่งของเฉินเจี้ยนจื่ออยู่เช่นกัน เวลานี้ทั้งคู่ต่างก็สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย และไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นฝ่ายพลาดท่า ก็จะต้องจบชีวิตลงทันที!
“ตายซะ!”
เฉินเจี้ยนจื่อแสยะยิ้มออกมาพร้อมกับร้องตะโกนบอกทันทีที่ทวนเหล็กพุ่งเข้าใส่ไหล่ซ้ายของหลิงหยุน มันก็บิดข้อมือและดึงทวนกลับมาทันที!
“เจ้าฝันไปเถอะ!”
ระหว่างที่หลิงหยุนเป็นฝ่ายตั้งรับและป้องกันการโจมตีจากเฉินเจี้ยนจื่อนั้น เฉินเจี้ยนกุ่ยและแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสก็ตรงเข้าโจมตีเหล่ากุ่ยและคนอื่นๆ
มังกรพรางร่าง..
หลิงหยุนทิ้งไว้เพียงแค่เงา..ส่วนร่างจริงของเขานั้นพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่ไม่ต่างจากความเร็วแสง..
ภายในสนามต่อสู้นี้มีพื้นที่เพียงแค่สิบสีเมตรเท่านั้นในระยะห่างกันเพียงแค่สี่เมตรนี้ ทุกคนในที่นั้นต่างก็เห็นว่า ทุกๆสองเมตรจะมีร่างของหลิงหยุนปรากฏขึ้น
หลิงหยุนเงื้อกระบี่ในมือขึ้น..
ชัวะ..ชัวะ.. ชัวะ.. ชัวะ.. ชัวะ.. ชัวะ.. ชัวะ..
หลิงหยุนฟันกระบี่ในมือลงไปทั้งหมดเจ็ดครั้ง..
ทวนที่เหลือครึ่งเดียวของเฉินเจี้ยนจื่อเวลานี้มีความยาวเพียงแค่หนึ่งเมตรเท่านั้นและถูกหลิงหยุนฟันจนขาดออกเป็นแปดท่อน ทั้งเจ็ดท่อนร่วงลงพื้น เหลือเพียงท่อนสุดท้ายที่ยังคงอยู่ในมือซ้ายของเฉินเจี้ยนจื่อ
ในเวลาเดียวกันนั้นหลิงหยุนก็เงื้อกระบี่ในมือฟันใส่เฉินเจี้ยนกุ่ยที่ต้องการบินเข้าไปหาเกาเฉินเฉิน!
เฉินเจี้ยนกุ่ยที่บินอยู่กลางอากาศนั้นเมื่อเห็นหลิงหยุนแยกออกเป็นเจ็ดร่าง และเห็นวัตถุสีดำยาวพุ่งมาที่ร่างของมัน มันก็รีบบินหลบหนีด้วยความหวาดกลัว
หลิงหยุนแสยะยิ้มอย่างเหยียดหยันก่อนจะโคจรดาราคุ้มกายพุ่งเข้าใส่เฉินเจี้ยนจื่อต่อ..
หากเทียบกันแล้วเฉินเจี้ยนจื่อนั้นยังนับว่าช้ากว่าหลิงหยุนนิดหน่อย กระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของหลิงหยุนพุ่งเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนจื่อด้วยความรวดเร็ว และรุนแรง..
และเสื้อของเฉินเจี้ยนจื่อก็ถูกกระบี่ของหลิงหยุนตัดขาด!
“นี่เจ้า!”
เฉินเจี้ยนจื่อสัมผัสได้ถึงอากาศที่เย็นเพราะรอยขาดนั้นเปิดออกให้เห็นเรือนร่างภายใน หลิงหยุนกระโดดขึ้นกลางอากาศอีกครั้งพร้อมกับใช้มังกรคำรามร้องตะโกนออกมา และจู่โจมใส่เฉินเจี้ยนจื่ออีกรอบ
หลิงหยุนเพิ่งฟันเสื้อของเฉินเจี้ยนจื่อจนขาดทำให้เขาทั้งอับอาย และทั้งโกรธแค้น..
‘ท่าไม่ดีแล้ว!’
เฉินเจี้ยนจื่อจ้องมองสายฝนที่กระหน่ำลงมาเวลานี้เขาไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงกระบี่ของหลิงหยุน หรือแม้แต่เสียงฝนตก เฉินเจี้ยนจื่อถึงกับตกตะลึง และเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเย็นยะเยือก และรีบใช้วิชาหายตัวเสินหลัวหนีไป!
ตูม!ครืน!
เสียงสองเสียงดังสนั่นขึ้นพร้อมๆกันและหินก้อนใหญ่ก็เกิดรอยแยกที่ยาวกว่าสามเมตร!
เฉินเจี้ยนจื่อนั้นนับว่าเป็นศัตรูที่แท้จริงของหลิงหยุนหากเปลี่ยนเป็นเฉินเจี้ยนกุ่ย รับรองว่ามันจะไม่สามารถหนีพ้นรัศมีกระบี่ของหลิงหยุนได้แน่
เฉินเจี้ยนจื่อกระโดดถอยหลังหลบออกไปไกลจากนั้นเมื่อได้จังหวะก็พุ่งเข้าใส่หลิงหยุนอีกครั้ง ขาซ้ายของเขาพุ่งใส่ร่างของหลิงหยุนสุดกำลัง
-ข้าว่าเจ้ารีบหาทางเข้าไปจับคนได้แล้ว!–
ในระหว่างนั้นเฉินเจี้ยนจื่อก็ได้ส่งกระแสจิตบอกกับเฉินเจี้ยนกุ่ยที่บินอยู่บนท้องฟ้า
หลังจากประมือกับหลิงหยุนไปหลายรอบเฉินเจี้ยนจื่อเริ่มรู้ว่าตนเองคงจะไม่สามารถสังหารหลิงหยุนได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แม้หลิงหยุนจะอยู่ในขั้นที่ต่ำกว่า แต่กลับแข็งแกร่งกว่าตนเอง เขาจึงต้องหาทางจับตัวเกาเฉินเฉินให้ได้โดยเร็วที่สุด!
ดังนั้น..เฉินเจี้ยนจื่อจึงจำเป็นต้องทำให้หลิงหยุนเกิดความกระวนกระวายใจ และขาดสมาธิ เขาจึงจะสามารถเอาชนะหลิงหยุนได้
ระหว่างนั้น..แวมไพร์ทั้งหมดภายใต้คำสั่งของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิส ก็ได้บินลงมาที่ด้านล่างของหุบเขา และมุ่งตรงไปที่เกาเฉินเฉินทันที
ในขณะเดียวกันทั้งเฉินเจี้ยนกุ่ยและแวมไพร์ขั้นมาร์ควิส ต่างก็บินโฉบเฉี่ยวเพื่อรอคอยจังหวะที่หลิงหยุนเผลอ!
แต่มีหรือที่หลิงหยุนจะกระวนกระวายใจจนเสียสมาธิ!
ช่างน่าขันนัก!ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นั้น หลิงหยุนผ่านประสบการณ์แห่งความเป็นความตายมามากมาย!
ลูกเตะพายุ..
หลิงหยุนตะลึงงันเมื่อเห็นขาของเฉินเจี้ยนจื่อที่พุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็วสายตาของหลิงหยุนจับจ้องอยู่ที่ลูกเตะทรงพลังของเฉินเจี้ยนจื่อ
ในขณะเดียวกันนั้นหลิงหยุนก็กระโดดถอยหลังหลบไปยืนอยู่ด้านหลังของเพียร์ซ พร้อมกับฟาดฟันกระบี่โลหิตแดนใต้ในมืออย่างบ้าคลั่ง..
ชัวะ..ชัวะ..
เสียงกระบี่ที่หลิงหยุนได้ถ่ายเทพลังหยินลงไปฟันเข้ากับร่างของแวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสองตนจนล้มลงไป
“อ๊าก..”
เสียงกรีดร้องหกถึงเจ็ดเสียงดังขึ้นพร้อมกันและแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ทั้งเจ็ดตนก็ถูกหลิงหยุนฟันเข้าเช่นกัน
จากนั้นหลิงหยุนก็เรียกยันต์เตโชออกมาหกแผ่นและจัดการสั่งยันต์ทำงานทันที..
ภาพที่ปรากฏขึ้นสร้างความตกตะลึงและประหลาดใจให้กับผู้ที่พบเห็นอย่างมากพายุฝนที่กระหน่ำลงมากลับไม่สามารถดับเปลวไฟสีฟ้าที่ลุกโชนล้อมร่างของแวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสองตนไว้ได้
“นี่มันอะไรกัน!”
เฉินเจี้ยนจื่อถึงกับตกใจและได้แต่คิดว่าหลิงหยุนยังมีลูกเล่นอะไรอีกหรือไม่
แต่นี่นับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเฉินเจี้ยนจื่อมันกัดฟันพุ่งร่างของตนเองตรงเข้าใส่ร่างของเพียร์ซที่ยืนสยายปีกปกป้องเกาเฉินเฉินไว้ทันที
เฉินเจี้ยนจื่อเองกลับเป็นฝ่ายกระวนกระวายใจและเสียสมาธิแทน เขาใช้กำลังทั้งหมดที่มีอยู่ และต่อให้เพียร์ซซึ่งเป็นแวมไพร์ขั้นเคานต์ก็ยากที่จะต้านทานได้!
และในขณะเดียวกัน..เฉินเจี้ยนกุ่ยกับแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสก็กำลังบินลงมาเช่นเดียวกัน!
“เตรียมตัวตายได้แล้ว!”
หลิงหยุนร้องตะโกนออกมาและในนาทีวิกฤตนั้นหลิงหยุนก็ใช้วิชาพลังมังกร!
จุดตันเถียนที่แสนพิสดารของหลิงหยุนหมุนกลับพลังวนหยิน-หยางหมุนอย่างรวดเร็วอยู่ร่างกาย และกำลังสร้างพลังวนที่รุนแรงให้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา!
รอบตัวหลิงหยุนนั้นทั้งหินและทรายต่างก็ถูกลมหมุนพัดรวมกันท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมา จนรวมตัวกันเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่!
เฉินเจี้ยนกุ่ยที่กำลังพุ่งหมัดใส่ร่างของเพียร์ซและเฉินเจี้ยนกุ่ยกับแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสที่กลายร่างเป็นค้างคาว ต่างก็ถูกลมหมุนรอบตัวหลิงหยุนดูดเข้าไปเช่นกัน..
“พวกเจ้าตายทั้งหมดเตรียมตัวตายได้แล้ว!”
บทที่ 760 : ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่!
ผู้ที่โชคร้ายสองรายแรกคือแวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งสองตนที่เวลานี้กำลังตกอยู่ในวงล้อมของเปลวไฟจากยันต์เตโช..
และเวลานี้ในมือซ้ายที่ว่างเปล่าของหลิงหยุนก็ปรากฏดาบสีดำเล่มหนี่งซึ่งก็คือดาบพายุนั่นเอง!
นี่คือดาบวิเศษ..ดาบเล่มนี้มีความยาวหนึ่งเมตรครึ่ง และกว้างเท่ากับฝ่ามือผู้ใหญ่คนหนึ่ง ตัวดาบเป็นสีดำหมดทั้งด้าม เนื้อเหล็กสีดำมีกระแสไอเย็นที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมา..
ชัวะ!
ดาบวิเศษในมือของหลิงหยุนตัดร่างของแวมไพร์ขั้นเค้านต์ทั้งสองตนขาดเป็นสองท่อนได้อย่างง่ายดายโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายามเลยแม้แต่น้อยเพื่อช่วยจบความเจ็บปวดที่เกิดจากเปลวไฟเผาผลาญให้กับพวกมันทั้งสองตน
“แย่แล้ว!”
เฉินเจี้ยนจื่อเฉินเจี้ยนกุ่ย และแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสทั้งหมด เมื่อได้เห็นความแข็งแกร่งของหลิงหยุน ก็รีบคิดหาวิธีเอาตัวรอดทันที
เฉินเจี้ยนจื่อไม่มีเวลาที่จะจู่โจมเพียร์ซอีกครั้งเขาร้องตะโกนออกมาพร้อมกับเดินลมปราณภายในร่างกายทันที ลมปราณในร่างกายของเฉินเจี้ยนจื่อนั้นได้กลายเป็นวัตถุทรงกลมขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็น และมีเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งเมตรสูงสองเมตร!
วิชาระฆังทองคุ้มกาย!
เฉินเจี้ยนกุ่ยเองก็รวดเร็วมากเช่นกันมันรีบกลายร่างจากค้างคาวตัวเล็กเป็นมนุษย์ทันที พร้อมกับรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นเดินลมปราณสร้างกำแพงสีเลือดรูปพระจันทร์ขึ้นตรงหน้าเพื่อปกป้องร่างกายของตนเองไว้!
วิชาบุหลันโลหิต!
แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสไม่กล้าแม้แต่จะกลายร่างเพราะเปลวไฟทั้งหกยังคงลุกโชนท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมา แต่ก็อาศัยจังหวะนี้ใช้หมอกเลือดหายตัวไปซ่อน และหนีให้พ้นจากรัศมีกระแสลมวนที่หมุนอยู่รอบกายหลิงหยุน และดาบพายุในมือของเขา
กระบี่โลหิตแดนใต้และดาบพายุนั้นมีอานุภาพที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมากแม้แต่แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสยังไม่กล้าเผชิญจนต้องหนีไปซ่อนตัว
“เฮอะ..”
หลิงหยุนทำเสียงเย้ยหยันและพุ่งเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนจื่อ แต่เพราะเฉินเจี้ยนจื่อมีกำลังภายในที่แข็งแกร่ง ร่างของเขาจึงไม่ถูกพลังวนของหลิงหยุนดูดเข้าไป และยังคงยืนนิ่งได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
เคร้ง..เคร้ง..
กระบี่ในมือของหลิงหยุนพุ่งเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนจื่อแต่ก็ปะทะเข้ากับพลังปราณที่เฉินเจี้ยนจื่อเดินไว้คุ้มครองตนเอง
ข้าจะทำลายพลังปราณของเจ้าทิ้งซะ!”
หลิงหยุนร้องบอกพร้อมกับใช้ดาบพายุและกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือทั้งสองข้างร่ายรำเพลงกระบี่นวสังหารฟันลงไปที่ระฆังทองคุ้มกายของเฉินเจี้ยนจื่อเสียงดังปัง.. สนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ
ภายใต้วิชาพลังมังกรกำลังภายในของหลิงหยุนนั้นเพิ่มขึ้นจากเดิมถึงห้าเท่า!
“ห๊ะ..”
เฉินเจี้ยนจื่อร้องอุทานออกมาอย่างตกใจเขาถึงกับขนพองสยองเกล้าขึ้นมาทันที และนั่นคือสัญชาติญาณของมนุษย์ที่รู้สึกว่าตนเองกำลังจะตาย!
วิชาหายตัวเสินหลัว!
ในวินาทีแห่งความเป็นความตายนี้เฉินเจี้ยนจื่อรีบใช้วิชาหายตัวเพื่อหลบหนีจากการโจมตีของหลิงหยุนทันที
แต่ถึงกระนั้นก็ยากที่เฉินเจี้ยนจื่อจะหลบหนีหลิงหยุนได้เพราะหลังจากที่เขาใช้วิชาพลังมังกร นอกเหนือจากกำลังภายในที่จะเพิ่มขึ้นแล้ว ความเร็วของเขาก็จะเพิ่มขึ้นถึงห้าเท่าด้วยเช่นกัน เช่นนี้แล้วเฉินเจี้ยนจื่อจะหนีรอดได้อย่างไร
ชัวะ!
ร่างของหลิงหยุนเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นเพียงแค่เงาและทันทีที่เข้าใกล้เฉินเจี้ยนจื่อ กระบี่ในมือของหลิงหยุนก็ฟันลงบนร่างของเฉินเจี้ยนจื่อทันที!
ครั้งนี้..เฉินเจี้ยนจื่อไม่สามารถหลบหนีได้อีก และกระบี่ของหลิงหยุนฟันเข้าใส่ร่างของมันอย่างแรง!
ชัวะ!
กระบี่โลหิตแดนใต้แทงเข้าใส่ที่ไหล่ของเฉินเจี้ยนจื่อจนเป็นแผลลึกถึงสองนิ้วในขณะที่ดาบพายุก็ฟันเข้าใส่ที่หน้าอกด้านขวาของเขาจนเป็นแผลใหญ่ยาวถึงหนึ่งฟุต!
“อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องของเฉินเจี้ยนจื่อดังขึ้นพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาจากบาดแผลทั้งสองแห่ง..
หากไม่ใช่เพราะพลังปราณที่ปกป้องร่างของเฉินเจี้ยนจื่อไว้หลิงหยุนคงส่งเฉินเจี้ยนจื่อไปลงนรกได้ถึงสองครั้งแล้ว!
“พี่สอง!”
เฉินเจี้ยนกุ่ยที่ใช้วิชาบุหลันโลหิตปกป้องร่างกายของตนเองไว้เห็นหลิงหยุนทำร้ายพี่สองของมันจนได้รับบาดเจ็บภายในเวลาสั้นๆ ก็ทั้งโกรธแค้นหลิงหยุน และเป็นห่วงเฉินเจี้ยนจื่อจนต้องร้องตระโกนออกมา จากนั้นจึงซัดฝ่ามือโลหิตเข้าใส่หลิงหยุนทันที!
ตูม..ตูม..
ฝ่ามือโลหิตทั้งสองของเฉินเจี้ยนกุ่ยฟาดลงกลางแผ่นหลังของหลิงหยุนอย่างรุนแรงแต่หลิงหยุนกลับไม่ได้รับอันตรายใดๆแม้แต่น้อย มีเพียงรอยฝ่ามือทั้งสองที่ประทับบนแผ่นหลังของเขาเท่านั้น
หลิงหยุนไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองเขาแสยะยิ้มก่อนจะบิดตัวไปด้านข้าง และกระบี่ในมือของเขาก็ฟันเข้ากับร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยทันที!
ชัวะ..ชัวะ.. หลิงหยุนตอบโต้กลับไปอย่างรวดเร็ว..
“แย่แล้ว..”
เฉินเจี้ยนกุ่ยร้องอุทานออกมาและรีบใช้วิชาบุหลันโลหิตปกป้องร่างกายของตนเองไว้พร้อมกับกระโดดถอยหลังหลบกระบี่ของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว!
แต่พลังวนหยิน-หยางในร่างกายของหลิงหยุนก็ทำให้เฉินเจี้ยนกุ่ยเคลื่อนไหวได้ช้าลง
“ในเมื่อเจ้ามีโอกาสหนีได้แต่ไม่หนีเจ้าก็อย่าคิดที่จะหนีได้อีกเลย!”
หลิงหยุนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาและใช้มังกรพรางร่างตรงเข้าจับตัวเฉินเจี้ยนกุ่ยทันที กระบี่สีดำในมือของเขาก็เคลื่อนไหวราวกับมังกรดำกำลังร่ายรำ และล้อมร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยไว้ทันที
“นี่มันอะไรกัน!”
เฉินเจี้ยนกุ่ยร้องตะโกนออกมาอย่างตกใจและในที่สุดก็ถูกกระบี่ในมือของหลิงหยุนฟันเข้าถึงสองแห่ง และบาดแผลทั้งสองนี้ก็ยากที่จะฟื้นตัวได้ในช่วงเวลาสั้นๆ!
“น้องสาม!”
เฉินเจี้ยนจื่อที่เพิ่งจะได้รับบาดเจ็บไปเพียงแค่พริบตาเดียวเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ได้รับบาดเจ็บอีกคน เฉินเจี้ยนจื่อเริ่มกังวลใจอย่างมาก เขาร้องตะโกนออกมาพร้อมกับเอื้อมมือขวาออกไปกระชากร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยให้พ้นจากคมกระบี่ของหลิงหยุนที่กำลังพุ่งเข้ามาอีกครั้ง
หลิงหยุนหัวเราะเย็นชาและไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขาตรงเข้าฟันกระบี่เข้าใส่ที่แผ่นหลังของเฉินเจี้ยนจื่อจนเป็นบาดแผลขนาดใหญ่ จากนั้นจึงหันไปจัดการกับแวมไพร์ขั้นมาร์ควิส
หากหลิงหยุนต้องการสังหารเฉินเจี้ยนจื่อเขาก็คงฆ่าไปนานแล้ว คงจะไม่รอมาจนถึงตอนนี้แน่..
เวลานี้..พลังวนหยิน-หยางกำลังหมุนอย่างรวดเร็ว และกำลังก่อตัวขึ้นเป็นลมหมุนขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และเวลานี้แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสก็ได้กลายร่างเป็นค้างคาวตัวเล็กเพื่อที่จะหลบหนีออกไป..
“ไม่สิ..นี่ไม่ถูกต้อง!”
หลิงหยุนพบว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นแม้ว่าเขาจะใช้วิชาพลังมังกรเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ถึงห้าเท่า แต่พลังวนหยิน-หยางก็ไม่น่าจะทรงพลังเช่นนี้
“นี่ดูเหมือนว่า..”
ระหว่างที่หลิงหยุนกำลังใช้เนตรหยิน-หยางมองหาแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสนั้นจู่ๆเขาก็ฉุกคิดสงสัยขึ้นมา..
หลิงหยุนเริ่มฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าหลังจากที่เขาได้เรียกดาบพายุออกมานั้นลมหมุนรอบๆตัวก็ยิ่งหมุนเร็วและมีพลังรุนแรงมากขึ้น!
“หรือว่านี่จะเป็นเพราะพลังของดาบพายุเล่มนี้!”
หลิงหยุนคิดถึงเรื่องที่พอลเคยเล่าเกี่ยวกับดาบพายุเล่มนี้พอลเล่าว่าหากผู้ที่ใช้ดาบเล่มนี้แข็งแกร่งมากพอ เมื่อฟันดาบลงไปจะสามารถทำให้เกิดลมหมุนที่รุนแรงดั่งพายุทอร์นาโดขึ้นได้ และลมหมุนนี้จะกวาดเอาทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆเข้าไปอยู่ในลมหมุนนั้น ภาพที่เห็นจึงไม่ต่างจากภาพยนตร์เรื่อง Twister
เมื่อคิดได้เช่นนี้หลิงหยุนจึงเปิดจิตหยั่งรู้สำรวจดู และพบว่าท่ามกลางพลังวนหยิน-หยางรอบตัวเขานั้น มีกระแสลมสีเทาเข้มปะปนอยู่ และต่อให้เป็นแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสก็ยากที่หนีพ้นได้..
และนั่นทำให้แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสถึงกับร้องออกมาอย่างหวาดกลัว“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหมอนั่นจะสามารถใช้พลังจากดาบพายุได้!”
หลิงหยุนถือดาบพายุไว้ในมือขณะเดียวกันก็พยายามควบคุมพลังลึกลับที่ซ่อนอยู่ในดาบวิเศษเล่มนี้ เพราะเกรงว่าจะถูกพลังลึกลับนี้ตอบโต้กลับ หลิงหยุนยังไม่เข้าสู่ขั้นพลังชี่ และที่สำคัญเขายังไม่รู้วิธีใช้ดาบเล่มนี้..
“ฮ่า..ฮ่า.. น่าสนใจทีเดียว!”
แววตาของหลิงหยุนเป็นประกายขึ้นมาทันทีระหว่างนั้นเขาก็สังเกตุเห็นว่าร่างของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสกำลังบินไปทางซ้ายทีขวาทีคล้ายกลับตัดสินใจไม่ถูก
‘ข้าจะสังหารแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสตนนี้ดีหรือจะทำให้มันกลายเป็นบริวารของข้าดี!’
และโดยไม่ลังเล..หลิงหยุนพุ่งดาบสีดำในมือเข้าใส่ร่างของค้างคาวตัวเล็กตรงหน้าทันที..
“ฮ่า.. ฮ่า..”
ร่างของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสถูกดาบวิเศษกรีดเข้าอย่างรวดเร็วจากนั้นหลิงหยุนก็กรีดนิ้วชี้ของตนเอง และใช้กำลังภายในส่งหยดเลือดจากนิ้วมือไปสู่บาดแผลของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสได้อย่างแม่นยำ!
หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการแล้วหลิงหยุนก็ไม่สนใจแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสอีก เขากระโดดเข้าไปยืนอยู่ด้านหลังของเฉินเจี้ยนจื่อกับเฉินเจี้ยนกุ่ยสองพี่น้องอีกครั้ง!
“ได้เวลาดูดพลังของเจ้าแล้วสินะ!”
หลิงหยุนร้องตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับเรียกกระบี่ทั้งสองเล่มเข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่จากนั้นจึงฟาดฝ่ามือทั้งสองข้างลงบนแผ่นหลังของเฉินเจี้ยนจื่อที่กำลังได้รับบาดเจ็บทันที..
“แย่แล้ว”
ทันทีที่ฝ่ามือทั้งสองข้างของหลิงหยุนฟาดลงบนแผ่นหลังของเฉินเจี้ยนจื่อพลังปราณภายในร่างกายของเฉินเจี้ยนจื่อก็ค่อยๆ ไหลผ่านบาดแผลด้านหลังของตนเองเข้าสู่ฝ่ามือของหลิงหยุน..!
และนี่คือโอกาสที่หลิงหยุนเฝ้ารอหลังจากที่ได้วางแผนมาอย่างยาวนานตั้งแต่เริ่มประมือกับเฉินเจี้ยนจื่อ..
‘พลังปราณของเฉินเจี้ยนจื่อทั้งเข้มข้นและบริสุทธิ์มิน่าเจ้าถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!’
ความเร็วในการดูดพลังปราณของหลิงหยุนนั้นรวดเร็วจนน่าอัศจรรย์เพียงแค่สองสามวินาทีก็สามารถดูดพลังปราณจากร่างของเฉินเจี้ยนจื่อเข้าไปได้อย่างมากมาย
“ห๊ะ..นี่มันอะไรกัน หรือว่านี้คือวิชามหาเวทย์ดูดดาวในตำนาน?!”
เฉินเจี้ยนจื่อฟาดฝ่ามือขวาขึ้นกลางอากาศและร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยที่อยู่ในมือก็ลอยละลิ่วออกไปทันที ในขณะเดียวกันก็รีบบิดร่างอย่างแรง และแผ่นหลังของเขาก็สะบัดหลุดจากฝ่ามือของหลิงหยุน
ระหว่างที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นเฉินเจี้ยนกุ่ยก็เพิ่งจะได้สติ และรีบกลายร่างเป็นค้างคาวพาร่างที่บาดเจ็บของตนเองบินหนีขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที!
หลิงหยุนเรียกคันธนูทองและลูกธนูเงินออกมาทันทีและยิงเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยได้อย่างแม่นยำ เฉินเจี้ยนกุ่ยกรีดร้องออกมา มันดิ้นรนอยู่หลายครั้ง และในที่สุดก็หลบหนีจากขอบเขตการโจมตีของหลิงหยุนได้
หลิงหยุนเรียกคันธนูทองคำเข้าไปเก็บและเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมาแทน เขาจ้องมองร่างของเฉินเจี้ยนจื่อพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“พลังปราณของเจ้าถูกข้าทำลายแล้วข้าเองก็อยากจะรู้ว่าเจ้าจะสามารถรับข้าได้กี่กระบวนท่า”
ใบหน้าของเฉินเจี้ยนจื่อเปลี่ยนเป็นแดงสลับขาวพร้อมกับจ้องมองตาของหลิงหยุนครู่หนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นว่า
“เจ้าเป็นใครกันแน่”