เหวินเปียวตอบ จากนั้นเร่งเดินทางโดยรถม้าเป็นเวลานาน จนกระทั่งถึงโรงตีอาวุธแล้วเอ่ยว่า “แม่นาง ในสมัยก่อนที่ข้าเป็นผู้คุ้มกันขบวนขนส่งนั้นได้มาพูดคุยกับเถ้าแก่ของที่นี่อยู่บ่อยๆ อาวุธของสำนักคุ้มภัยก็เป็นสิ่งที่เขาผลิตขึ้นมา ฝีมือนั้นยอดเยี่ยมมาก”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าจากนั้นก็ลงรถม้า
เหวินเปียวจูงบังเ**ยนของม้าเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูแล้วตะโกนขึ้นเสียงดัง “นายช่างหลี่ ออกมาเร็วเข้า มีลูกค้ามาหา”
ชายคนหนึ่งส่งเสียงตอบรับพร้อมกับแหวกม่านประตูออกมา พอเห็นเหวินเปียวแล้วก็อึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็ถามคำถามขึ้นเป็นพรวนด้วยความยินดี “คุณชายเหวินทำไมเป็นท่านได้เล่าขอรับ ท่านกลับเมืองหลวงแล้วหรือ สำนักคุ้มภัยเปิดอีกแล้วอย่างนั้นหรือขอรับ”
เหวินเปียวยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “ข้าถูกตัดสินให้มีฐานะเป็นทาสหลวงแล้ว จะยังเป็นคุณชายได้อย่างไร ต่อไปเจ้าอย่าเรียกข้าเช่นนี้อีก”
ชายผู้นั้นสงสัย ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “ถ้าเช่นนั้นวันนี้ท่าน…”
“อ้อ” เหวินเปียวชี้ไปทางเมิ่งเชี่ยนโยวแล้วกล่าวแนะนำขึ้น “นี่ก็คือแม่นางของพวกเรา นางอยากให้เจ้าผลิตของสักอย่าง”
ชายผู้นั้นพอได้ยินคำเรียกขานก็ดูเหมือนว่าพอจะเข้าใจอะไรบ้าง จึงไม่ได้ถามอะไรขึ้นอีก ประเมินดูเมิ่งเชี่ยนโยวครู่หนึ่งแล้วถามขึ้นอย่างสุภาพ “ไม่ทราบว่าแม่นางต้องการจะให้ผลิตอะไรหรือขอรับ”
“ข้าอยากได้ชุดเข็มเงินที่มีขนาดและความยาวแตกต่างกัน ไม่ทราบว่าเถ้าแก่หลี่จะทำงานนี้ได้หรือไม่”
ผลิตเข็มเงินนั้นเป็นงานฝีมือที่ต้องใช้ความละเอียดประณีตเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังต้องทำตามความประสงค์ของลูกค้าที่ให้ผลิตชุดเข็มเงินที่ไม่เหมือนกันอีก งานนี้ยากยิ่งนัก เสียเวลาไม่น้อย นายช่างหลี่ค่อนข้างลังเลใจ
เหวินเปียวเห็นท่าทางของเขาแล้วก็รู้ว่าเขาค่อนข้างไม่เต็มใจ เอ่ยว่า “นายช่างหลี่ นี่เป็นนายหญิงของข้า เห็นแก่ความสัมพันธ์หลายปีของเรา เจ้าจะต้องช่วยทำงานนี้ให้ได้นะ”
เมิ่งเชี่ยวโยวก็ให้สัญญา “เพียงแค่ท่านผลิตชุดเข็มเงินตามแบบที่ข้าร้องขอ ไม่ว่าจะต้องใช้ตำลึงมากน้อยเพียงใดก็ไม่เป็นปัญหา”
นายช่างหลี่มองหน้าเหวินเปียวสลับกับมองหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวจากนั้นก็ตกปากรับคำในที่สุด “เห็นแก่หน้าของคุณชายเหวินข้าจะผลิตชุดเข็มเงินให้ท่าน ทว่าจำเป็นต้องใช้เวลานานหน่อย ท่านจะต้องทนรอสักระยะ”
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ขอเพียงแค่เจ้าผลิตออกมาได้ จะต้องใช้เวลานานเท่าใดก็ไม่เป็นไร” เมิ่งเชี่ยนโยวรับปาก
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เชิญแม่นางเข้าไปข้างในขอรับ จะได้ร่างแบบเข็มเงินตามแบบที่ท่านต้องการ แล้วเราค่อยมาคุยกันเรื่องราคาอีกครั้ง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า เดินตามนายช่างหลี่เข้าไปในห้อง
กัวเฟยก็เดินตามเข้าไป
เหวินเปียวจูงบังเ**ยนรออยู่ด้านนอก
ภายในห้องนั้นรกรุงรัง มีวัสดุอุปกรณ์วางอยู่หลากหลายชนิดกับของที่ผลิตเสร็จเรียบร้อยแล้ว
นายช่างหลี่พาเมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปยังโต๊ะเรียบๆ ที่สร้างขึ้นอย่างง่ายๆ ตัวหนึ่ง ชี้ไปที่พู่กันกับน้ำหมึกที่วางอยู่บนนั้นแล้วเอ่ยว่า “นี่คือพู่กันกับน้ำหมึก เชิญแม่นางร่างแบบเถิดขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะแล้วหยิบพู่กันขึ้นมาร่างแบบของเข็มเงินลงไปอย่างละเอียด และระบุขนาดของแต่ละจุดอย่างชัดเจน จากนั้นส่งให้กับนายช่างหลี่
เมื่อนายช่างหลี่เห็นแบบเข็มเงินที่นางร่างขึ้นมาแล้วก็ขมวดคิ้ว พูดขึ้นว่า “รูปแบบเข็มเงินที่แม่นางต้องการให้ผลิตนั้นไม่เหมือนกับผู้อื่น อาจจะผลิตขึ้นมายากสักหน่อย เกรงว่าจะต้องใช้เวลามากกว่าเดิมอีกมากโขเลยขอรับ”
สิ่งที่เมิ่งเชี่ยนโยวต้องการก็คือชุดเข็มเงินที่เหมาะมือ จึงไม่ได้เกี่ยงว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไร เอ่ยขึ้นว่า “ถ้าหากข้าต้องการเข็มเงินธรรมดาทั่วไปก็ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าผลิตให้หรอก ไปหาซื้อตามร้านค้าสักชุดก็ได้ ในเมื่อข้าคิดจะผลิตก็ต้องผลิตให้ดีที่สุดสักชุดหนึ่ง เวลาช้าหรือเร็วไม่ใช่ปัญหา เรื่องเงินทองก็มิได้เป็นปัญหาเช่นกัน”
นายช่างหลี่พยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความอีก ทั้งหมดเป็นจำนวนเงินสองร้อยตำลึงขอรับ หลังจากนี้อีกเดือนหนึ่งก็มารับสินค้าได้เลย ข้ารับประกันว่าจะสร้างเข็มเงินตามแบบที่แม่นางวาดในกระดาษแผ่นนี้ไม่ให้มีผิดเพี้ยนเลยขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวล้วงเอาตั๋วเงินใบหนึ่งส่งไปให้ “นี่เป็นตั๋วเงิน เจ้าลองดูก่อน”
นายช่างหลี่ไม่ได้รับมา เอ่ยว่า “แต่ก่อนล้วนต้องผลิตให้เสร็จก่อน เมื่อลูกค้ามารับสินค้าแล้วพึงพอใจจึงค่อยจ่ายเงิน สิ่งที่ท่านต้องการผลิตก็คือเข็มเงิน จำเป็นต้องใช้แร่เงินที่มีความบริสุทธิ์สูงมาหลอมจึงจะผลิตขึ้นมาได้ ท่านเป็นข้อยกเว้น ข้าขอรับจากท่านก่อนยี่สิบตำลึง ส่วนที่เหลือค่อยจ่ายเมื่อท่านมารับสินค้าก็แล้วกัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ฝืนใจ เก็บตั๋วเงินกลับคืนแล้วก็เอาเงินยี่สิบตำลึงให้กับเขา
นายช่างยื่นมือออกไปรับมา
เมิ่งเชี่ยนโยวหมุนตัวเดินออกไปข้างนอก
นายช่างหลี่เดินออกมาส่งนาง มองนางที่นั่งบนรถม้า เหวินเปียวทักทายเขาแล้วก็รีบขึ้นรถม้าไปอย่างนอบน้อม นึกถึงแต่ก่อนที่นายน้อยแห่งหน่วยคุ้มกันเวยหยวนอันมีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหลวงกลับต้องมากลายเป็นสารถี ถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วก็เดินกลับเข้าไปในห้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งให้เหวินเปียวตรงกลับบ้าน แล้วก็เป็นไปตามที่นางคาดเอาไว้ หลังจากที่หวงฝู่อี้เซวียนออกมาจากวังหลวงแล้วก็ตรงมายังบ้านของนาง
คนส่วนใหญ่ต่างก็ออกไปทำงานในร้านกันหมด เหลือแค่เพียงผู้ชายสองคนที่เมิ่งเชี่ยนโยวเกือบจะรักษาหายดีแล้วเฝ้าบ้านอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ เห็นหวงฝู่อี้เซวียนกับหวงฝู่อี้มาก็ให้พวกเขาเข้าไปข้างในทันที
ตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาถึงบ้านนั้นหวงฝู่อี้เซวียนกำลังนั่งบนเก้าอี้อยู่ในห้องต้องสีหน้าไม่ค่อยดี
เห็นนางเดินเข้ามาแล้วหวงฝู่อี้รีบเก็บอาการทันที
ทว่าเมิ่งเชี่ยนโยวก็ยังเห็นสีหน้าของเขาเมื่อครู่นี้อยู่ดี เดาว่าจะต้องเกี่ยวของกับตัวเองเป็นแน่ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ยิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “วันนี้เจ้าไม่มาข้าจึงรู้สึกเบื่อ พอทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้วก็ได้ไปเยี่ยมเหวินซื่อมา เป็นอย่างที่เจ้าว่าไว้จริงๆ เขาเปลี่ยนไปไม่น้อยเลย”
หวงฝู่อี้เซวียนพูดว่า “อืม” ขึ้นมาเบาๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเขา มองหน้าเขานิ่งๆ
หวงฝู่อี้เซวียนอ้ำอึ้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้นว่า “พูดมาเถอะ วันนี้เสด็จย่าของเจ้าพูดอะไรกับเจ้าอีก เจ้าถึงได้ไม่สบายใจถึงเพียงนี้”
หวงฝู่อี้เซวียนเม้มปาก แต่ก็ยังไม่พูดออกมา เพียงแต่มองนางเงียบๆ พูดขึ้นว่า “ไม่ว่าจะอย่างไรงานแต่งของข้ากับคุณหนูจวนราชเลขาข้าจะต้องยกเลิกอย่างแน่นอน เจ้ารออย่างสบายใจก็เพียงพอแล้ว เรื่องอื่นเจ้ามิต้องใส่ใจ”
คิดว่าคงจะพูดเรื่องที่ไม่ดีของตัวเองกระมัง เห็นเขาไม่พูดอะไรเมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้ถามขึ้นอีก แล้วจึงเปลี่ยนประเด็น “วันนี้ข้ายังได้พบกับฮูหยินเหวิน นางเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมามาก ไม่เสแสร้งกิริยาวาจาให้เกินควร เราคุยกันได้อย่างถูกคอเลย”
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้าเห็นด้วย
ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกสักพักก็เป็นเวลาค่ำแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนกับหวงฝู่อี้จึงกลับบ้านไป
ผ่านไปสองวัน ร้านค้าจัดเก็บอย่างเรียบร้อยทั้งหมด คิดว่าคนที่บ้านพอได้รับจดหมายแล้วก็ก็คงส่งคนมาโดยเร็ว เมิ่งเซี่ยนโยวไม่ได้ออกไปไหนรออยู่แต่ในบ้าน
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ใกล้เที่ยงของวันนี้ก็มีคนเฝ้าประตูเข้ามารายงานอย่างร้อนรนว่า “นายหญิงขอรับ ข้างนอกมีรถม้ามาหลายคัน บอกว่ามาจากบ้านเก่าของท่าน มาส่งของขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น เดินออกไปข้างนอกอย่างรีบร้อน กัวเฟยกับเหวินเปียวและคนอื่นๆ ต่างก็ได้ข่าวคราวกันแล้ว เดินออกมาก่อนนางแล้ว กำลังทักทายกับผู้ที่มาอย่างยินดี
พอนางเดินออกมาจากประตูเมิ่งอี้ก็มองเห็นนาง ทักทายนางด้วยความดีใจ “น้องโยวเอ๋อร์ ข้ามาแล้ว”
มองเห็นว่าเมิ่งอี้เดินทางมาแล้วจริงๆ เมิ่งเชี่ยนโยวก็ดีใจไม่น้อย จึงรีบสาวเท้าเดินไปหา คิดว่าจะเดินเข้าไปทักทายกับเมิ่งอี้ใกล้ๆ พลันก็ร่างหนึ่งโผล่มาจากด้านข้างเข้ามาบังข้างหน้าของนางพร้อมเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “พี่สาวโยวเอ๋อร์ข้าก็มาแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนอี้หยุดลงทันที จ้องมองเขม็ง ถามขึ้นด้วยความดีอกดีใจ “เหลียงไฉเจ้าก็มาด้วยหรือนี่”
ซุนเหลียงไฉหัวเราะแหะแหะกับนาง ถามขึ้นอย่างภาคภูมิใจว่า “คิดไม่ถึงว่าข้าจะมาล่ะสิ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “คิดไม่ถึงจริงๆ หากไม่รู้สึกถึงลมหายใจอันคุ้นเคยของเจ้าเมื่อครู่นี้ข้าก็คงเตะไปแล้ว”
ซุนเหลียงไฉสะอึก ท่าทีตกตะลึง
เมิ่งอี้ กัวเฟย เหวินเปียวและคนอื่นต่างก็หัวเราะเสียงดังเฮฮา
ซุนเหลียงไฉรู้สึกตัว บ่นอุบอิบ “เสียแรงที่ข้าเป็นห่วงว่าเจ้าจะถูกรังแกในเมืองหลวงไหม ถ้ารู้แต่แรกว่าเจ้าไม่มีน้ำใจเช่นนี้ข้าก็ไม่มาแล้ว”
ทุกคนต่างก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากที่เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะแล้วก็ตีหน้าขรึมอย่างเป็นงานเป็นการ “ข้าสบายดีทุกอย่าง ขอบพระคุณนายน้อยซุนที่เป็นห่วงเป็นใย ประเดี๋ยวข้าจะลงครัวทำอาหารอร่อยๆ ให้เจ้า ขอบใจเจ้ามากนะ”
ซุนเหลียงไฉพึงพอใจ เงยหน้าขึ้นมามองทุกอย่างอย่างลำพองใจ พูดขึ้นอย่างไว้ตัวว่า “นี่ก็พอได้อยู่”
เห็นท่าทางตลกของเขาเช่นนี้ทุกคนก็ยิ่งหัวเราะเสียงดังขึ้นกว่าเดิม