บทที่ 761 : ปลิดชีพ!
“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ..แต่สำคัญกว่าคือเจ้าจะต้องตายอีกในไม่ช้านี้!”
หลิงหยุนจ้องมองเฉินเจี้ยนจื่อพร้อมตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่ในแววตากลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกสงสาร..
ความจริงแล้ว..หลิงหยุนกับเฉินเจี้ยนจื่อเพิ่งจะเคยพบกันคืนนี้เป็นครั้งแรก และไม่เคยเป็นศัตรูหรือมีเรื่องบาดหมางส่วนตัวกันมาก่อน เฉินเจี้ยนจื่ออายุสามสิบกว่าปี แต่สามารถมีกำลังภายในที่สูงส่งเช่นนี้ นับว่าพรสวรรค์ของเขานั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
แต่เพียงแค่ประมือกับหลิงหยุนได้ไม่นานเป็นครั้งแรกทั้งคู่เพิ่งจะได้เรียนรู้ฝีมือของกันและกัน แต่กลับต้องมาถูกหลิงหยุนฆ่าตายเสียแล้ว เช่นนี้จะไม่ให้หลิงหยุนรู้สึกสงสารได้อย่างไร
และเวลานี้..เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างหลิงหยุนกับตระกูลเฉิน และตระกูลหลิงกับตระกูลเฉินนั้น ก็บานปลายใหญ่โตเกินกว่าจะคิดถึงเรื่องความคับข้องใจส่วนตัว..
หลิงหยุนจำเป็นต้องทำลายตระกูลเฉินไปทีละน้อยเขาจึงไม่สามารถเมตตา หรือใจอ่อนกับเฉินเจี้ยนจื่อได้
อีกทั้งหลิงหยุนก็รู้ดีว่าหากคืนนี้เขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทั้งเกาเฉินเฉิน และคนอื่นๆที่อยู่ข้างหลัง ก็จะต้องมีชะตากรรมที่น่าเวทนายิ่งกว่าเฉินเจี้ยนจื่ออย่างแน่นอน
เฉินเจี้ยนจื่อเข้าใจคำพูดของหลิงหยุนได้ดีเขาเองก็เข้าใจความจริงในข้อนี้เช่นกัน และด้วยความเป็นคนทะนงตัว เฉินเจี้ยนจื่อจึงได้แต่ใช้มือกำบาดแผลที่ไหล่ไว้ และพูดออกมาอย่างยะโสโอหัง..
“ข้ารู้ว่าเจ้าเองก็ไม่ธรรมดาถึงแม้วิชาของเจ้าจะดูลึกลับน่าอัศจรรย์เพียงใด แต่หากคิดจะสังหารข้านั้น ก็คงไม่ง่ายนัก!”
“เอ็ดเวิร์ด..แวมไพร์ขั้นมาร์ควิสขอบคุณเจ้านายที่ได้ให้กำเนิดข้าใหม่ และข้ายินยอมที่จะเป็นบริวารที่จงรักภักดีของท่านตลอดไป!”
และเพราะเอ็ดเวิร์ดนั้นเป็นแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสอยู่แล้วกระบวนการต่างๆจึงกินเวลาไม่นานมากนัก..
“ที่แท้เจ้าก็มีชื่อว่าเอ็ดเวิร์ดงั้นรึเอาล่ะ.. เจ้าไปหาเพียร์ซ และทำหน้าที่ปกป้องหญิงสาวผู้นั้น เจ้าอย่าเพิ่งถามอะไรข้าตอนนี้ แล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นๆ”
หลิงหยุนหันกลับไปมองดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นตกใจผสมกับความหวาดกลัวของเอ็ดเวิร์ดและสั่งให้มันไปทำหน้าที่คุ้มครองปกป้องเกาเฉินเฉิน
หลังจากที่หลิงหยุนได้แวมไพร์ขั้นเคานต์มาสองตนและขั้นไวส์เคานต์มาอีกสองตน เขาก็ไม่ได้ต้องการแวมไพร์มาเป็นบริวารอีก แต่เอ็ดเวิร์ดนั้นต่างกัน เหตุผลที่หลิงหยุนไม่สังหารมัน ก็เพราะความเฉลียวฉลาดในการต่อสู้ของเอ็ดเวิร์ดนั่นเอง
หลังจากผ่านกระบวนการที่ทำให้กลายเป็นบริวารของหลิงหยุนนั้นอาการบาดเจ็บต่างๆของเอ็ดเวิร์ดก็หายเป็นปลิดทิ้ง มันไม่เพียงแค่รู้สึกราวกับได้เกิดใหม่ แต่ยังได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกมากมายด้วย แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องเหล่านี้ หลิงหยุนจึงสั่งให้มันไปทำหน้าที่สำคัญก่อน
หลิงหยุนเดินลมปราณเพิ่มกำลังภายในขึ้นอีก..
เวลานี้เฉินเจี้ยนจื่อได้รับบาดเจ็บสาหัสส่วนเฉินเจี้ยนกุ่ยก็บินหนีขึ้นไปซ่อนตัวบนท้องฟ้า เฉินเจี้ยนจื่อที่อยู่ตรงหน้าหลิงหยุนทำหน้าที่พี่ชายปกป้องน้องชายอย่างสุดความสามารถ
หลิงหยุนยังไม่สามารถลงมือสังหารเฉินเจี้ยนกุ่ยได้ในตอนนี้เขาจึงไม่สนใจมันอีก แต่เฉินเจี้ยนจื่อนั้นต่างกัน เขาเป็นศัตรูตัวฉกาจของหลิงหยุน และหลิงหยุนจำเป็นที่จะต้องจัดการถอนรากถอนโคนตระกูลเฉิน
หลิงหยุนและเฉินเจี้ยนจื่อต่างก็จ้องหน้ากันและทันใดนั้นร่างสูงใหญ่ของเฉินเจี้ยนจื่อก็พุ่งเข้าใส่หลิงหยุนทันที!
“ฝ่าเท้าฟ้าคำรามฝ่ามือผนึกสวรรค์”
เฉินเจี้ยนจื่อยังคงใช้พลังปราณเป็นเกราะคุ้มกันร่างกายและใช้วิชาฝ่าเท้าฟ้าคำรามก้าวเข้าไปหาหลิงหยุน แต่ละก้าวที่ก้าวออกไปนั้นจะเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว และพื้นดินสะเทือน ในขณะที่มือก็ร่ายรำเพลงฝ่ามือผนึกสวรรค์พุ่งใส่หลิงหยุน!
ในช่วงนาทีแห่งความเป็นความตายนี้เฉินเจี้ยนจื่อจำเป็นต้องใช้วรยุทธทั้งหมดที่ตนร่ำเรียนมา
“ระวังตัวด้วย!”
วรยุทธของเฉินเจี้ยนจื่อนั้นดุดันจนเหล่ากุ่ยถึงกับตกใจเขารีบร้องตะโกนบอกหลิงหยุนทันที
“งั้นรึ!”
หลิงหยุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเขาเดินเข้าไปหาเฉินเจี้ยนจื่อพร้อมกับร่ายรำเพลงหมัดปีศาจเถียนกัง และฝ่ามือสวรรค์ใส่เฉินเจี้ยนจื่อเช่นกัน!
หากเฉินเจี้ยนจื่อคิดจะหนีหลิงหยุนก็จะลงมือสังหารเขาด้วยกระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาวทันที เฉินเจี้ยนจื่อเองก็ไม่ยอมแพ้ และเลือกที่จะสู้กับหลิงหยุนอย่างสุดใจ และนั่นทำให้หลิงหยุนพอใจอย่างมาก
เปรี้ยง..เปรี้ยง..
ท่ามกลางสายฝนที่ซัดสาดและสายฟ้าที่ฟาดลงมานับสิบครั้ง ร่างสูงใหญ่ทั้งสองร่างเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด..
หลิงหยุนเป็นฝ่ายได้เปรียบเขาจึงอาศัยจังหวะที่ได้เปรียบนี้ทำให้จุดตันเถียนของตนเองหมุนกลับ เพื่อจะได้สามารถดูดเอาพลังปราณในร่างกายของเฉินเจี้ยนจื่อในจังหวะที่ปะทะกันได้
ในการต่อสู้ครั้งนี้กำลังภายในของเฉินเจี้ยนจื่อลดกำลังลงกว่าเดิมมากเขาสัมผัสได้ว่ากำลังภายในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 นั้น ได้ลดระดับลงมาอยู่ในระดับกลางแล้ว..
ส่วนหลิงหยุนเองก็สัมผัสได้ว่ากำลังภายในของตนเองนั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก และเวลานี้ดูเหมือนเขาจะสามารถเข้าสู่ขั้นพลังชี่ได้ในอีกไม่นาน..
แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ไม่สามารถสังหารเฉินเจี้ยนจื่อได้ในระเวลาสั้นๆนี้
‘ขั้นเซียงเทียน-8นับว่าแข็งแกร่งมากทีเดียว!’ หลิงหยุนได้แต่แอบตกใจอยู่เงียบๆ
ระหว่างที่ประมือกันนั้นหลิงหยุนได้แอบทดสอบความแข็งแกร่งของเฉินเจี้ยนจื่อ และเปรียบเทียบกับตนเองในหลายๆด้านอยู่เนืองๆ เพื่อที่ว่าจะสามารถเตรียมการให้พร้อมสำหรับการต่อสู้ในวันข้างหน้า
เวลานี้หลิงหยุนได้แอบพินิจพิเคราะห์อยู่ในใจเงียบๆหากเขาไม่มีกระบี่โลหิตแดนใต้ ไม่มีกระบี่มังกรขาว และไม่มีดาบพายุ หรือไม่มีของวิเศษอื่นๆ เขาก็คงทำได้เพียงแค่เสมอกับยอดฝีมือระดับกลางขั้นเซียงเทียน-8 เท่านั้น
กำลังภายในในขั้นเซียงเทียน-8นั้นยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แล้วเช่นนี้ขั้นเซียงเทียน-9 จะแข็งแกร่งเช่นไร!
“จอมยุทธบนโลกใบนี้นับว่าไม่อ่อนแอเลยตรงข้ามกลับแข็งแกร่งอย่างมากด้วยซ้ำไป!”
และนี่คือบทสรุปที่หลิงหยุนได้หลังจากการต่อสู้ในครั้งนี้..
แต่ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็สังเกตเห็นว่าที่หุบเขาด้านบนนั้นมียอดฝีมือมาสมทบอีกหลายคน..
“พวกเจ้ารีบลงไปช่วยพี่สองเร็วเข้า!”เฉินเจี้ยนกุ่ยร้องตะโกนเสียงดังฝ่าสายฝนจนลอยไปเข้าหูหลิงหยุน
ยอดฝีมือตระกูลเฉินมาสมทบอีกมากมาย..
สีหน้าของหลิงหยุนเปลี่ยนไปทันทีและคิดว่าคงจะต่อสู้ต่อไปเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว ใครจะไปรู้ว่าตระกูลเฉินจะส่งใครมาอีกบ้าง และหากผู้ที่มามีฝีมือสูงส่งกว่าเฉินเจียนจื่อ หลิงหยุนคงต้องเป็นฝ่ายถูกสังหารแน่!
“พี่สอง..หมอนั่นมันไม่ใช่คนธรรมดา พวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่า..”
เฉินเจี้ยนกุ่ยไม่กลัวว่าหลิงหยุนจะได้ยินมันบินขึ้นไปบนหุบเขา และมั่นใจว่าลูกธนูของหลิงหยุนนั้นไม่สามารถยิงโดนมันได้ มันร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
หลังจากที่ได้ประมือกับหลิงหยุนหลายต่อหลายครั้งเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ตระหนักว่าชายหนุ่มสวมผ้าคลุมหน้าสีดำผู้นี้คงจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเขา และไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็คงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงหยุนอยู่ดี
เฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นไม่ต่างจากสุนัขจิ้งจอกมันไม่เคยสนใจความเป็นความตายของเหล่าแวมไพร์ แต่นี่เป็นพี่สองของมันเอง และยังเป็นหนึ่งในเสาหลักของตระกูลเฉิน จึงไม่สามารถปล่อยให้เขาเป็นอะไรไปได้
ดังนั้นเป้าหมายของเฉินเจี้ยนกุ่ยจึงต้องเปลี่ยนจากการนำตัวเกาเฉินเฉินกลับไปมาเป็นการช่วยพี่ชายของเขาแทน!
“คุณชายสอง..พวกเรามาช่วยท่านแล้ว!”
ยอดฝีมือทั้งสามคนกระโดดลงมากลางอากาศพุ่งตรงเข้าใส่หลิงหยุนและเฉินเจี้ยนจื่อที่กำลังต่อสู้กันทันที
“พวกเจ้าอย่าเข้ามา..”
เฉินเจี้ยนจื่อนั้นรู้ดีว่าหลิงหยุนเก่งกาจเพียงใดเขารู้ดีว่ายอดฝีมือที่พ่อของเขาส่งมาช่วยนั้นฝีมือยังต่ำเกินไป และไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงหยุน หากพวกเขายังขืนเข้ามาก็จะตายเสียเปล่า..
แต่ถึงแม้เฉินเจี้ยนจื่อจะร้องเตือนก็สายไปแล้วแต่ต่อให้ห้าม นักรบตระกูลเฉินก็ยังต้องเข้ามาช่วยอยู่ดี..
ยอดฝีมือที่เข้ามาสมทบใหม่นั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในรัศมีจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุน เขาจึงแสยะยิ้มออกมาอย่างไม่ยี่หระ..
หลิงหยุนฟาดฝ่ามือสวรรค์ใส่เฉินเจี้ยนจื่อบังคับให้เขาต้องล่าถอยไปอยู่ที่แก่งเชี่ยวด้านหลัง
จากนั้นร่างของหลิงหยุนที่ใช้วิชาเงาลวงตาก็พุ่งขึ้นกลางอากาศ และกวัดแกว่งกระบี่สีดำในมือขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับม่านสีดำ..
“อ๊าก..”
ยอดฝีมือทั้งสิบสามคนที่พุ่งลงมานั้นถูกกระบี่ของหลิงหยุนสังหารตายในทันที พวกมันไม่มีเวลาแม้แต่จะกรีดร้องออกมา ก็ถูกหลิงหยุนพรากวิญญาณออกจากร่างไปเสียแล้ว!
“พี่สอง..ท่านรีบหนีเร็วเข้า!” เฉินเจี้ยนกุ่ยที่อยู่บนหุบเขาก็เอาแต่ร้องตะโกนให้เฉินเจี้ยนจื่อรีบหนีออกมา..
“พี่ของเจ้าหนีไปใหนไม่ได้ทั้งนั้น!”
หลิงหยุนร้องบอกเฉินเจี้ยนกุ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกระบี่ในมือทั้งสองข้างกระโดดกลับเข้าไปหาเฉินเจี้ยนจื่ออีกครั้ง
“เพราะข้าจะส่งเจ้าไปลงนรก!”
หลิงหยุนใช้มังกรคำรามร้องบอกพร้อมกับกวัดแกว่งกระบี่ทั้งสองเล่มเข้าห้ำหั่นเฉินเจี้ยนจื่ออย่างไม่ปราณี ประกอบกับวิชาพลังมังกรที่หลิงหยุนเพิ่มกำลังขึ้นเป็นเจ็ดเท่า ทำให้กระบี่ของหลิงหยุนทั้งรวดเร็วและรุนแรงจนแม้แต่สายฝนก็ไม่อาจรดลงบนตัวกระบี่ได้
“วิชาระฆังทองคุ้มกาย”
การเคลื่อนที่ที่รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ของหลิงหยุนประกอบกับพลังคลื่นเสียงที่รุนแรงของมังกรคำราม ทำให้เฉินเจี้ยนจื่อไม่สามารถรับมือกับกระบี่ในมือของหลิงหยุนที่กระหน่ำลงมาได้ และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบหลีกได้ทัน เฉินเจี้ยนจื่อจึงหงายมือขวาทั้งสองข้างดันขึ้นสู่ท้องฟ้าใช้วิชาระฆังทองคุ้มกายทันที..
ตูม!
ชัวะ!
แต่วิชาระฆังทองคุ้มกายของเฉินเจี้ยนจื่อนั้นก็ไม่สามารถป้องกันกระบี่ของหลิงหยุนได้กระบี่ที่ทรงอานุภาพของหลิงหยุนฟันเข้าใส่กลางหน้าผากของเฉินเจี้ยนจื่อทันที..
“อ๊าก..”
หลังจากที่หายใจไม่ออก..ร่างสูงใหญ่ของเฉินเจี้ยนจื่อก็มีเลือดไหลออกมาเป็นทางยาวจากบนลงล่าง
-ก่อนที่เจ้าจะลงนรก..ข้าจะบอกเจ้าให้รู้ว่าคนที่สังหารเจ้าก็คือนายน้อยสี่แห่งตระกูลหลิงชื่อว่าหลิงหยุน!–
หลิงหยุนส่งกระแสจิตร้องบอกเฉินเจี้ยนจื่อก่อนที่มันจะสิ้นใจตาย..
เลือดของเฉินเจี้ยนจื่อไหลอาบร่างและร่างกายซีกซ้ายและซีกขวาก็ค่อยๆแยกออกจากกัน..
บทที่ 762 : จับเป็น!
เฉินเจี้ยนจื่อ– ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-8 ลูกคนที่สองของเฉินไห่เผิง ถูกหลิงหยุนสังหารด้วยการฟันร่างแยกออกจากกันเป็นสองซีก!
“พี่สอง!”
นักรบตระกูลเฉินอีกสี่คนที่ตามลงมาด้านล่างหุบเขาก็ได้พบกับภาพที่หลิงหยุนสังหารเฉินเจี้ยนจื่อ พวกมันทั้งสี่คนต่างก็กำอาวุธในมือแน่นพร้อมกับร้องตะโกนออกมาพร้อมกัน
“ฆ่ามัน!”
หลิงหยุนไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง..เข็มเงินในมือของเขาพุ่งเข้าใส่ร่างของนักรบตระกูลเฉินทั้งสี่คน และสังหารหนึ่งในนั้นตายทันที ส่วนอีกสามคนโดนเข้าที่จุดสำคัญ พวกมันต่างก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด..
ชัวะ..ชัวะ.. ชัวะ..
หลิงหยุนใช้มังกรพรางร่างพร้อมกระบี่มังกรขาวในมือร่ายรำเพลงกระบี่นวสังหารเข้าใส่นักรบที่เหลือทั้งสามคน
สะบั้นนิมิต– พิชิตไร้เงา – เผาลนจิตใจ
เพียงแค่สามกระบวนท่านักรบตระกูลเฉินที่เหลือทั้งสามคนก็ถูกสังหารตายคาที่..
“พี่สอง!”
เบื้องบนท้องฟ้าเวลานี้..เฉินเจี้ยนกุ่ยถึงกับกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ มันยื่นหน้าลงมาดูที่หุบเขาด้านล่างพร้อมกับตีอกชกหัวด้วยความเสียใจ!
เฉินเจี้ยนจื่อเป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่เก่งกาจที่สุดของตระกูลเฉินแต่เวลานี้กลับถูกหลิงหยุนสังหารตายไปแล้ว!
มันกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน!
ถึงแม้ว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยไม่อยากจะเชื่อแต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็คือความจริง!
เฉินเจี้ยนกุ่ยสยายปีกและรีบบินลงมาที่หุบเขาด้านล่างอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มันจะต้องนำร่างไร้วิญญาณของเฉินเจี้ยนจื่อกลับไปให้ได้..
“เพียร์ซ..เอ็ดเวิร์ด.. พวกเจ้ารีบพาทุกคนออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด!”
หลิงหยุนไม่สนใจเฉินเจี้ยนกุ่ยที่กำลังบินลงมาเขาร้องสั่งเพียร์ซกับเอ็ดเวิร์ดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง..
หลิงหยุนยิ้มมุมปากเล็กน้อยพร้อมกับเรียกกระบี่ทั้งสองเล่มกลับเข้าไปในแหวนพื้นที่จากนั้นจึงใช้มังกรพรางร่างพุ่งเข้าไปทักทายเฉินเจี้ยนกุ่ย..
“คราวนี้ก็ถึงคราวของเจ้าแล้วสินะ..”
หลิงหยุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาร่างสูงสง่าของเขาเข้าไปยืนอยู่ด้านหน้าเฉินเจี้ยนกุ่ยพร้อมกับกำหมัดขึ้นชกใส่ร่างของมันทันที
ปัง!
หลิงหยุนอาศัยโอกาสนี้จับตัวเฉินเจี้ยนกุ่ยเขาต้องการนำร่างของมันกลับไปเพื่อศึกษาหาวิธีช่วยคนในตระกูลเกาที่กลายเป็นแวมไพร์ให้กลับมาเป็นมนุษย์ดังเดิม..
“ข้าจะสู้กับเจ้า!”
เฉินเจี้ยนกุ่ยร้องตะโกนออกมาด้วยความเคียดแค้นมันรวบรวมลมปราณทั้งหมดในร่างกายที่มีอยู่ แล้วพุ่งหมัดทั้งสองโต้ตอบหลิงหยุนกลับไป
เมื่อหมัดทั้งของทั้งคู่ปะทะกันก็เกิดเสียงแกร๊ก.. ขึ้นถึงสองครั้ง และแขนของเฉินเจี้ยนกุ่ยก็หักทันที!
หลิงหยุนได้ใช้วิชาพลังมังกรเพิ่มพละกำลังให้กับตนเองขึ้นเป็นเจ็ดเท่ามีหรือที่เฉินเจี้ยนกุ่ยจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส..
“อ๊าก..”
ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยถูกหลิงหยุนชกจนลอยละลิ่วออกไปไกลถึงสิบกว่าเมตรแต่มันก็รีบกลายร่าง และสยายปีกใหญ่ออก เพื่อหวังนำร่างของเฉินเจี้ยนจื่อกลับไป
หลิงหยุนทำเสียงขึ้นจมูก..และเพียงชั่วพริบตาร่างของเขาก็ไปปรากฏอยู่ด้านหน้าของเฉินเจี้ยนกุ่ยอีกครั้ง พร้อมกับรวบรวมพลังปราณพุ่งออกจากนิ้วจี้จุดของมันไว้!
ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยหยุดนิ่งไปทันทีมันดิ้นรนและพยายามจะขยับปีกเพื่อจะบินหนี แต่เพราะถูกจี้จุดไว้แล้วร่างของมันจึงร่วงลงสู่พื้นดิน
“พี่ชายของเจ้าตายแล้วและเจ้าก็ไม่มีทางหนีไปได้อีก!”
หลิงหยุนหยุดอยู่ข้างกายของเฉินเจี้ยนกุ่ยและจัดการจี้จุดของมันอีกสองสามแห่งเพื่อไม่ให้มันสามารถขยับเขยื้อนได้อีก
ครั้งนี้..หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องแปลงเสียงอีก เขาใช้น้ำเสียงปกติของตนเองพูดกับเฉินเจี้ยนกุ่ย ในเมื่อเฉินเจี้ยนกุ่ยถูกเขาจับได้แล้ว หลิงหยุนจึงไม่จำเป็นต้องอำพรางตัวเองอีก
หลิงหยุนยกมือขึ้นโบกเรียกเพียร์ซให้เข้ามาหาจากนั้นก็เรียกเชือกที่ทำจากผ้าแพรไหมดำออกมาส่งให้เพียร์ซทันที
“จัดการมัดมันไว้แล้วนำตัวมันกลับไปด้วย!”
เหล่ากุ่ยพูดกับหลิงหยุนว่า“นายน้อยสี่.. พวกเราจะทำอย่างไรต่อไป”
“พวกเราแยกย้ายกันออกเป็นสองเส้นทางออกจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยหารือกัน!”
จากนั้น..หลิงหยุนก็ไปกับเกาเฉินเฉินเส้นทางหนึ่ง ส่วนเหล่ากุ่ย เพียร์ซ และเอ็ดเวิริ์ด ก็พาตัวเฉินเจี้ยนกุ่ยแยกย้ายกันออกไปจากหุบเขาแห่งนี้อีกทาง
สำหรับร่างไร้วิญญาณที่กองอยู่บนพื้นนั้นหลิงหยุนไม่จำเป็นต้องจัดการอะไรกับมัน..
หลิงหยุนพาเกาเฉินเฉินออกไปจากหุบเขาตลอดระยะทางไปฝั่งตะวันออกนั้น ต้องผ่านอ่างเก็บน้ำมี่หยิวนซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาจอดรถทิ้งไว้..
เวลานี้..ฝนที่กระหน่ำลงมาก็หยุดลง
“เฉินเฉิน..ขึ้นรถกลับบ้านกันได้แล้ว!”
“อืม..”
ระหว่างทางที่เดินออกมานั้นเกาเฉินเฉินนิ่งเงียบมาตลอดทางจนน่าแปลก เธอไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว
หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้สำรวจไปรอบๆและเมื่อพบว่าในรัศมีของจิตหยั่งรู้ไม่มีอะไรผิดปกติ เขาก็พาเกาเฉินเฉินเข้าไปนั่งในรถ และขับมุ่งหน้ากลับเข้าปักกิ่งทันที
และเมื่อขับออกไปได้ราวเจ็ดหรือแปดกิโลเมตรหลิงหยุนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และเริ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
สีหน้าของหลิงหยุนเวลานี้ซีดเซียวอย่างมาก..
และนี่คือผลจากการใช้วิชาพลังมังกรแม้ว่าวิชามังกรจะเป็นวิชาที่มีอานุภาพ และทรงพลังอย่างมาก แต่ก็มีข้อบกพร่องอยู่บ้าง..
นั่นก็คือ..หลังจากคนผู้นั้นใช้วิชาพลังมังกรไปแล้ว ร่างกายของเขาก็จะอ่อนแอลงทันที อีกทั้งวิชาพลังมังกรนี้ก็จะใช้ได้เพียงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น
เพราะหากสามารถใช้พละกำลังที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวนี้ได้นานหรือตลอดไป ก็คงจะไม่เรียกว่าเป็นวิชาลับ..
แม้หลิงหยุนจะช่ำชองในการใช้วิชาลับเหล่านี้แต่เขาก็ไม่นิยมที่จะใช้วิชาเหล่านี้บ่อยๆ เพราะจะทำให้เกิดความเกียจคร้านที่จะฝึกฝนวิชา
แต่ที่หลิงหยุนจำเป็นต้องใช้ในครั้งนี้ก็เพราะว่าคู่ต่อสู้ของเขาเป็นถึงยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-8 และระดับขั้นกำลังภายในของเขาเองก็ต่ำเกินไป ถึงแม้จะมีของวิเศษในมือมากมาย แต่ก็ยากที่จะสังหารเฉินเจี้ยนจื่อได้
“ดูท่าข้าคงต้องพักอีกสักสองสามวันทีเดียว..”หลิงหยุนคิดอยู่ในใจ
ตั้งแต่หลิงหยุนเดินทางมาที่ปักกิ่งนั้นในช่วงเวลาสั้นๆนี้ เขาก็เข้าสู่สนามต่อสู้มาถึงสามครั้งแล้ว อีกทั้งยังได้สังหารเหล่าแวมไพร์ไปตั้งมากมาย เวลานี้เขาจึงต้องการพักผ่อนอย่างมาก
หลิงหยุนขับรถกลับไปด้วยความเร็วพร้อมกับหันไปถามเกาเฉินเฉินที่ยังคงนิ่งเงียบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“ฝนหยุดตกแล้ว..เฉินเฉินคุณเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงได้นิ่งเงียบไป?”
เกาเฉินเฉินหันไปมองหลิงหยุนหน้าแดงพร้อมตอบกลับไปด้วยความรู้สึกสับสน“ฉันกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่..”
“คุณกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่งั้นเหรอ”หลิงหยุนถามต่อทันที
เกาเฉินเฉินครุ่นคิดมากมายหลายเรื่องแต่หลักๆก็มีอยู่เพียงเรื่องเดียว คือเรื่องความแข็งแกร่งของหลิงหยุนในเวลานี้!
เวลานี้หลิงหยุนแข็งแกร่งอย่างก้าวกระโดดและไปไกลเกินกว่าที่เกาเฉินเฉินจะจินตนาการได้
เกาเฉินเฉินหันไปมองหลิงหยุนดวงตาคู่สวยของเธอจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเขา พร้อมกับพูดขึ้นว่า..
“หลิงหยุน..นายช่วยสอนวรยุทธให้ฉันหน่อยจะได้มั๊ย”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับคิดในใจว่า..‘หากข้าไม่คิดที่สอนวรยุทธให้เจ้า เหตุใดข้าจะเสียเวลาชำระล้างร่างกายให้เจ้าด้วยเล่า’
แต่ก็แสร้างทำเป็นบ่ายเบี่ยงพร้อมกับตอบไปว่า“สอนวรยุทธให้กับคุณงั้นเหรอ คงจะเป็นไปไม่ได้.. เพราะต้องได้รับอนุญาติจากอาจารย์ก่อน!”
“แล้ว..ทำยังไงอาจารย์ของนายจะยินยอมล่ะ”
เกาเฉินเฉินกระตือรือร้นอย่างมากเธอรู้ดีว่าเวลานี้หลิงหยุนแข็งแกร่งมากเพียงใด และช่องว่างระหว่างเธอกับหลิงหยุนก็ค่อยๆห่างขึ้นตามไปด้วย ต่อให้ทั้งคู่มีจิตใจให้กัน แต่ช่องว่างที่เกิดขึ้นนี้ก็จะขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนในวันหนึ่งก็จะแยกเธอกับหลิงหยุนให้ห่างออกจากกัน
พูดง่ายๆก็คือว่าเมื่อเดือนเมษายนนั้น แม้หลิงหยุนจะแข็งแกร่งก็จริง แต่เขาก็เพียงแค่แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาเท่านั้น อีกทั้งเวลานั้นเกาเฉินเฉินเองก็ยังภาคภูมิใจในความงดงามและชาติตระกูลของตนเอง เธอจึงรู้สึกว่าตนเองมีคุณสมบัติที่เสมอกับหลิงหยุน แต่เวลานี้…
เวลานี้เธอกลับต้องเป็นฝ่ายให้หลิงหยุนมาช่วย!
“หลิงหยุน..ฉันได้ยินเหล่ากุ่ยเรียกนายว่านายน้อยสี่!”
หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อพูดถึงฐานะที่แท้จริงของตนเองฐานะที่แท้จริงของเขานั้นคงจะต้องเปิดเผยออกมาอีกในไม่ช้า แต่เวลานี้เกาเฉินเฉินเพิ่งจะถูกช่วยออกมา หากเขาพูดอะไรออกไปมากมายเวลานี้ ก็เกรงว่าเกาเฉินเฉินจะคิดมาก..
“เฉินเฉิน..เรื่องนี้กลับไปแล้วผมจะค่อยๆเล่าให้คุณฟัง แต่ตอนนี้คุณพักผ่อนก่อนดีกว่า หรือไม่ก็ครุ่นคิดเรื่องที่จะไปพบกับครอบครัวก็ได้..”
“อ่อ..ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้คุณฟังมากมาย!”
หลิงหยุนเปิดบทสนทนาทันทีและเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในจิงฉูให้เกาเฉินเฉินฟัง..
“อะไรนะ!พี่เม่ยเฟิงถูกพาตัวไงงั้นเหรอ?”
“ส่วนพี่เม่ยเม่ยก็หายตัวไปด้วย!”
“เจ้าขาวปุย..สุนัขจิ้งจอกกลายร่างเป็นมนุษย์นี่นะ!”
ถึงแม้เรื่องราวจะน่าประหลาดใจเพียงใด..แต่เกาเฉินเฉินก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าหญิงสาวคนอื่นๆมาก เพราะการได้เผชิญหน้ากับแวมไพร์ทำให้เธอสามารถยอมรับเรื่องราวต่างๆได้ในเวลาอันรวดเร็ว
หลังจากที่ผ่านเขตไหวโย๋วมาก็ถึงตัวเมืองปักกิ่งหลิงหยุนก็ขับรถมุ่งหน้าไปทางวงแหวนที่ห้า และตรงกลับไปที่บ้านของตนเองทันที
“เฉินเฉิน..คนตระกูลเการวมทั้งเกาเทียนหลงพี่ชายของคุณ ตอนนี้ทุกคนสบายดี แต่มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น และผมอยากให้คุณทำจิตใจให้ผ่อนคลาย..”
“สิ่งสำคัญที่สุดเวลานี้คือต้องช่วยทุกคนก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องแก้แค้น เราต้องเลือกทำเรื่องที่เร่งด่วนก่อน แต่ผม – หลิงหยุนขอสาบานว่า จะจัดการขุดรากถอนโคนตระกูลเฉินด้วยตัวผมเอง..”
หลิงหยุนเกรงว่าเมื่อเกาเฉินเฉินกลับไปที่บ้านและได้พบกับคนในครอบครัว เธอจะเสียใจจนทนไม่ได้ เขาจึงต้องการบอกเล่าให้เธอได้เตรียมใจไว้ล่วงหน้า
“หลิงหยุน..ฉันรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เจ้าเฉินเจี้ยนกุ่ยชาติชั่วนั่น มันบอกกับฉันทุกวัน!”
“ฉันทำใจได้และเข้าใจดีขอบคุณนายมากหลิงหยุน!”
ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมาเกาเฉินเฉินเองก็ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว แต่ความห่วงใยที่หลิงหยุนมีให้เธอนั้น ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างมาก
“เวลานี้ถังเมิ่งเองก็อยู่ปักกิ่งเดี๋ยวคุณก็จะได้พบกับเขา!”
เมื่อพูดถึงถังเมิ่ง..หลิงหยุนจึงเรียกโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อโทรหา แต่ทันทีที่หยิบโทรศัทพ์มือถือขึ้นมา ทั้งข้อความ และสายที่ไม่ได้รับก็ปรากฏขึ้นมาที่หน้าจอมากมาย
“ทำไมถึงมีข้อความและMiss Call มากมายแบบนี้!”
หลิงหยุนเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อยและรีบกดโทรศัพท์หาถังเมิ่งทันที และเมื่อกดโทรออก เสียงของถังเมิ่งก็ดังขึ้นที่ปลายสายทันทีเช่นกัน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโมโหและกระวนกระวายใจอย่างมาก
“พี่หยุน..เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”