เธอยังเด็ก แต่ประโยคนี้ก็พอที่จะเข้าใจ ไม่นานน้ำตาก็ไหลลงมา “หม่ามี๊ นั่นคือแฟนใหม่ของแด๊ดดี้หรอคะ?”
เชอร์รีนไม่พูดอะไร เธอเพียงแค่กอดซารางไว้แน่น ดวงตาเธอฉายแววเป็นประกาย เจ้าเล่ห์ราวกับสุนัขจิ้งจอก
ทั้งสองหันหลังให้กัน กนกอรไม่เห็นสีหน้าของเธอ เห็นเพียงแค่น้ำตาของซาราง เธอก็รู้สึกว่าอึดอัดหัวใจ…
ซารางเป็นหลานที่เธอเห็นมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ซารางร้องไห้น้ำมูกไหล คนเป็นยายอย่างเธอเห็นแล้วย่อมต้องปวดใจ
“หม่ามี๊ แด๊ดดี้ไม่ต้องการหนูแล้วใช่ไหมคะ? แด๊ดดี้จะมีลูกกับแฟนใหม่ไหม แล้วไม่ต้องหนูอีกแล้วรึเปล่า?” เธอร้องไห้อย่างเศร้าสร้อยสะอื้นไม่หยุด
“ซารางเด็กดี อีกหน่อยแด๊ดดี้ก็ต้องมีชีวิตใหม่ แต่ว่าเขาก็ยังเป็นแด๊ดดี้ของหนูอยู่นี่คะ” เธออุ้มซารางขึ้นมานั่งข้างหน้าต่าง
น้ำตาซารางหยดลงเหมือนลูกปัดที่ด้ายขาด ร่วงหล่นลงมาอย่างต่อเนื่อง ตาของซารางบวมแดง สะอื้นไห้ “แด๊ดดี้ยังมีลูกอีกใช่ไหมคะ?”
เชอร์รีนไม่ตอบ แต่ตบหลังซารางเบาๆเพื่อเกลี้ยกล่อมเธอ
เธอร้องไห้อยู่นาน น้ำตาเต็มใบหน้าเล็กๆ เธอร้องไห้ราวกับจะกำลังจะขาดใจตาย ทำให้คนที่เห็นอดรู้สึกปวดใจไม่ได้ หลังจากที่ตบหลังและเกลี้ยกล่อมติดต่อกัน สุดท้ายก็ถูกเกลี้ยกล่อมจนหลับไป ข้างๆมีเตียงผู้ป่วยอีกหลัง เชอร์รีนจึงเดินไปวางซารางไว้บนเตียง
กนกอรเฝ้าดูอย่างเงียบๆไม่พูดอะไร เชอร์รีนถักเสื้อกันหนาวอย่างเงียบๆราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ห้องพักผู้ป่วยเงียบมาก ไม่มีใครเปิดปากพูด ความเงียบเข้าครอบงำ
จากนั้นคุณหมอก็เข้ามาตรวจร่างกาย สั่งให้เคลื่อนไหวไปรอบๆ สูดอากาศบริสุทธิ์
ซารางตื่นขึ้นมาแล้ว เธอไม่พูดอะไร แต่ยังคงนิ่ง เชอร์รีนพยุงกนกอรด้วยมือข้างหนึ่งและจูงซารางด้วยมืออีกข้างเดินออกจากห้องพักผู้ป่วย
เดิมทีห้องพักผู้ป่วยนั้นเป็นห้องพักผู้ป่วยทั่วไป แต่ออกัสได้ทักจึงได้ย้ายไปที่ห้อง VIP ที่สภาพแวดล้อมดีมาก เงียบมาก ไม่อึกทึก เหมาะสำหรับการพักฟื้น
“แด๊ดดี้!” ทันใดนั้นดวงตาของซารางก็เป็นประกาย ตะโกนด้วยเสียงที่ชัดเจน จากนั้นสะบัดมือออกจากมือของเชอร์รีน แล้ววิ่งไปข้างหน้า
เชอร์รีนตกตะลึง แล้วเงยหน้าขึ้นมอง
ออกัสสวมเสื้อคลุมสีดำคู่กับเสื้อเชิ้ตสีเทาอยู่ข้างใน กางเกงสูทเผยให้เห็นขาที่สง่างามและแข็งแรงอย่างเต็มที่
ในตอนนี้ร่างสูงย่อตัวลงเล็กน้อย สองแขนกางออก ให้ซารางพุ่งตัวเข้าไปในอ้อมแขนแล้วอุ้มเธอขึ้น
หญิงสาวคนนั้นยังคงยืนอยู่ข้างเขา เชอร์รีนเพิ่งเห็นใบหน้าของหญิงสาวได้อย่างชัดเจนในตอนนี้ เธอไร้เดียงสา สวย แล้วยังค่อนข้างขี้อาย
หัวใจของเธอถูกบีบคั้น…
มือเล็กๆสองข้างโอบรอบคอของออกัส ขอบตาของซารางเปียก ไม่รู้จะพูดอะไร ออกัสตบใบหน้าเล็กๆของเธอเบาๆราวกับกำลังหยอกล้อ
สุดท้ายเขายื่นซารางให้กับหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเขา แต่ซารางปฏิเสธ สองขาถีบไปมา งอแง ราวกับจะร่วงลงมา
“เด็กดี แด๊ดดี้แค่จะไปพูดไม่กี่คำ…” น้ำเสียงเขาอ่อนโยน เขาตบก้นเล็กๆของเธอเบาๆ แล้วมองไปที่หญิงสาว “ทานข้าวเย็นมาหรือยัง?”
หญิงสาวส่ายหน้า แก้มของเธอแดงเล็กน้อย แล้วรีบพูดขึ้นว่า “ฉันไม่หิวค่ะ”
แต่ท้องดูเหมือนจะจงใจขัดกับเธอ พอพูดจบท้องก็ร้องขึ้น หญิงสาวก็เขินทันที ใบหน้าเธอแดงเข้มยิ่งขึ้น
ระยะห่างระหว่างพวกเขาไม่ไกลกันมาก ดังนั้นตอนที่ออกัสเอ่ยปากบอกว่าเขาจะพาเธอไปทานอาหารเย็นนั้น เชอร์รีนได้ยินอย่างชัดเจน
คอเธอเหมือนมีก้างปลาติดอยู่ อารมณ์ไม่ดีเอามากๆ
ขายาวของออกัสขยับ ในที่สุดออกัสก็เดินเข้ามา ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสอง พอได้ยิน “ตุบ” โทรศัพท์ของเขาก็ตกลงไปที่พื้น
เชอร์รีนโค้งตัวก้มลงเก็บแล้วยื่นให้เขาตามสัญชาตญาณ
“ขอบคุณครับ” เขาขอบคุณเธออย่างสุภาพ เย็นชา แปลกหน้าผิดปกติ
เธอหายใจสูดอากาศเข้าอย่างปวดใจแล้วส่ายหน้า “ไม่เป็นไร”
จากนั้นเขาก็ไม่มองเธออีก สายตาหันไปทางกนกอร แล้วทักทายอย่างสุภาพ “คุณป้า สุขภาพเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
ดวงตาของกนกอรกวาดสายตามองหญิงสาว จากนั้นก็มองออกัส สุดท้ายก็มองมาที่เชอร์รีน ไม่รู้โกรธมาจากไหน “ตายไม่ลง!”
“รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ผมจะส่งซารางกลับหลังจากพาเธอไปทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว” ออกัสก็พูดเบาๆอย่างไม่ใส่ใจ
เชอร์รีนยังคงไม่พูดอะไร แต่กนกอรไม่พอใจ “ซารางกินข้าวเย็นมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องกินอีก ไม่รบกวนล่ะ”
พอเสียงฝั่งนี้ลดลง เสียงฝั่งซารางก็ร้องออกมาว่า “หนูอยากไปกินอาหารเย็นกับแด๊ดดี้ หนูอยากอยู่กับแด๊ดดี้! หนูหิวแล้ว!”
กนกอรโดนหักหน้าเร็วมาก สีหน้าของกนกอรอึดอัด แต่คนที่หักหน้ากลับเป็นหลานสาวของเธอเอง เธอจะทำอะไรได้?
“ผมจะพาเธอมาส่งกลับอย่างปลอดภัย คุณทำธุระ…” หลังจากกล่าวทักทายแล้วออกัสก็หันหลังกลับเดินเคียงข้างหญิงสาวไป
ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่เหลียวหลังกลับมาเลย ไม่แม้แต่จะเหลือบมองราวกับเป็นคนแปลกหน้าจริงๆ เพียงแต่ขณะกำลังจะออกจากห้องพักผู้ป่วย ฝีเท้าของเขาก็ดูเหมือนจะหยุดลง
หากมองเพียงด้านหลัง คนที่ไม่รู้ก็อาจนึกว่าเป็นครอบครัวสามคนที่มีความสุข…
“แกเป็นอะไรไป? ทำไมไม่เอ่ยปากห้ามไว้ นั่นมันลูกสาวแกนะ จะปล่อยให้เขาพาไปแบบนี้หรอ?” แถมยังไปกับผู้หญิงคนอื่น…
กนกอรไม่ได้พูดประโยคหลังออกมา เชอร์รีนเก็บสายตาแล้วพูดเบาๆ “นั่นก็เป็นลูกสาวของเขาเหมือนกัน เขามีสิทธิ์ที่จะมาเยี่ยมซาราง”
ประโยคนี้ทำให้กนกอรพูดไม่ออก เขาเป็นพ่อของเด็ก การมาหาเด็กสักพักก็เข้าใจได้
“แต่ว่าตอนนี้ดึกแล้วยังจะไปกินข้าวเย็นอะไรอีก แกโทรบอกเขาตอนนี้เลยนะ บอกว่าระบบย่อยอาหารของซารางไม่ค่อยดี ให้เขารีบพาซารางกลับมาส่ง!”
พอนึกถึงฉากที่จากไป ในใจกนกอรก็อดรู้สึกโกรธไม่ได้
“เขาเป็นแด๊ดดี้ของซาราง ถึงแม้ว่าวันนี้จะข้าวเย็น อีกหน่อยจากนี้ก็ต้องมีวันที่ต้องกินอะไรด้วยกันอยู่ดี ก็ให้ซารางทำความคุ้นชินล่วงหน้าละกัน” เธอกล่าว
กนกอรขมวดคิ้วสูงแล้วส่งเสียงอย่างเย็นชา “พวกแกเพิ่งจะเลิกกันไม่ทันไร เขาก็ได้พบบ้านหลังต่อไปแล้ว”
“ระหว่างพวกเราไม่มีเกี่ยวข้องกันแล้ว ต่อไปเขาก็ต้องแต่งงานมีลูก ก็เป็นเรื่องปกตินี่คะ พวกเราไปยืดเส้นยืดสายกันเถอะค่ะ คุณหมอบอกว่าช่วงนี้ร่างกายของแม่ไม่ค่อยดีนัก…”
สุดท้ายกนกอรก็ถูกเชอร์รีนพยุงบังคับเดินไปข้างหน้า
ขณะเดินผ่านทางเดิน ยังได้ยินเสียงเธองอแงเสียงดัง “ฉันสบายดี ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกาย กลับห้องเถอะ ฉันอยากพักผ่อนแล้ว!”
หลังจากเดินออกไปข้างนอกเกือบครึ่งชั่วโมง เชอร์รีนก็พาเธอกลับ กนกอรกวาดตามองห้องแล้วพูดออกมาตรงๆว่า “โทรหาเขาสิ ให้เขาพาซารางกลับมาได้แล้ว”
ไปกับผู้หญิงแปลกหน้า กลับพาหลานสาวแท้ๆของเธอไปด้วย ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ
เชอร์รีนหยิบน้ำอุ่นขึ้นมาแล้วพูดเบาๆว่า “รบกวนคนอื่นไม่ดีนะคะ”
“แกไม่โทรฉันโทรเอง!” กนกอรขมวดคิ้วสูง
จนกระทั่งเชอร์รีนยื่นโทรศัพท์ให้กนกอรตรงหน้า แล้วหันหลังเข้าห้องน้ำไป เธอมองดูโทรศัพท์ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกนกอรก็โยนทิ้งอีกครั้ง
ขณะที่เชอร์รีนกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ ซารางก็ถูกส่งกลับมา แต่ว่าเป็นผู้หญิงคนนั้นที่เป็นคนส่งเธอกลับมา
ใบหน้าหญิงสาวประดับด้วยรอยยิ้ม ในมือถือของขวัญ ของขวัญระดับไฮเอนด์ แล้วยังอุ้มซาราง เอ่ยปากเรียกป้าอย่างเป็นกันเอง