ตอนที่ 429 หน้าแดงใจเต้น / ตอนที่ 430 หัวสมองเช่นเจ้า

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 429 หน้าแดงใจเต้น 

 

 

 

 

 

“ไม่มองๆ” ฉู่เกอรีบหัวเราะแฮะๆ แล้วหันหน้าหนี เมื่อเห็นจวินอู๋เหินและฟู่เส้าชิงยังคงจ้องมองไม่วางตา ก็ใช้มือบดบัง “พวกเจ้ามองอะไร รีบไปเล่นว่าวเข้าสิ!” 

 

 

อวี้อาเหราเห็นท่าทีของฉู่เกอแล้วก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี จากสีหน้าทะเล้นของนางแล้ว ทำไมนางจึงรู้สึกว่านางและฉู่ป๋ายไม่ได้กำลังจะเล่นว่าว แต่กำลังทำเรื่องที่ไม่สมควรกันเล่า? 

 

 

จวินอู๋เหินมองว่าวนมือเงียบๆ ทันใดนั้นก็ไม่พูดไม่จา ยากเหลือเกินที่เขาจะนิ่งเงียบเช่นนี้ และไม่รู้ว่าว่าวในมือนั้นมีอะไรน่ามองนักหนา 

 

 

ฟู่เส่าชิงและฉู่เกออยู่กับตัวเองนิ่งๆ ต่างก็บังคับว่าวของตัวเองไป 

 

 

ฉู่ป๋ายถอนสายตากลับมาอีกครั้ง แล้วหันไปมองร่างของนาง “หันมานี่” 

 

 

อวี้อาเหราหันหน้าไปทางนั้นอย่างซื่อๆ 

 

 

“ข้าบอกให้เจ้าหันกายมาทางนี้” สายตาแฝงรอยยิ้มของฉู่ป๋ายจ้องมองนางที่กำลังยืนนิ่ง 

 

 

อวี้อาเหราจึงค่อยรู้ตัว แล้วหันกายไปด้วยความเก้งก้าง หันหลังให้เขาก็ดีเหมือนกัน มิเช่นนั้นก็คงจะต้องมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มของเขา หน้านางคงจะต้องแดงก่ำเป็นแน่ ไม่ใช่สิ แล้วตอนนี้นางจะอายทำไมกัน? ทันใดนั้นก็รีบกดดันความคิดที่ไม่ถูกไม่ควรกลับลงไปในใจทันที ไม่กล้าที่จะขุดคุ้ยขึ้นมาอีก 

 

 

ฉู่ป๋ายกุมว่าวของตัวเองเอาไว้ในมือ จากนั้นก็ค่อยหันมาหานาง 

 

 

เมื่อถูกมือเย็นๆ แตะเข้า ใจของอวี้อาเหราก็สั่นไหว ร่างกายก็สั่นขึ้นมาในชั่วครู่ 

 

 

ฉู่ป๋ายเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา แต่กลับถามขึ้นว่า “วันนี้ก็ไม่หนาว เหตุใดเจ้าถึงตัวสั่นเพียงนี้” 

 

 

“แค่กๆ ไม่มีอะไร เจ้ารีบสอนข้าเสียทีสิ ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มครึ้มแล้ว ถ้ามืดแล้วข้าไม่เล่นนะ” อวี้อาเหราใช้ความโกรธเข้ากลบเกลื่อนอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของตัวเอง 

 

 

“ก็ได้ อย่ารีบร้อน ข้าจะสอนเจ้าเดี๋ยวนี้” ลมหายใจของฉู่ป๋ายรินรดใบหูของนางเบาๆ พวกเขาทั้งสองอยู่ใกล้กันถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังยืนซ้อนหลังของนาง ยามพูดจานั้นกระแสลมร้อนก็พุ่งเข้าใส่ศีรษะไปจนถึงลำคอของนาง ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจทำให้เป็นเช่นนี้หรือไม่ 

 

 

อวี้อาเหรารู้สึกจั๊กจี้ที่ลำคอ พยายามที่จะอดทน จำต้องพูดว่าแม้จะให้ฉู่ป๋ายสอนนางเล่นว่าวแค่นี้แต่ต้องใช้ความอดทนมากเลยทีเดียว และเขายังมีรูปร่างหน้าตางดงามราวกับจะกลืนกิน แม้ว่าจะมองไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่เพียงได้ยินเสียงของเขาดังเข้ามาในหูก็ยากเหลือเกินที่จะต้านทานได้ 

 

 

นางในตอนนี้ไหนเลยในใจจะคิดถึงเรื่องเล่นว่าวอีก ทั้งใจและทั้งสมองของนางล้วนเต็มไปด้วยใบหน้าและเสียงของเขาเท่านั้น 

 

 

อีกอย่าง มือที่ถือว่าวเอาไว้นั้น นิ้วมือทั้งเรียวยาวและขาวเนียน แม้ว่านิ้วมือทั้งสิบจะผอมเรียว แต่ก็ดูงดงาม ทว่าสิ่งที่สวยที่สุดกลับไม่ใช่มือ แต่เป็นริมฝีปากบางแสนยั่วยวน แดงระเรื่อเป็นประกายราวกับก้อนน้ำแข็ง ทำให้ผู้พบเห็นอดไม่ได้ที่จะนึกอยากจูบสักทีสองที 

 

 

แต่อวี้อาเหรารู้ว่า นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ 

 

 

“เจ้าทำอะไรน่ะ” ฉู่ป๋ายสัมผัสได้ว่านางกำลังใจลอย จึงย้ายสายตามา จึงรู้ว่านางได้จมเข้าสู่ภวังค์ไปเรียบร้อยแล้ว 

 

 

อวี้อาเหราทำเสียงกระแอมแข็งๆ “ไม่มีอะไร ข้าฟังเจ้าพูดอยู่” 

 

 

ฉู่ป๋ายหัวเราะอย่างจนใจ แล้วบอกเคล็ดลับการเล่นว่าวของตัวเองให้นางฟัง แต่อวี้อาเหราในตอนนี้ไหนเลยจะตั้งใจฟังได้ ตอนนี้นางมิอาจถอนหัวออกจากลมหายใจร้อนๆ ของเขาได้เลย หากไม่ใช่ว่านางนั้นยังมียางอายอยู่บ้าง ก็คงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปใกล้ 

 

 

งดงามปานจะกลืนกิน ตอนนี้อวี้อาเหราเข้าใจคำนี้อย่างลึกซึ้งเพราะร่างกายของฉู่ป๋ายแท้ๆ 

 

 

เมื่อเขาพูดจนจบแล้ว ว่าวก็ถูกฉู่ป๋ายส่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสูง อวี้อาเหราจึงค่อยสนใจว่าว ฉู่ป๋ายถอนสายตากลับมา แล้วเอ่ยถามนาง “เมื่อครู่เจ้ารู้แล้วใช่ไหมว่าต้องส่งว่าวอย่างไร” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 430 หัวสมองเช่นเจ้า 

 

 

 

 

 

“ข้า” อวี้อาเหราลังเลขึ้นมาสักครู่ แล้วฝืนพยักหน้าลง “ข้ารู้แล้ว” 

 

 

หากบอกว่าไม่รู้ ก็เท่ากับสารภาพว่าเมื่อครู่นี้จุดสนใจอยู่ที่ร่างของเขาใช่หรือไม่? ทว่าในความเป็นจริงแล้ว นางไม่ได้ยินอะไรเลยแม้แต่คำเดียว นางไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ รู้แต่ว่าเสียงของเขาช่างน่าฟังก็เท่านั้น 

 

 

หูของนางซึมซับวาจาแต่ละถ้อยคำของเขา ซึ่งก่อนหน้านี้นางไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลย 

 

 

หรือว่าเป็นเพราะตอนนี้อยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิดกระมัง 

 

 

ฉู่ป๋ายก้าวไปทางด้านหลัง “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ลองส่งว่าวเองดูเถิด” 

 

 

เมื่อสูญเสียการควบคุมจากเขาแล้ว เพียงไม่นานส่วนหัวของว่าวก็ตกลงอย่างรวดเร็ว 

 

 

อวี้อาเหราพูดอย่างเป็นทุกข์ “อย่าโทษข้า เป็นเพราะเจ้าว่าวนี้ไม่เชื่อฟังต่างหาก” 

 

 

“ไม่ให้โทษเจ้า? หากเมื่อครู่นี้เจ้าฟังที่ข้าพูดว่าวก็คงตกลงพื้นแบบนี้กระมัง” ฉู่ป๋ายถามกลับเสียจนนางพูดต่อไม่ได้ ทำได้แต่เพียงก้มหน้าแล้วเม้มปาก ใครใช้ให้เขามีเสน่ห์ดึงดูดใจกันเล่า ผู้หญิงธรรมดาที่ไหนจะไม่มองเขาแต่ไปมองว่าวพังๆ นั่นบ้าง 

 

 

ฉู่ป๋ายเห็นท่าทีอึดอัดใจของนางอยู่ในสายตา จึงทำได้แต่เพียงถอนหายใจ “จะสอนให้อีกรอบก็แล้วกัน” 

 

 

หลังจากสอนจนจบอีกรอบก็รู้แล้วว่าอวี้อาเหราไม่ได้ฟังเลยแม้แต่คำเดียว เพราะใจของนางมัวแต่สนใจเขาอยู่นั่นเอง 

 

 

ฉู่ป๋ายทำราวกับไม่ต้องการจะพูดอะไรอีกแล้ว “สมองเช่นเจ้านี่ มีชีวิตอยู่ได้อย่างไรจนถึงตอนนี้กัน” 

 

 

อวี้อาเหราเม้มปากอย่างขัดใจ นี่โทษนางได้หรือ เป็นเพราะเขาน่าหลงใหลเกินไปต่างหาก เหตุใดถึงกล่าววาจาเช่นนี้ออกมาได้? 

 

 

ฉู่เกอสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ตึงเครียดของฝั่งนี้ เมื่อเห็นคนทั้งสองมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก ก็รีบเข้ามาปลอบโยน “ท่านพี่ อย่าได้โกรธเลย จะทำอะไรก็ย่อมต้องคำนึงถึงลิขิตฟ้า เฮ้อ ใช่แล้ว นี่ก็คงเป็นลิขิตฟ้าจริงๆ ดูแล้วพี่เหราเอ๋อร์คงไม่มีโชคเรื่องว่าวเสียกระมัง” 

 

 

ไม่มีโชค? ใครจะเชื่อกัน? 

 

 

อวี้อาเหราสามารถทำเรื่องใดๆ ก็ตามที่ต้องการทำอย่างชาญฉลาด 

 

 

คำพูดของฉู่เกอนั้นออกจะเดินไปหน่อย คงจะพูดจากที่เห็นเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้นกระมัง 

 

 

ท่าทีของฉู่ป๋ายนั้นไม่อาจคาดเดาได้ ไม่รู้ว่าจะอยู่ในอารมณ์ยินดีหรือโกรธเคือง ดูแล้วก็ไม่เหมือนโกรธเคือง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ยินดีนัก 

 

 

“สอนอย่างไรก็ไม่เป็น คงผิดที่คนสอน นางจึงไม่เป็นเสียที อาเหรา มานี่เถิด ให้ข้าสอนเจ้าเอง” ยามนี้ น้ำเสียงหมดความอดทนของจวินอู๋เหินก็ดังขึ้นมาในทันที คนที่เอาแต่หันหลังให้พวกเขาก็หันมาในทันใด ก่อนจะพูดขึ้นกับอวี้อาเหรา 

 

 

ฉู่ป๋ายชะงัก “เจ้าอยากให้เขาสอนหรืออยากให้ข้าสอน” 

 

 

“ให้เขาสอน” อวี้อาเหราพูดขึ้นอย่างไม่ลังเล 

 

 

หากให้ฉู่ป๋ายสอน นางเกรงว่าทั้งชีวิตก็คงเล่นไม่เป็น วันนี้ยังได้เห็นเขาพูดขึ้นมาด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็น ช่างน่าแปลกนัก เขาเอาแต่ว่านางโง่อยู่เสมอ เอาแต่ว่านางนั้นไม่มีดีเลยแม้แต่น้อย 

 

 

ทั้งยังมีคนมองดูอยู่ตั้งมากมายถึงเพียงนี้ ให้จวินอู๋เหินสอนนางคงจะเป็นเร็วเสียกว่า 

 

 

เมื่อครู่นางอึดอัดเสียจนแทบแย่ แค่คิดก็รู้ว่านางนั้นจะต้องมีท่าทียากลำบากถึงเพียงใด 

 

 

จวินอู๋เหินยิ้มอย่างได้ใจ แล้วมองฉู่ป๋ายอย่างผู้เหนือกว่า “เห็นท่าทางเจ้าเล่นว่าวแล้วก็รู้สึกว่าไม่ได้เรื่องเลย สอนมาตั้งนานแล้วนางยังเล่นไม่เป็น คงจะต้องให้เราลงมือเองเสียกระมัง” 

 

 

“เจ้าไม่กลัวว่าลมจะพัดมาอีกครั้งหรือ” ฉู่ป๋ายหัวเราะเสียงเย็น 

 

 

“เจ้า!” จวินอู๋เหินโกรธขึ้นมา จากโกรธก็เปลี่ยนไปเป็นหัวเราะ “เหอะ เราจะนึกว่าเจ้าอิจฉาก็แล้วกัน ขี้เกียจจะเปลืองน้ำลายกับเจ้าแล้ว” 

 

 

ฉู่ป๋ายย่นจมูกแล้วหัวเราะ น้ำเสียงของเขาเบายิ่งนัก จนแทบไม่ได้ยินเสียงเลยทีเดียว 

 

 

จวินอู๋เหินสอนอวี้อาเหราส่งว่าว และเป็นเพราะนางตั้งใจ เพียงไม่นาน นางก็เล่นเป็น 

 

 

อวี้อาเหราหันกลับไปมอง กลับเห็นสีหน้าเป็นไม่น่าดูของฉู่ป๋ายเข้า จึงก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด