ตอนที่ 518 ตามที่ท่านปรารถนา

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 518 ตามที่ท่านปรารถนา
ตอนที่ 518 ตามที่ท่านปรารถนา

เดิมทีการเจรจาต้องใช้เวลาหลายวันถึงจะเสร็จสิ้น แต่ทว่าภายใต้เล่ห์เหลี่ยมของฟู่เสี่ยวกวน กลับใช้เวลามิถึงครึ่งชั่วยามก็เสร็จเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว

สิ่งนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจยิ่ง เหล่าขุนนางของราชวงศ์หยูมองหน้ากันไปมาอย่างเหลือเชื่อ

เงินชดเชยจำนวน 180 ล้านตำลึง !

และยกว่อเฟิงหยวนของแคว้นอี๋ให้แก่ราชวงศ์หยู !

เรื่องนี้ส่งผลให้ความเชื่อเดิม ๆ ของขุนนางแห่งราชวงศ์หยูเปลี่ยนไป เดิมทีพวกเขามิคิดว่าจะสามารถแบ่งเขตแดนได้ ส่วนเรื่องเงินชดเชย คิดว่ามากสุดก็ได้เพียง 20 ล้านตำลึงเท่านั้น

ภาษีที่ราชวงศ์หยูเก็บได้ในแต่ละปี ต่อให้นำผ้าฝ้าย ป่าน ไหม ธัญพืชมารวมกันก็ยังมิมีมูลค่ามากถึง 20 ล้านตำลึง แต่เงินชดเชยครานี้คราเดียว เท่ากับฟู่เสี่ยวกวนหาเงินได้เท่ากับจำนวนเงินภาษีถึง 9 ปี

อีกทั้งยังได้รับอาณาเขตที่กว้างขวางถึงเพียงนั้นมาด้วย !

ขุนนางของแคว้นอี๋ต่างพากันงงเป็นไก่ตาแตก สมองของพวกเขาว่างเปล่า

นี่คือการเจรจาแบบใดกัน ?

นี่เรียกว่าสร้างความอับอายจะดีกว่า !

ทว่าองค์รัชทายาทก็ได้ตอบตกลงไปแล้ว จะให้แคว้นอี๋เอาหน้าไปไว้ที่ใด ? กลับไปจะทูลฝ่าบาทว่าเยี่ยงไร ?

เปียนมู่หยูเอนกายพิงเก้าอี้ เงยหน้าขึ้นแล้วหลับตาลง

เยียนเหลียงเจ๋อจึงค่อย ๆ รู้สึกรับรู้ถึงความเยือกเย็น หากเป็นเช่นนี้ เมื่อกลับแคว้นไป สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ การก่อกบฏ !

เรื่องนี้เสด็จพ่อต้องกริ้วมากเป็นแน่ การยึดตำหนักบูรพาคืนนับว่าเป็นเรื่องเบาไปแล้ว เสด็จพ่ออาจจะหยิบดาบมาบั่นคอข้าต่อหน้าขุนนางทั้งหลายก็เป็นได้

ฟู่เสี่ยวกวนนั่งลงแล้วหันไปยิ้มให้สวี่หวยซู่ “ใต้เท้าสวี่ ทำการร่างสัญญาเถิด ใช้ชื่อว่า…เงินชดเชยติงเว่ย”

สวี่หวยซู่ได้สติกลับคืนมา เขามองฟู่เสี่ยวกวนอย่างนับถือ พยายามควบคุมความตื่นเต้นแล้วหยิบพู่กันขึ้นมาร่างหนังสือ ‘สนธิสัญญาเงินชดเชยติงเว่ย’ ที่ชวนตกตะลึงยิ่ง

ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มร่า รอยยิ้มดูเจิดจ้าดั่งแสงสุริยาในฤดูใบไม้ผลิ เขาชำเลืองมองไปทางเยียนเหลียงเจ๋อแล้วกล่าวว่า “ท่านเยียนอย่าเพิ่งคิดว่าท่านได้ขาดทุนไป ว่ากันว่าเสียสิ่งหนึ่งจะได้อีกสิ่งหนึ่งชดเชย สิ่งที่ท่านเสียไปในราชวงศ์หยู ข้ามีวิธีชดเชยให้ท่านจากที่อื่น เพียงแต่มิรู้ว่าท่านเยียนสนใจหรือไม่ ? ”

เยียนเหลียงเจ๋อเหมือนปลาที่รอโดนทุบหัว ในใจกำลังวางแผนว่าเมื่อเดินทางกลับแคว้นแล้วจะชิงบัลลังก์มาได้เยี่ยงไร พอได้ยินฟู่เสี่ยวกวนกล่าวมาเช่นนี้ เขาจึงเงยหน้าขึ้นมามอง เจ้านี่มีแต่ความเจ้าเล่ห์ ในหัวคิดวางแผนขุดหลุมอันใดให้ข้าต้องตกลงไปอีกกันเล่า ?

บัดนี้เขาจึงได้เข้าใจว่า เหตุใดฟู่เสี่ยวกวนจงใจให้ตนอยู่ในเมืองจินหลิงเป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่า อีกฝ่ายต้องการให้เวลายืดเยื้อเพื่อที่ทหารชายแดนตะวันออกจะได้ลำเลียงปืนใหญ่หงอีไปยังด่านจินหยาง เพื่อสร้างแรงกดดันคราใหญ่นี้ให้แก่แคว้นอี๋

จากสถานการณ์นี้ พวกที่คอยพึ่งพิงเหมิงฉือคงจะตกใจเสียจนมิเป็นอันกินอันนอน และเร่งรัดให้การเจรจาครานี้สิ้นสุดลงโดยเร็ว

แน่นอนว่าเหมิงฉือย่อมรู้ถึงแผนการของราชวงศ์หยูอย่างแน่นอน หากผลการเจรจามิเป็นผลดีต่อแคว้นอี๋ ทว่าสำหรับเหมิงฉือนั้นต้องการให้เป็นเช่นนี้เสียมากกว่า

ยิ่งมิเป็นผลดี ยิ่งมีประโยชน์กับเขา !

องค์รัชทายาทถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง องค์ชายรอง เยียนหยุนซาน จึงจะมีโอกาสได้ขึ้นครองตำแหน่ง

ส่วนองค์ชายหก เยียนหานยวี่…โบราณกล่าวว่าหมาเห่ามิกัด แน่นอนว่าเยียนหานยวี่นั้นเห่าไปทั่ว ดังนั้นเยียนเหลียงเจ๋อจึงมิเห็นเขาในสายตา

แผนยืดเวลาง่าย ๆ ของฟู่เสี่ยวกวน ตนกลับไร้ซึ่งปัญญาจะแก้ไข แม้รู้ว่าผลการเจรจาจะมิเป็นตามต้องการ แต่ก็คาดหวังให้ทำการเจรจาโดยเร็ว

มัวรอเวลาต่อไปมิได้แล้ว !

หากรอต่อไป จักรพรรดิแค้วนอี๋คงมิรอให้เขากลับไป ส่วนเหล่าขุนนางที่ใช้เวลาหลายปีในการดึงมาเป็นพรรคพวก เกรงว่าจะทรยศหักหลังตน พอถึงเวลานั้น…คงได้แต่รอจนสายเกินไป

ฟู่เสี่ยวกวนใช้วิธีการง่าย ๆ นี้ ทำให้เขาถูกกดดันจากทั้งสองฝ่าย นี่มิใช่แผนการ แต่เป็นเล่ห์เหลี่ยมที่ทำให้ไร้ซึ่งหนทาง !

เยียนเหลียงเจ๋อนิ่งเงียบ ครุ่นคิดอยู่เนิ่นนานเสียทีเดียว สุดท้ายจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ข้ามิเชื่อว่ามีเรื่องดี ๆ เช่นนั้นแล้วท่านจะมิกระทำด้วยตนเอง แต่กลับหยิบยื่นมันให้กับข้า”

ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มแล้วส่ายหน้า “ท่านเยียนช่างมิเข้าใจข้าเอาเสียเลย ข้านั้นมิใช่คนโลภมาก หากกินเกินความสามารถอาจจะทำให้มิย่อย”

เขาเอนกายไปข้างหน้า วางข้อศอกไว้บนโต๊ะ มือทั้งสองประสานกันวางไว้ใต้คาง กะพริบตามองเยียนหานยวี่แล้วกล่าวว่า “แคว้นอี๋และแคว้นฮวงถือเป็นเพื่อนบ้านกันมิใช่หรือ…”

เขาก้มลงมองแผนที่บนโต๊ะ มือหนึ่งชี้ไปบนแผนที่นั้น “ทั้งสองแคว้นมีอาณาเขตติดกันทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ มีเพียงด่านเดียวขั้นกลางเอาไว้ เรียกว่า…ด่านอันใดนะ ? อ้อ… ด่านเกาเชวียซาย”

“ท่านเยียน หากข้าเป็นท่าน ข้าจะยกทัพเข้าโจมตีแคว้นฮวงจากที่แห่งนี้ เมื่อออกจากด่านเกาเชวียซายก็จะเป็นพื้นที่ของเผ่าหลานฉี ที่แห่งนี้มีเมืองมิมาก ชาวฮวงในที่นี้มิได้เเข็งแกร่งเช่นราชวงศ์หยูของข้า หากสามารถเข้ายึดพื้นที่ของเผ่าหลานฉีได้ ย่อมกว้างขวางกว่าว่อเฟิงหยวนมากเสียทีเดียว”

ฟู่เสี่ยวกวนหยุดลงชั่วครู่แล้วเลื่อนแผนที่ไปด้านหน้า มองเยียนเหลียงเจ๋อแล้วกล่าวว่า “ผู้นำของเผ่าหลานฉีถูกจักรพรรดิแคว้นฮวงสังหารแล้ว ทหารม้าจำนวน 100,000 นายที่เคยเป็นของเผ่าหลานฉีก็ถูกท่าป๋าเฟิงโยกย้ายไปฮวงถิงแล้ว ที่แห่งนี้จึงว่างเปล่า หากท่านมิกล้ายึดครอง…ข้าก็คงทำได้เพียงเอ่ยว่าท่านมิเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำแคว้น ! ”

เยียนเหลียงเจ๋อเมื่อได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น เขารับแผนที่มาพิจารณาโดยละเอียด แล้วส่งไปให้เปียนมู่หยูที่นั่งอยู่ด้านข้างพิจารณา

เปียนมู่หยูพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและทบทวนนับสิบครา เรื่องที่จักรพรรดิแคว้นฮวงรวบรวมอำนาจนั้นพวกตนรู้ดี แต่แคว้นอี๋และแคว้นฮวงมีสัญญาพันธมิตรอยู่หนึ่งฉบับ เรียกว่านโยบายเฉินชัง เพียงแต่นโยบายนี้ท่าป๋าชิวเป็นคนกำหนดไว้ บัดนี้ท่าป๋าชิวได้ตกตายไปแล้ว อีกทั้งแคว้นอี๋มิสามารถโจมตีแคว้นหยูได้สำเร็จ…

เขาหันไปมองเยียนเหลียงเจ๋อ เช่นนั้น สัญญาพันธมิตรก็ไร้ซึ่งความหมาย

หากยกทัพไปตีแคว้นฮวงแล้วยึดครองพื้นที่ของเผ่าหลานฉีมาได้ มิเพียงแต่จะสามารถชดเชยว่อเฟิงหยวนที่สูญเสียไปได้เท่านั้น แต่ยังจะได้รับพื้นที่ที่ใหญ่โตกว้างขวางกว่าเดิมมากนักอีกด้วย

เรื่องทางทหารนั้น แคว้นอี๋ถูกราชวงศ์หยูโจมตีเสียจนขวัญกระเจิง แต่แคว้นฮวงมิใช่ !

ทหารม้าของแคว้นฮวงแม้เก่งกาจ แต่ทหารหงหลิงก็มีความชำนาญในการใช้ม้าศึกเช่นกัน

แคว้นฮวงต้องการโจมตีด่านเยี่ยนซานเพื่อเข้าไปในพื้นที่ทางเหนือของราชวงศ์หยูมาโดยตลอด เช่นนั้น กองทหารที่วางไว้ตรงหลานฉีจึงมีมิมาก หากเกิดสงครามที่ด่านเยี่ยนซานขึ้นกับแคว้นหยู แคว้นฮวงย่อมมิอาจแบ่งทหารไปที่อื่นได้ เยี่ยงนั้นแล้ว แคว้นอี๋คงจะสามารถเข้ายึดครองได้โดยง่าย

แผนการนี้ช่างยอดเยี่ยมยิ่ง !

ดังนั้นเปียนมู่หยูจึงพยักหน้า

ขุนนางของแคว้นอี๋ท่านอื่นเมื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผลยิ่ง เพียงแต่ฟู่เสี่ยวกวนกล้าเอ่ยเรื่องดี ๆ เช่นนี้ออกมา เขากำลังวางแผนใดอยู่กัน ?

คิดไปคิดมา หลังจากที่ราชวงศ์หยูครอบครองว่อเฟิงหยวน ก็คงต้องการพักรักษาตน ส่วนทหารชายแดนเหนืออย่างมากก็คงทำได้เพียงปกป้องด่านเยี่ยนซาน มิอาจเดินทางขึ้นเหนือกว่านั้นได้อีก และยิ่งมิสามารถเดินทางมายังฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของแคว้นอี๋ได้

ดังนั้น เนื้อชิ้นโตเช่นนี้ ฟู่เสี่ยวกวนจึงทำได้เพียงมองดูเท่านั้น หากทำได้เพียงมองเฉย ๆ สู้ให้แคว้นอี๋ยึดครองเสียดีกว่า แท้ที่จริงก็ส่งผลดีต่อราชวงศ์หยูด้วยเช่นกัน อย่างน้อยก็สามารถสร้างอุปสรรคให้แคว้นฮวงมากขึ้นได้

เช่นนี้ ก็จะสามารถได้รับประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย เยียนเหลียงเจ๋อจึงตัดสินใจว่า

“นโยบายของใต้เท้าฟู่นี้ ข้าขอนำกลับไปไตร่ตรอง เอาเยี่ยงนี้ดีหรือไม่ แคว้นหยูและแคว้นอี๋มาลงนามสนธิสัญญาพันธมิตรกันเป็นเยี่ยงไร ? ข้ากลัวว่าใต้เท้าฟู่จะแทงข้างหลัง ส่วนตัวของท่านเองก็กลัวว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นในภายหลัง นี่จึงเป็นนโยบายที่เข้ากันได้ดีมากเสียทีเดียว”

“ฮ่า ๆ ๆ ! ในเมื่อท่านเยียนกังวลเช่นนั้น ข้าจะทำตามที่ท่านปรารถนา ! ”