บทที่ 1635 - ชายเสื้อที่พริ้วไหว

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1635 – ชายเสื้อที่พริ้วไหว

 

หยินเทียน เขาจ้องที่ชายคนนั้นตรงข้ามและตะโกน “ แม้ว่าเจ้าจะสามารถทําลายนิกายของข้าลงก็ใช่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้น”

 

ชายที่ถูกเรียกว่าอสูรแห่งดาบยิ้มออกมาและกล่าว“แน่นอนว่าไม่พวกเขาไม่ แต่สิ่งที่ข้าต้องการคือทรัพยากรที่พวกเจ้าครอบครองตะหาก! เหตุผลที่ว่าทําไม ตอนนี้นิกายของเจ้านั้นจึงได้ทรงพลังเช่นนี้ ก็เป็นเพราะความได้เปรียบในทรัพยากรของพวกเจ้า เรารอเวลานี้มานานแล้ว”

 

หยินเรียนรู้ดีถึงสิ่งที่อสูรแห่งดาบกล่าวนั่นคือความจริงสิ่งที่ทําให้นิกายของเขาแข็งแกร่งกว่าใครอื่นๆคือทรัพยากรที่พวกเขามี ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ หรือสมบัติ สิ่งที่พวกเขาครอบครองไว้นั้นนับว่าเป็นสิ่งที่ล้ำค่าในแผ่นดิน ในตอนนี้หยินเทียนรู้สึกเสียใจอย่างมากที่เขาไม่สามารถทําอะไรได้ เขายังต้องใช้เวลากว่าอีกหนึ่งปีในการฟื้นตัวให้สมบูรณ์ เพราะฉะนั้นในตอนนี้เขาไม่สามารถทําอะไรได้เลย

 

ชิงสุ่ยรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้มีอัจฉริยะปรากฏตัวในตระกูลชั้นล่างพวกเขาก็ไม่สามารถเทียบได้กับตระกูลชั้นสูง นั่นเพราะข้อจํากัดในทรัพยากรที่พวกเขามี

 

“ เจ้าความมั่นใจหรือไม่ว่าเจ้าจะสามารถฆ่าเราที่นี่ได้?” เฟิงซี่สงบสติลงและกล่าวออกมาในตอนนี้

 

อสูรดาบ มองที่เฟิงซี่ และยิ้ม ข้ามั่นใจ เราทุกคนก็รู้จักกันดี และข้ารู้ว่าพวกเจ้าใส่ใจอย่างมากกับชื่อเสียงของและรู้ทุกๆอย่างที่เจ้าซ่อนเอาๆไว้ แน่นอนด้วยนิสัยของพวกเจ้าก็ย่อมไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร ดังนั้นข้ามั่นใจว่าวันนี้พวกเจ้าต้องตายอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน”

 

“ เจ้าคิดว่าข้าต้องการความช่วยเหลืออย่างนั้นรึ? เจ้าจะเชื่อหรือไหมถ้าข้าบอกว่าข้าสามารถฆ่าพวกเจ้าทุกคนที่อยู่ที่นี่ได้? “เธอมองไปที่อสูรดาบ ก่อนถามออกมาอีกครั้ง

 

เขาส่าย ส่ายหัวอย่างไม่ตั้งใจ “แม้ว่าเจ้าจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เจ้าก็ไม่ใช่คู่มือของข้า ฮ่าฮ่า ยิ่งตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่? ตอนนี้การฆ่าเจ้าเป็นเรื่องง่ายดายเพียงแค่พลิกฝ่ามือ”

 

แม้ว่าตอนนี้ชิงสุ่ยจะช่วยเสริมพลังให้กับเฟิงซี่ แต่เขาก็สามารถซ่อนมันไว้ไม่ให้อีกฝ่ายตระหนักถึงมัน นี่เป็นกลยุทธที่จะทําให้อีกฝ่ายประมาท

 

เฟิงซี่ส่ายหน้า “เจ้าช่างสามหาวจริงๆ”

 

“ เอาเถอะในเวลาที่เหลืออยู่เจ้าจะกล่าวอะไรก็กล่าวไป เพราะในไม่ช้าพวกเจ้าทั้งหมดจะต้องตาย”

 

“ ท่านป้ายอมให้เขาไปก่อนเถอะ นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้เห็นสุนัขเห่าหอน” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างรวดเร็ว

 

“ เจ้าเด็กสามหาว เจ้าไม่มีสิทธิ์ขัดขวางการสนทนาของเรา หากเจ้าทํามันอีกครั้งและข้าจะสังหารเจ้า” อสูรแห่งดาบมองไปที่ชิงสุ่ยและกล่าว

 

ในอดีตที่ผ่านมาเขานั้นอยู่ภายใต้เงาของหยินเทียนและเฟิงซี่มาโดยตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสแสดงอํานาจข่มเหงคนอื่นๆ ดังนั้นเขาจึงกล่าวออกมาด้วยความสะใจ

 

“ ซิงสุ่ยอย่าได้ใส่ใจเสียงสุนัขเห่าหอนเลย ” ในตอนนี้เฟิงซี่พูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย

 

ในครั้งนี้ชายผู้นี้โกรธเคืองอย่างแท้จริง สิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวก่อนหน้านี้ทําให้เขาโกรธอย่างมาก แต่ตอนนี้เขากับโกรธมากกว่าเพราไม่ใช่แค่โดนดูถูกด้วยคนคุ้นเคย แต่ยังเป็นผู้หญิง ในอดีตเขามักจะมองผู้หญิงต่ำต้อยกว่าเสมอ และใช้พวกเธอเป็นเครื่องสังเวยต้นหา แต่ในเวลานี้เขากับโดนดูถูกจากผู้หญิงที่เขาคิดว่าต่ำต้อยกว่า

 

“ตาย!”

 

เสียงที่ดังสนั่นทําให้ชิงสุ่ยนั้น หยุดนิ่งไปชั่วขณะ เมื่อเขากลับมามีสติเขาพบว่าในตอนนี้ร่างกายของเขาอาบไปด้วยเหงื่อ เวลานี้เฟิงซี่ได้เข้าปะทะกับชายคนนั้นเรียบร้อยแล้ว

 

แม้แต่ชิงสุ่ยก็ไม่คิดเลยว่าเขาจะสามารถต่อกรกับเฟิงซี่ได้ถึงขนาดนี้ ถึงอย่างไรก็ตามในตอนนี้เฟิงซี่ก็ยังไม่เอาจริง ในเวลานี้เธอยกมือขึ้น พลังลึกลับมากมายได้ปรากฏออกมา มันดูคล้ายสายลมสีดําที่พร้อมฉีกกระชากทุกๆอย่าง ขณะนี้มันได้ตรงเข้าใส่อีกฝ่าย ในตอนนี้อสูรแห่งดาบไม่มีทางเลือกใด นอกจากต้องพยายามป้องกันมันเอาไว้

 

นี่คือหนึ่งในทักษะที่เฟิงซี่เชี่ยวชาญ มันมีชื่อว่า วายุโหมกระหนํา ในขณะมองดูท่าทางที่การเคลื่อนไหวที่งดงามของเธอชิงสุ่ยสามารถสัมผัสได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างโลกและสวรรค์

 

มันเป็นทักษะศักดิ์สิทธิ์

 

ในขณะที่ต่อสู้กับ อสูรแห่งดาบ ตระหนักได้ว่าเขาผิด เฟิงซี่ไม่ได้อ่อนแอกว่าตัวเขาเลยแม้แต่น้อย และดูเหมือนว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาความแข็งแกร่งของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน สิ่งที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ก็ คือเธอควรจะสูญเสียความแข็งแกร่งไป 30% เพราะอาการบาดเจ็บ แต่มันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น นอกจากนี้เธอยังแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่าเสียอีก

 

หลังจากการปะทะดาบขนาดใหญ่ได้ปรากฏในมือของอสูรแห่งดาบ มันเป็นดาบขนาดใหญ่ที่ผู้ย้อมด้วยสีแดง กลิ่นอายของมันเต็มไปด้วยกลิ่นคาวของเลือด

 

หลังจากเรียกดาบออกมาเขาก็กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ความเร็วของเขาเร็วกว่าเดิมอย่างมาก เช่นเดียวกับความแข็งแกร่งของเขาที่เพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา ในขณะที่เขากวัดแกว่งดาบยาวในมือของเขา ก่อให้เกิดเสียงโหยหวนราวกับเสียงหมาป่าเห่าหอน

 

เพลงดาบตัดใจ!

 

คลื่นดาบสีดําปนแดงได้ถูกฟาดออกมา แม้แต่ชิงสุ่ยก็สามารถบอกได้ว่ามันอันตรายอย่างมาก มันเต็มไปด้วยความกระหายและโหดเหี้ยม แต่ถึงอย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็สามารถบอกได้ว่านี้เป็นเพลงดีที่ดุชุดหนึ่ง

 

เมื่อเห็นมัน เฟิงซี่ขมวดคิ้วของเธอ ในเวลานี้เธอได้ราบรําอยู่บนท้องฟ้า ก่อให้เกิดสัญลักษณ์มากมายรอบๆตัวของเธอ หลังจากนั้นเธอก็เหวี่ยงแขนของเธอ และใช้สัญลักษณ์เหล่านั้นปิดกั้นคลื่นดาบของอีกฝ่ายเอาไว้

 

ตูมๆ … …

 

เสียงระเบิดดังอย่างต่อเนื่อง แรงสั่นสะเทือนสามารถเขย่าสวรรค์และแผ่นดินโลกให้สั่นสะเทือน เฟิงซี่ก้าวถอยหลังไปไม่กี่ก้าว เช่นเดียวกับอสูรดาบที่ถ่อยไปเพียงก้าวเดียว เขามองที่เธอและกล่าว “ เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอีกต่อไปแล้ว เป็นไงเจ้ารู้สึกสิ้นหวังหรือไม่ ไม่ต้องกังวลข้าจะไม่ฆ่าเจ้าในทันที ข้าจะให้เจ้าค่อยๆดูสามีของเจ้าตายต่อหน้าเจ้า และข้าจะรอฟังเสียงกรีดร้องของเจ้า”

 

เผยรอยยิ้มที่โหดร้ายบนใบหน้าของเขา หลังจากนั้นเขาก็จ้องมองที่ ชิงสุ่ย และกล่าวเด็กน้อยนับว่าเจ้าโชคไม่ดี เจ้าอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขา เป็นการยากที่จะรักษาชีวิตเล็กๆของเจ้าเอาไว้ ข้าจะให้โอกาสเจ้า หากเจ้าทิ้งสาวงามท้องสองในรถไปข้าจะปล่อยเจ้าไป พวกนางงดงามพอที่จะให้กําเนิดบุญของข้า”

 

“ฝ่ายลม แม่ของเจ้าเป็นใครกัน ข้าอยากถามนางจริงๆว่าทําไมถึงให้กําเนิดลูกชายที่สามหาวเช่นนี้ “ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความโมโห

 

ในตอนนี้เขาโมโหอย่างมาก เขาต้องการจัดการกับชิงสุ่ย แต่ถูกหยุดเอาไว้โดยเฟิงซี่ ดังนั้นเขาจึงหันไปมองคนรอบๆและกล่าวว่า “ ไปจับไอเด็กนั้นมาให้ข้า! ข้าต้องการมันทั้งเป็นๆ!”

 

ในเวลานี้ฉินชิงและหลิงเหยียนได้ปรากฏตัวข้างๆเขา ในเวลานี้ภายใต้ความสามารถของชิงสุ่ย ฉินชิง หลิงเหยียน และหยินเทียนได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ในขณะที่พวกเขาได้เรียกสัตว์อสูรออกมา เนื่องจากคนที่อ่อนแอที่สุดของอีกฝ่ายก็ยังอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นบัญชาสวรรค์พินาศ มันจึงทําให้พวกเขาไม่กล้าประมาท

 

ในเวลานี้ฉินชิงและหลิงเหยียนได้เข้าประทะกับคนที่อ่อนแอที่สุด ภายใต้รูปแบบของชิงสุ่ย

 

ในเวลานี้ชิงสุยได้เรียกอสูรอัสนรคลั่งออกมา เช่นเดียวกับอสูรนรกรัตติกาล พวกมันถูกส่งไปอยู่ในตําแหน่งชวนรู ในรูปแบบจัตรูทิศ ทําให้ความสามารถในพลังป้องกันพวกมันเพิ่มขึ้นจนหน้ากลัว แม้แต่ผู้บ่มเพาะในจุดสูงสุดของขั้นบัญชาสวรรค์พินาศก็ไม่สามารถทําอะไรมันได้

 

เช่นเดียวกับหยินเทียน แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะยังไม่กลับมาแต่เขาก็สามารถใช้ทักษะของเขาจํากัดความสามารถของอีกฝ่ายเอาไว้

 

ขณะที่มีชายสองคนตรงเข้ามาทางชิงสุ่ย พวกเขาเป็นผู้บ่มเพาะที่อยู่จุดสูงสุดของขั้นบัญชาสวรรค์พินาศทั้งสิ้น

 

เคล็ดวิชาล่าสังหาร!

 

ในตอนนี้โซ่สามเส้นได้ปรากฏออกมา เส้นแรกตรงเข้าใส่อสูรแห่งดาบ อีกสองเส้นตรงเข้าใส่ชายสองคนที่ตรงมาหาชิงสุยในตอนนี้ ในตอนนี้เมื่อเห็นว่าอสูรแห่งดาบถูกชิงสุ่ยหยุดเอาไว้ เฟิงซี่ไม่รอช้าได้พุ่งเข้าใส่เขา ในไม่ช้าเธอก็สามารถสร้างอาการบาดเจ็บให้เขาได้ แม้ว่าจะไม่ได้บาดเจ็บมากมายนักแต่ มันก็มากพอที่จะทําให้เขากระอักเลือดออกมา

 

เฟิงซี่ไม่ได้แสดงความเมตตาต่อฝ่ายตรงข้ามของเธอเลยแม้แต่น้อย เมื่อเธอมีอํานาจเหนือกว่าในการต่อสู้ การโจมตีที่เธอปลดปล่อยจากมือของเธอเป็นเหมือนแม่น้ำไหลเชี่ยว ในขณะเดียวกันชิงสุ่ยเองก็ได้เริ่มเคลื่อนไหว เขาได้ประสานงานกลับอสูรสยบมังกรของเขาเพื่อรับมือพับชายชราทั้งสอง

 

เมื่อมาถึงตอนนี้พวกเขากับพบความจริงที่ว่าชิงสุ่ยไม่ได้อ่อนแอเลย อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ใช่คู่มือของเขา

 

กรรไกรวิหคเพลิงทองคํา!

 

แรงกดดันที่มหาศาลได้ปรากฏขึ้นทางด้านของฉันชิงอย่างกระทันหัน ทันใดนั้นมีกรรไกรทองคําขนาดมหึมาโผล่ออกมาจากที่นั่น และส่องแสงสีทองไปทั่วท้องฟ้า ทันใดนั้นแสงสีทองอีกเส้นก็ปรากฏขึ้นและพุ่งเข้าใส่ชายชรา ชายชราตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก และพยายามหลบหนีจากมัน

 

น่าเสียดายมีเขาไม่มีโอกาสนั้น ร่างายของเขาถูกตัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและล่วงลงไปที่พื้นในตอนนี้

 

“ ชิงสุ่ยเจ้าไปสู้กับคนทางซ้าย ข้าจะรับมือกับอีกคนเอง “หยินเทียนยิ้มแล้วพูด

 

“ ท่านลุงร่างกายของท่านยังไม่หายดี” ชิงสุ่ยเป็นกังวลเล็กน้อยในตอนนี้

 

“ ไม่ต้องกังวลไป ขยะเช่นนี้ไม่สามารถทําอะไรข้าได้”