ตอนที่ 19-2 เหล่าสตรีแห่งราชสำนัก

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

สนมที่ได้รับการแต่งตั้งที่ว่านั้นคือการจัดลำดับเหล่าสนมที่องค์จักรพรรดิพึงพอใจ ถือได้ว่าเป็นตำแหน่งของเหล่านางสนมแห่งวังหลัง ขณะนี้ในพระราชวังมีสนมที่ได้รับการแต่งตั้งเพียง 3 คนเท่านั้น ส่วนสนมคนอื่นมียศสูงกว่าซังกุงเพียงหนึ่งตำแหน่ง เชื้อพระวงศ์นั้นนับรวมองค์จักรพรรดิและผู้สืบสายเลือด รวมถึงเหล่าพระชายาเอก พระชายารอง และเหล่าสนมที่ได้รับการแต่งตั้ง ทว่าสำหรับสนมที่ไม่รับการแต่งตั้งนั้นถือว่ามิใช่เชื้อพระวงศ์และไม่สามารถเข้ามายังอุทยานแห่งนี้ได้ 

 

 

กโยซึลไม่ได้สวมเครื่องประดับที่หรูหรา ทว่านางนั้นปักปิ่นมังกรทองที่มีเพียงแค่องค์ฮวังฮูและพระชายาเอกแห่งองค์ฮวางแทจาเท่านั้นที่ปักได้อยู่ แต่ดูเหมือนหญิงสาวคนนี้จะไม่ทันสังเกตุเห็นปิ่นนั้น นางจึงมายืนตรงหน้ากโยซึลและจ้องมองด้วยสายตาดุดันพร้อมกับเอ่ยออกมาเสียงสูงว่า 

 

 

“บนบีกำลังถามเจ้าอยู่มิใช่หรือ เจ้าเป็นใครถึงบังอาจเข้ามาที่อุทยานแห่งนี้! มิรู้หรือว่าที่แห่งนี้มีเพียงเชื้อพระวงศ์และข้าราชการชั้นสูงเท่านั้นที่เข้ามาได้ พวกทหารยามทำอะไรกันอยู่ ถึงได้ปล่อยให้แม่นางคนนี้เข้ามาเดินไปเดินมาตามอำเภอใจได้ ต้องเรียกมาตักเตือนเสียแล้ว” 

 

 

บนบีจะถูกใช้เรียกแทนตัวเองเมื่อกำลังพูดอยู่กับชายาที่มีตำแหน่งต่ำกว่าตนเหมือนกับที่แทนตัวเองว่าเรา นางเรียกแทนตนเองเช่นนี้เห็นทีจะเป็นหญิงชนชั้นสูง กโยซึลที่กำลังตกใจกับหญิงสาวที่พูดรัวเร็วราวกับน้ำตกที่หลั่งไหล พูดออกมาอย่างตะกุกตะกักว่า 

 

 

“ม หม่อมฉัน…” 

 

 

“ช่างไร้มารยาทยิ่งนัก เห็นเราแล้วยังไม่รีบทำความเคารพอีก หรือว่าเพิ่งจะเข้าวังมาได้ไม่นาน จึงยังไม่รู้ธรรมเนียม” 

 

 

กโยซึลที่อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่กำลังจะเอ่ยปากขึ้นแต่ก็ถูกสตรีนางนั้นขัดขึ้นมาเสียก่อน แถมนางยังกวาดสายตาขึ้นลงมองกโยซึลอย่างเย้ยหยัน กโยซึลเพิ่งเคยถูกปฏิบัติเช่นนี้ใส่เป็นครั้งแรกจึงได้แต่ยืนละล้าละลัง ทันใดนั้นหญิงสาวปากแดงก็เบะปากพร้อมกับง้างมือขึ้น  

 

 

กโยซึลตกใจหลับตาแน่นพร้อมก้มหัวลง แต่มือของหญิงสาวที่มุ่งหน้ามายังใบหน้าของกโยซึลก็หยุดลงกลางอากาศเพราะเสียงเสียงหนึ่ง 

 

 

“ทรงกำลังทำอันใดอยู่เพคะ!” 

 

 

กโยซึลที่ได้ยินเสียงที่หยุดมือของหญิงตรงหน้าไว้ลืมตาขึ้นมาเล็กน้อยและมองไปทางเสียงนั้น ตนคิดว่าอาจเป็นคนรู้สึกจึงหมายจะหันไปมอง ทว่าเจ้าของเสียงนั้นกลับเป็นสตรีผู้หนึ่งที่ตนไม่รู้จัก และนางเองก็แต่งกายอย่างหรูหรางดงามเช่นกัน 

 

 

ต่อไปเราเองก็ควรแต่งกายให้สง่างามบ้างดีไหมนะ  

 

 

กโยซึลนั้นที่ผ่านมาแต่งกายอย่างเรียบง่ายมาตลอดเพราะการแต่งตัวในแต่ละครั้งนั้นเต็มไปด้วยความยุ่งยาก แต่การแต่งกายให้สง่างามนั้นเป็นการบอกถึงตำแหน่งของตนและเป็นการทำให้ตนดูสง่าขึ้นเมื่อพบปะกับคนที่ไม่รู้จักด้วย พระราชวังมกกุกนั้นกว้างใหญ่จึงทำให้ผู้คนไม่อาจรู้จักกันได้ทั่วถึง การแต่งกายจึงเป็นตัวแทนแสดงสถานะของผู้สวมใส่ กโยซึลถอนหายใจอย่างขมขื่นเล็กน้อย สตรีผู้ที่ปรากฏตัวเป็นคนที่สองนี้สวมวิกผมที่สูงกว่าสตรีคนแรก และหน้าตาดูมีอายุมากกว่า 

 

 

“ทรงกำลังทำอะไรเพคะ ใช้มือไม้ในพระราชวังอันเข้มงวดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” 

 

 

“บนบีกำลังสั่งสอนนางผู้นี้ที่ไม่รู้จักมารยาทอยู่ สนมซาเชิญเดินไปต่อเถอะเพคะ” 

 

 

“ชายาแทจา โอรัน!” 

 

 

สตรีผู้คนแรกคือพระชายาแทจา โอรัน สตรีผู้คนที่สองคือสนมซา สนมเอกแห่งองค์จักรพรรดิ สนมที่ได้รับการแต่งตั้ง พระชายาเอก และพระชายารองของผู้สืบทอดบัลลังก์นั้นถูกเรียงลำดับด้วยตัวเลข ทว่าพวกนางเหล่าใช้เพียงคำสุภาพพูดคุยกันไม่ใช้คำนำหน้าอย่างคำว่า ‘พระ’ เมื่อเรียกอีกฝ่าย และกับผู้สืบทอดบัลลังก์เองถึงแม้ว่าเหล่าสนมที่ได้รับการแต่งตั้งจะต้องเรียกพวกเขาว่า ‘ฝ่าพระบาท’ และ ‘ฝ่าบาท’ ทว่าพวกเขาเองก็ต้องเรียกพวกนางอย่างสุภาพเช่นเดียวกัน เพราะมกกุกเป็นอาณาจักรที่อำนาจของจักรพรรดินั้นเข้มแข็งมาก การที่สนมได้รับการแต่งตั้งถือว่าได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิ ถึงแม้จะเป็นฮวางแทจาแต่ก็ไม่สามารถเรียกเพียงชื่อของผู้ที่ได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิเฉยๆ ได้  

 

 

กโยซึลที่พอได้รู้ฐานะของเหล่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็คลายความตกใจลง หากเป็นชายาแทจาก็ถือว่ายศต่ำกว่าตน ส่วนสนมซานั้นคือสนมแห่งองค์จักรพรรดิที่ยอมินพูดถึงคราวก่อน หญิงสาวทั้งสองลืมกโยซึลไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งคู่ยืนเผชิญหน้ากันพร้อมกับเริ่มมีปากเสียงกัน 

 

 

“อุทยานดอกไม้เป็นที่ที่ใครจะเข้ามาตามอำเภอใจไม่ได้เพคะ ในเมื่อนางทำผิดธรรมเนียมก็สมควรที่จะได้รับโทษเพคะ” 

 

 

“แต่ก็ไม่ควรใช้มือไม้นะเพคะ” 

 

 

“แต่นางผู้นี้ไร้มารยาท เห็นชายาแทจาอย่างเราแล้วก็ยังไม่ทำความเคารพ นี่คือสิ่งที่บนบีควรทำเพคะ สนมซาอย่าได้เข้ามายุ่งจะดีกว่า อย่าได้สนใจแล้วเชิญไปเดินชมอุทยานเถอะเพคะ” 

 

 

โอรันตะคอกใส่สนมซาที่ดูแล้วอายุมากว่านางประมาณสิบปีได้อย่างรุนแรง นางยังให้ความเคารพอยู่บ้าง ทว่าดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจเท่าไรที่สนมวังหลังอย่าสนมซามาเผชิญหน้ากับตน 

 

 

“ทหารยามเฝ้าอยู่หน้าอุทยานอยู่มิใช่หรือเพคะ คิดว่าพวกเขาจะปล่อยให้ใครเข้ามาง่ายๆ หรือ” 

 

 

“ทรงมิเห็นหน้าของนางที่ค่อนข้างสะสวยนี่หรือเพคะ นางคงจะได้ยินเรื่องของอุทยานเข้าจึงหลอกล่อพวกทหารจนได้เข้ามา” 

 

 

หลังจากที่โอรันชี้ไปที่กโยซึลที่ยืนอยู่เฉยๆ พลันใบหน้าของกโยซึลก็แดงขึ้น ถึงแม้ว่าโอรันจะไม่รู้ว่าตนคือใคร แต่มาพูดกล่าวหากันตามอำเภอใจเช่นนี้ตนก็ไม่พอใจเช่นกัน สนมซาเข้ามาขวางระหว่างกโยซึลและโอรันไว้ 

 

 

“ชายาแทจา มิทรงพูดแรงไปหรือเพคะ! องค์จักรพรรดิจะต้องทรงไม่พอพระทัยเป็นแน่หากรู้ว่าทรงพูดจาเช่นนี้” 

 

 

โอรันที่ได้ยินสนมซาพูดเช่นนั้นก็เชิดหน้าขึ้นแล้วปรายตามองนางพร้อมกันเปิดริมฝีปากแดงชาดนั่น 

 

 

“ทรงจะนำเรื่องไปทูลแก่องค์จักรพรรดิหรือเพคะ บนบีคือมารดาของแทฮวางกุน ผู้ซึ่งอาจจะได้เป็นพระราชนัดดาสืบทอดบัลลังก์ก็เป็นได้ เราคือคนที่อุ้มทองทายาทคนแรกของพระราชวังอันทรงเกียรติแห่งนี้นะเพคะ” 

 

 

“ชะ ช่างโอหังเสียจริงนะเพคะ!” 

 

 

สนมซารู้สึกอึ้งกับคำพูดแสนก้าวร้าวของโอรันจึงเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก กโยซึลที่ไม่อาจทนเห็นท่าทีก้าวร้าวของโอรันได้อีกต่อไปจึงเดินออกมาจากด้านหลังของสนมซา และเอ่ยขึ้นว่า 

 

 

“พอได้แล้วเพคะ” 

 

 

“เจ้าเป็นใครบังอาจเข้ามายุ่ง!” 

 

 

โอรันตะคอกใส่กโยซึล กโยซึลเม้มปากแน่นแล้วจ้องเขม็งไปที่โอรัน ใจของกโยซึลเต้นแรงเนื่องด้วยไม่เคยพบเจอคนที่จองหองได้ถึงเพียงนี้มาก่อน 

 

 

“เราคือชายาฮวางแทจา กโยซึล” 

 

 

โอรันและสนมซาที่เพิ่งได้ฟังกโยซึลเปิดเผยฐานะของตนเอง พลันหน้าซีดเผือดลง