บทที่ 520 เสด็จอาเก้า เก็บข้าวของแล้วกลับไปได้แล้ว

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 520 เสด็จอาเก้า เก็บข้าวของแล้วกลับไปได้แล้ว
เซี่ยซานและหวังชีถึงกับทำหน้าไม่ถูก เห็นตี๋ตงหมิงวิ่งออกไปเช่นนั้นแล้วคนที่ไม่รู้เรื่องก็คงจะนึกว่ามีสุนัขบ้าวิ่งไล่ตามหลังเขา ช่างเถอะ เสด็จอาเก้าดุยิ่งกว่าสุนัขบ้าเป็นไหนๆ การที่ต้องเผชิญหน้ากับเสด็จอาเก้า ตี๋ตงหมิงวิ่งหนีก็เป็นเรื่องปกติ

เซี่ยซานและหวังชีเลิกทำหน้าสงสารตี๋ตงหมิง ทั้งสองมองไปที่เจ้าของเรื่อง ก็เห็นเสด็จอาเก้ายังคงนั่งอยู่เช่นเดิม เขานั่งหน้านิ่ง โดยมิได้ชายตามองตี๋ตงหมิงแม้แต่น้อย ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เซี่ยซานและหวังชีพยักหน้า สิ่งที่ตี๋ตงหมิงพูดมาเป็นเรื่องจริง เสด็จอาเก้าหน้านิ่งเหลือเกิน แถมยังเดาใจยากอีกต่างหาก

ทั้งสองมองหน้ากันพลางกัดฟัน หากต้องเลือกระหว่างปกป้องชื่อเสียงและความบริสุทธิ์ของเฟิ่งชิงเฉิน กับการไม่เดินตามรอยตี๋ตงหมิง ทั้งสองเลือกอย่างหลัง จึงค่อยๆขอตัวกลับออกไป

โชคดีที่คำพูดตี๋ตงหมิงไม่มีสิ่งใดที่พาดพิงจนทำให้พวกเขาเดือดร้อน ทำให้พวกเขาเดินออกไปได้อย่างปลอดภัย

เมื่อพวกเขาก้าวเท้าออกมาจากเรือนเล็กซีชวีแล้ว หวังชีก็หันหลังกลับไปมองประตูที่เพิ่งปิดสนิท

พี่ใหญ่ ข้าขอโทษนะ แต่ข้าคงต่อกรกับเสด็จอาเก้าไม่ไหวจริงๆ เขาเก่งกาจมาก คงมีเพียงท่านที่สามารถต่อกรกับเขาได้ พี่ใหญ่ ท่านรีบกลับมาเถอะนะ หากท่านยังไม่กลับมา เฟิ่งชิงเฉินคงต้องกลายเป็นของคนอื่นแล้ว แล้วตอนนั้นต่อให้ท่านเอาชนะอุปสรรคทุกด่านเพื่อไปขอนางแต่งงานได้ นางก็ไม่สามารถแต่งงานกับท่านได้แล้วล่ะ

หวังจิ่นหลิงที่หวังชีเฝ้านึกถึง ตอนนี้เขากำลังถูกตามฆ่า เขากำลังซ่อนตัวอยู่ในเขา โดยได้รับการดูแลจากผู้คุ้มกัน คุณชายตระกูลใหญ่ก็ยังคงเป็นคุณชายตระกูลใหญ่ ต่อให้จะถูกคนตามฆ่า ต่อให้ต้องหนีอย่างหัวซุกหัวซุนก็ยังคงความสง่างามอยู่เสมอ แต่น่าเสียดายที่ความสง่างามนั้นถูกซ่อนอยู่ในเขา หามีผู้ใดได้ชื่นชม……

เมื่อตี๋ตงหมิง เซี่ยซาน และหวังชีออกไปแล้ว เสด็จอาเก้าผู้ที่หน้านิ่งและเดาใจยากก็พลันเปลี่ยนสีหน้า ซึ่งก็เป็นเพราะเฟิ่งชิงเฉิน “เสด็จอาเก้า ท่านซื่อจื่อก็พูดถูกนะ ท่านอยู่กับข้ามานานแล้ว อาการของท่านก็หายดีแล้ว ท่านไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องอยู่ที่นี่ต่อไปอีก ท่านควรกลับจวนอ๋องเก้าได้แล้วนะ เดี๋ยวตอนบ่าย ข้าจะให้ซือสิง ทงจือ และทงเหยามาช่วยท่านเก็บข้าวของ จะได้ไม่มีสิ่งใดตกหล่นจนท่านต้องย้อนกลับมาเก็บอีกอย่างไรล่ะ”

คำพูดประโยคนี้ไม่ให้โอกาสเสด็จอาเก้าได้ปฏิเสธเลย แถมยังชี้ชัดว่าบ่ายวันนี้ต้องไปแล้ว

หลังจากที่ใจหายไปพักหนึ่ง เสด็จอาเก้าก็นิ่งเฉย หลังจากนั้นเขาก็เอ่ยถามนางว่า “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าจะไล่ข้ากลับไปหรือ?”

“ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ท่านเป็นถึงท่านอ๋อง จะให้มาอยู่ในที่แบบนี้คงไม่สะดวกสบายนัก อีกอย่างหากท่านอยู่ที่นี่ต่อไป ข้าเองก็ไม่สะดวกเหมือนกันนะ” หลังการแข่งขันสิ้นสุดลง นางก็จะเริ่มรักษาชุยห้าวถิง

อาการของชุยห้าวถิง จะต้องหาไขกระดูกที่เข้ากัน โดยทั่วไปแล้ว ในหมู่เครือญาติจะมีโอกาสเจอสูง เมื่อถึงตอนนั้นนางก็จะยุ่งมาก เมื่อนางยุ่งมากๆ ก็มักจะแพร่งพรายความลับของตัวเองอยู่บ่อยๆ

เสด็จอาเก้าถึงกับเส้นเลือดนูนโป่ง เขาสะกดความอึดอัดใจได้อย่างยากลำบาก เขาบอกตัวเองว่าการที่เฟิ่งชิงเฉินคิดเช่นนี้มันก็ถูกต้องแล้ว เพราะเขากับนางยังไม่ลงตัวกัน

เจ้าความไม่ลงตัวที่ร้ายกาจ มันทำให้เขาอยากแต่งงานกับเฟิ่งชิงเฉินเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ทว่า……มันไม่ได้น่ะสิ

“เฟิ่งชิงเฉิน ไม่สะดวกงั้นหรือ? เจ้ายังมีเรื่องใดที่ต้องทำลับหลังข้าอีกหรือ” ปัง……เสด็จอาเก้าตบโต๊ะเสียงดังลั่น จนโต๊ะที่ทำมาจากไม้มีส่วนที่แตกเป็นเศษเล็กเศษน้อย

เฟิ่งชิงเฉินถอยหลังไปด้วยอาการตกตะลึง แววตาของนางเต็มไปด้วยความกลัว

เสด็จอาเก้าก็มีด้านที่ใช้ความรุนแรงเช่นนี้ด้วยหรือนี่ นางนึกว่าเสด็จอาเก้าจะดุเดือดเฉพาะบนเตียงเท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่า……นางจะมีความสามารถพิเศษที่ทำให้เสด็จอาเก้าหัวฟัดหัวเหวี่ยงถึงเพียงนี้

มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ!

ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อเห็นเสด็จอาเก้าเป็นเช่นนี้แล้ว เฟิ่งชิงเฉินพลันแอบสะใจอยู่คนเดียว

ความคิดเฟิ่งชิงเฉินโลดแล่น เมื่อนางเห็นมือขวาเสด็จอาเก้าบาดเจ็บ นางก็เก็บอาการสะใจไว้ แล้วจึงถามเขาว่า “เสด็จอาเก้า เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“ก็เป็นน่ะสิ ข้าเจ็บมือ ต้องอยู่รักษาตัวที่นี่ต่อ เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามีปัญหาหรือเปล่าล่ะ?” เสด็จอาเก้าชูมือขวาที่มีเลือดไหลออกมา ดูท่าแล้วเสด็จอาเก้าคงเจ็บไม่น้อยเลย

นี่เป็นการข่มขู่

เฟิ่งชิงเฉินรีบกลืนน้ำลายในทันที ความสะใจเมื่อครู่นี้ได้มลายหายไปแล้ว สิ่งที่เสด็จอาเก้าทำช่างน่ากลัวเหลือเกิน แต่ว่า……นางจะต้องยืนกรานในความคิดของตัวเอง จะยอมก้มหัวให้อำนาจไม่ได้

เฟิ่งชิงเฉินเมินหน้าหนีไปทางอื่น “ข้ามีปัญหา”

“ข้าขอคัดค้าน” เสด็จอาเก้าชูมือขวาขึ้นมาด้วยท่าทางหงุดหงิด

ให้ตายสิ เมื่อครู่นี้น่าจะใช้มือซ้าย มือขวายังเจ็บอยู่ แม้แต่การเขียนหนังสือก็กลายเป็นปัญหา
“ข้าไม่ให้ท่านคัดค้าน เสด็จอาเก้า ข้าพูดจริงๆนะ การที่ท่านอยู่ที่นี่ทำให้ข้าไม่สะดวกจริงๆ อีกสองวัน ข้าจะเริ่มทำการรักษาชุยห้าวถิงแล้ว หมอเทวดาท่านเองคงรู้ดี ข้ากลัวว่าเขาจะเล่นอะไรแผลงๆ ข้าเองก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย” เฟิ่งชิงเฉินรีบอธิบายให้เขาฟัง ท่าทางของนางตอนพูดถึงอาการป่วยของชุยห้าวถิง ดูเหมือนนางมีบางอย่างแอบแฝง

เสด็จอาเก้านั่งเงียบ เขามองดูมือขวาเฟิ่งชิงเฉินอยู่พักหนึ่ง แล้วหันไปมองทางอื่นก่อนที่เฟิ่งชิงเฉินจะรู้ตัว

หากหมอเทวดาอยู่ที่นี่ ความลับในมือเฟิ่งชิงเฉินก็อาจรั่วไหลออกมาได้ แต่ถ้าหากให้เขาเป็นฝ่ายไป เขาก็ไม่ยินยอม เขาอยากทำให้ทุกอย่างลงตัว แต่มันเป็นเรื่องง่ายๆหรือ? การกลับไปครั้งนี้ หากเขาจะกลับมาที่นี่อีกครั้งก็อาจทำไม่ได้แล้ว

แล้วจู่ๆเสด็จอาเก้าก็นึกเกลียดหมอเทวดาขึ้นมาในทันที

เหอะๆ เสด็จอาเก้าคงจะลืมไปว่า การที่เขาได้เข้ามาอยู่ในเรือนเล็กซีชวีเป็นพรจากหมอเทวดา

“ข้าจะหาทางขับไล่เขาไปเอง” เสด็จอาเก้ากล่าวด้วยความลำบากใจ

การพามาเป็นเรื่องง่าย แต่การส่งกลับเป็นเรื่องที่ลำบาก หมอเทวดาหมายตาเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้แล้ว หากจะขับไล่เขาออกไปคงไม่ใช่เรื่องง่าย

“เสด็จอาเก้า ถึงอย่างไรท่านก็อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้หรอก หากท่านอยู่ที่นี่ ที่นี่ไม่มีทางสงบแน่ ข้าต้องการสถานที่ที่สงบ ไม่มีผู้ใดมารบกวน” เฟิ่งชิงเฉินได้ทีก็กล่าวเสริม

ผู้หญิงก็เป็นเช่นนี้แหละ

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าจะมากเกินไปแล้ว” แม้ผู้หญิงคนนี้จะสร้างความอึดอัดใจให้แก่เขา แต่ถึงอย่างไรเขาก็ใจอ่อนอยู่ดี

“เสด็จอาเก้า คนที่ทำเกินไปไม่ใช่ข้าหรอกนะ” เฟิ่งชิงเฉินตอบกลับพร้อมจ้องมองเสด็จอาเก้า

ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน ฝ่ายที่ทำเกินไปแต่ไหนแต่ไรมาไม่ใช่นางเสียหน่อย นางเป็นฝ่ายยอมเขามาตลอด

เฮ่อ……เสด็จอาเก้าถอนหายใจ “เฟิ่งชิงเฉิน ถ้าหากข้ายืนกรานที่จะไม่ไปล่ะ?” สองเดือนที่ผ่านมา ความคืบหน้าของความสัมพันธ์ของทั้งสองมีเพียงการสร้างความไว้วางใจเบื้องต้น สำหรับเสด็จอาเก้าแล้ว มันยังไม่เพียงพอ

“เช่นนั้นข้าจะย้ายออกไปเอง” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวอย่างเฉยเมย ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นเพียงที่ที่นางอาศัยอยู่ชั่วคราว สถานที่เช่นนี้นางหาใหม่ได้ไม่ยาก

เมื่อไม่มีเฟิ่งชิงเฉินแล้ว เรือนเล็กซีชวีก็ไร้ซึ่งความหมาย เสด็จอาเก้าจึงกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าชนะแล้ว”

เสด็จอาเก้าใจสั่นอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าเขาโมโหมาก

“ขอบคุณท่านมาก หากท่านไม่มีอะไรแล้ว ข้าจะให้คนไปเก็บของให้ท่านนะ” เฟิ่งชิงเฉินส่งยิ้มที่แพรวพราว

วันนี้ กว่านางจะส่งเสด็จอาเก้ากลับไปได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย แค่วันนี้นางอยู่ฝ่ายที่ได้เปรียบ มีหนึ่งย่อมมีสองตามมา เฟิ่งชิงเฉินเชื่อว่าในวันข้างหน้าจะต้องมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก

“เฟิ่งชิงเฉิน เมื่อข้าไปแล้ว เจ้าคงจะดีใจมากเลยสินะ?” เสด็จอาเก้ากัดฟัน รอยยิ้มของเฟิ่งชิงเฉินช่างสดใสเหลือเกิน แต่ทว่าเขากลับไม่ต้องการเห็นมันเลย

เขาห่วงหาเฟิ่งชิงเฉินเหลือเกิน เห็นทีต้องหาคนทำผิดมารับโทษ

เส้นเลือดบนมือซ้ายที่ยังดีๆอยู่ของเสด็จอาเก้าพลันปูดนูนขึ้นมา……

ตี๋ตงหมิง เจ้าตายแน่!

เจ้าทำให้ข้าต้องทนทุกข์ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!