ตอนที่ 391 ความสัมพันธ์ที่ชัดเจน

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 391

ความสัมพันธ์ที่ชัดเจน

“เฮ”ทันทีที่จักรพรรดิอีมอร์โดนจัดการ เหล่าอสูรและทหารมนุษย์ต่างร้องเฮกันจนกึกก้องไปทั้งสนามรบ ทำเอาประชาชนในเมืองหลวงต่างแสดงท่าทีซาบซึ้งและโล่งใจออกมากันถ้วยหน้า

“พวกเราชนะแล้วหรือขอรับ”ไป๋ชินอี้ถามพลางมองภาพสงครามตรงหน้าจากบนกำแพงเมือง เพราะพลังของชินอี้ยังน้อยทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมสงครามได้ มันเลยได้แต่ดูอยู่บนกำแพงกับรูบี้เท่านั้น

“ใช่แล้ว กองทัพของบิดาเจ้าช่างแข็งแกร่งจริงๆ”องค์จักรพรรดิไชน์พูดทั้งน้ำตา ก่อนหน้านี้มันกำลังจะยกธงขาวเพื่อยอมให้อาณาจักรอีมอร์เข้ามายีดครองอยู่เลย แต่ไม่กี่เดือนหลังจากไป๋จูเหวินมาช่วยพวกมันก็กลับมาชนะสงคราม นับว่าคราวนี้พวกมันติดค้างรูบี้และเพิร์ลมากทีเดียวที่ช่วยเป็นสื่อกลางให้อาณาจักรไป๋และอาณาจักรไชน์ รวมทั้งติดค้างไป๋จูเหวินและประชาชนอาณาจักรไป๋ที่มาช่วยเหลืออีกด้วย

“องค์จักรพรรดิ จะทำอย่างไรต่อไปขอรับ”ขุนพลกิ้งก่าพูดพลางอุ้มเจ้าซาราเอาไว้ในอ้อมแขน เจ้านี่หวาดกลัวมนุษย์มากทีเดียว แม้แต่ไป๋จูเหวินมันก็ไม่กล้าเข้าใกล้ น่าแปลกเหมือนเจ้านี่ไม่โดนความสามารถดึงดูดเหล่าอสูรของไป๋จูเหวินชักจูงเลย

“พาพวกพ้องของเรากลับเข้าเมือง”ไป๋จูเหวินตอบพลางมองสภาพสงคราม คราวนี้ไม่เหมือนตอนอาณาจักรกู่ แม้จะชนะแต่ก็เสียหายมาก ศพของทหารฝั่งอาณาจักรไป๋และแก่นอสูรจำนวนมากยังอยู่บนพื้น ไป๋จูเหวินจึงได้แต่บอกให้ทุกคนพาร่างของทหารกล้าเหล่านี้กลับไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรไชน์เพื่อทำพิธี เมื่อเสร็จธุระจากอาณาจักรไชน์จึงจะน้เถ้ากระดูกและของใช้ของผู้ตายไปคืนให้ครอบครัว รวมทั้งเงินชดเชยและบำนาญแก่ผู้เสียสละช่วยเหลือบ้านเมืองอีกด้วย ส่วนแก่นอสูรนั้นจะมอบให้กับราชาเก่าของพวกมันไป

.

.

“มาทำอะไรตรงนี้เหรอ”ในคืนหลังจบสงคราม เพิร์ลที่พึ่งออกจากพิธีศพมาก็พบว่าคู่หมั้นของตนกำลังนั่งอยู่บนกำแพงเมืองตรงจุดที่ใช้เฝ้าดูสงครามในตอนกลางวัน

“แค่คิดว่าหลังสงครามจบ มันดูเงียบมากก็เท่านั้นเอง”รูบี้ตอบพลางยิ้มออกมา แม้ไป๋จูเหวินจะบอกแล้วว่าพวกอีมอร์ต้องการจะบุกไปยังแผ่นดินของพวกไป๋จูเหวินด้วย การช่วยเหลืออาณาจักรไชน์คราวนี้ถือเป็นการช่วยอาณาจักรไป๋กับอาณาจักรอู๋รวมทั้งอาณาจักรชินด้วยเช่นกัน ความเสียสละทั้งหมดนี้ไม่ถือเป็นเรื่องเสียเปล่า แต่รูบี้และเพิร์ลก็แอบคิดไม่ได้ว่าเป็นความผิดของตนหรือเปล่าที่พาเหล่าทหารมากมายมาทิ้งชีวิตไว้ที่นี่

“รูบี้”เพิร์ลพูดพลางนั่งลงที่ข้างกำแพง

“เราแต่งงานกันดีไหม”อยู่ๆเพิร์ลก็พูดออกมาพลางมองขึ้นไปบนท้องฟ้า อยู่ๆอีกฝ่ายก็เปลี่ยนอารมณ์เสียเฉยๆ ทำเอารูบี้ที่กำลังซึมๆอยู่ปรับตัวไม่ทันขึ้นมาทันที

“ทำไมถึงอยากจะแต่งตอนนี้ล่ะ”รูบี้ถามพลางมองไปทางเพิร์ลด้วยท่าทีประหลาดใจ ตัวนางกับเพิร์ลเองเป็นคู้หมั้นกันมานานมากแล้ว ความจริงควรแต่งกันตั้งนานแล้วเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะรูบี้ติดงานที่อาณาจักรไป๋ทำให้ไม่ได้แต่งงานกันเสียที

“หลังการล่มสลาย มันก็ต้องมีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นมาไม่ใช่หรือไง ข้าเลยคิดว่าเรามาเริ่มชีวิตของพวกเราไปพร้อมๆกับอาณาจักรไชน์ดีหรือเปล่า”เพิร์ลตอบพลางยิ้มออกมา

“เจ้าจะกลับมาอยู่ที่ไชน์งั้นเหรอ”รูบี้ถามออกมาตามตรง

“ข้าคิดว่าตอนนี้อาณาจักรไชน์จำเป็นต้องมีเจ้า อาณาจักรเกือบครึ่งพักทลาย เมืองหลวงเสียหายจนต้องปรับปรุงใหม่หลายจุด”เพิร์ลว่าพลางกุมมือรูบี้เอาไว้ หากจะสร้างใหม่ก็ควรสร้างให้ดีกว่าเดิม เพิร์ลเชื่อว่ารูบี้สามารถพัฒนาอาณาจักรไชน์ให้ไม่น้อยหน้าอาณาจักรไป๋ได้แน่ๆ

“แบบนั้นก็ต้องจัดการงานที่อาณาจักรไป๋ให้หมด แล้วก็…..”รูบี้ยังคงกังวลเรื่องงานที่ค้างคาเอาไว้ แต่เพิร์ลกลับส่ายหน้าช้าๆเป็นการบอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นแล้ว

“ข้าบอกไป๋จูเหวินเรื่องนี้แล้ว มันบอกว่าจะให้หลิวเซียนจัดการที่เหลือเอง”เพิร์ลตอบพลางจับมือรูบี้เอาไว้แน่น ทำให้รูบี้ได้เห็นว่าที่มือของเพิร์ลมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป

“นี่มัน…แหวนของตระกูลโรซารี่ หรือว่าเจ้า…”รูบี้เบิกตากว้างมองมาทางเพิร์ลด้วยท่าทีประหลาดใจ

“ท่านพ่อมอบตำแหน่งหัวหน้าตระกูลให้ข้าแล้ว หลังจากนี้ข้าคงกลับอาณาจักรไป๋ไม่ได้บ่อยๆ”เพิร์ลตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา เพราะนี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่เพิร์ลตักสินใจจะแต่งงานกับรูบี้แล้วลงหลักปักฐานที่บ้านเกิดอย่างจริงจังเสียที

“แล้วนี่ก็…ของเจ้า”เพิร์ลว่าพลางนำแหวนอีกวงออกมา มันคือแหวนที่มารดาของเพิร์ลได้รับตอนแต่งงานกับบิดาของมัน หรือก็คือแหวนแต่งงานของตระกูลโรซารี่นั่นเอง

“ของเจ้าอะไรกัน พูดให้มันดีๆสิ”รูบี้ต่อว่าพลางหยิกแขนเพิร์ลเบาๆ

“รูบี้….แต่งงานกับข้านะ”เพิร์ลว่าพลางใช้มือกลจับไปที่มือซ้ายของรูบี้พลางประคองขึ้นมาเพื่อจะสวมแหวนให้นาง

“ค่ะ…”รูบี้ตอบเสียงเบาพลางมองเพิร์ลที่กำลังสวมแหวนให้ตน แม้จะเป็นเรื่องที่รู้ๆกันและแน่นอนเพียงใด แต่การแต่งงานของหญิงสาวนั้นเป็นเรื่องตื้นตันเสมอ แถมเพิร์ลก็ทำได้ไม่เลวอีกด้วย

.

.

“แต่งงาน!!”ทันทีที่ได้ทราบข่าวจากรูบี้ เหม่ยหลินและไป๋หลินก็มีท่าทีประหลาดใจทันที

“โล่งอกไปที ในที่สุดพวกเจ้าก็แต่งงานกันได้สักที”เหม่ยหลินว่าพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก บอกตามตรงเหม่ยหลินคิดว่ารูบี้จะแต่งงานกับงานของนางไปแล้วเสียอีก

“ไอ้โล่งอกนั่นมันอะไร”รูบี้หน้ามุ่ยนิดหน่อยพลางถอนหายใจออกมา

“ท่านน้ารูบี้ ดีใจด้วยเจ้าค่ะ”ไป๋หลินว่าพลางยิ้มกว้างให้รูบี้

“รูบี้”ไป๋จูเหวินพูดพลางเดินเข้ามาหารูบี้ ตัวมันไม่ได้ตกใจนักเพราะเพิร์ลมาปรึกษามันตั้งแต่หัวค่ำแล้ว

“ขอบใจที่ช่วยเหลือพวกเรามาตลอด ส่วนนี่ถือเป็นของขวัญแต่งงานของข้าก็แล้วกัน”ไป๋จูเหวินพูดจบก็ยื่นแหวนมิติวงหนึ่งให้รูบี้

“นั่นมัน…”รูบี้อึ้งไปเมื่อเห็นแหวนวงที่ไป๋จูเหวินให้มา นางจำมันได้ดีเพราะมันเป็นแหวนที่นางใช้อยู่บ่อยๆตอนทำงาน มันคือแหวนที่เก็บวัตถุดิบสำคัญและหัวจักรรถไฟสำรองเอาไว้ หากจะตีค่าเป็นตัวเงินเกรงว่าอาณาจักรไชน์จะไม่มีจ่ายเสียด้วยซ้ำ ต่อให้ยังไม่โดนอาณาจักรอีมอร์โจมตีก็ตาม

“อาณาจักรไชน์ต้องการทรัพยากรในการฟื้นฟูใหม่ ข้าคิดว่าของในนั้นจะช่วยได้”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มออกมา แต่เดิมรูบี้อยากจะเอารถไฟมาใช้ที่อาณาจักรไชน์ แต่เพราะราคาของวัตถุดิบค่อนข้างมากนางเลยไม่กล้าขอกับไป๋จูเหวินแต่ในเมื่ออีกฝ่ายยื่นมาให้เองนางก็จะรับอย่างยินดีแน่นอน

“ขอบใจ ข้าจะพยายาม”รูบี้ว่าพลางกำแหวนของไป๋จูเหวินแน่น

“ทำไมเจ้าดูดีใจกว่าตอนได้แหวนของข้าอีกล่ะ”เพิร์ลแซวออกมาพลางหัวเราะเบาๆ แต่ก็โดนรูบี้ศอกใส่ไปทีหนึ่งอยู่ดี

“เช่นนั้นพรุ่งนี้เราจัดงานฉลองกันเถอะ ทั้งชนะสงครามและประกาศการแต่งงานของเพิร์ลและรูบี้”จักรพรรดิไชน์เสนอพลางเรียกคนของตนออกมา มันได้รับความช่วยเหลือเอาไว้มาก อย่างน้อยก็ขอจัดงานฉลองให้กับทหารของอาณาจักรไป๋เสียหน่อยเถอะ

“องค์จักรพรรดิ ไม่ต้อง…..”เพิร์ลยังไม่ทันจะได้ห้าม พ่อของเพิร์ลที่อยู่ข้างๆก็เข้ามาห้ามเพิร์ลเอาไว้ก่อน

“ตอนนี้ประชาชนพึ่งผ่านช่วงเวลาหวาดหวั่นมา การมีข่าวดีและการเฉลิมฉลองถือเป็นการเยียวยาประชาชนอย่างหนึ่ง”พ่อของเพิร์ลพูดพลางตบบ่าเพิร์ลเบาๆ เกรงว่าพิธีแต่งงานของเพิร์ลกับรูบี้จะไม่สามารถจัดกันเองในครอบครัวได้เสียแล้ว

“ขะ ขอรับ”เพิร์ลกลืนน้ำลายลงคอพลางก้มหน้ายอมรับชะตากรรม ท่าทางมันจะต้องเหนื่อยกับงานนี้อีกแน่ๆ

.

.

แม้จะโดนโจมตีจนเสียหาย แต่เมืองหลวงของอาณาจักรไชน์ก็ยังไม่โดนบุกยึดข้าวของแต่อย่างไร ทำให้เสบียงและของฟุ่มเฟือยต่างๆยังไม่หายไปไหน ยิ่งประชาชนพึ่งผ่านสงครามมาได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถังเหล้าและถังเอลต่างถูกนำออกมาเปิดเทแจกราวกับเจ้าของร้านได้มาฟรี รวมทั้งอาหารมากมายหลากหลายอย่างที่วางอยู่ตามโต๊ะไม่ว่าจะหัวมุมไหนของเมืองไชน์ก็ตาม

“ท่านคือองค์หญิงไป๋หลินใช่หรือไม่ขอรับ ข้าได้เห็นท่านในสงครามแล้ว ช่างงดงามยิ่งนัก”เมื่อกลายเป็นงานฉลอง ไป๋หลินก็อดไม่ได้ที่จะเจอเรื่องแบบนี้อีก พวกขุนนางของอาณาจักรไชน์ต่างเข้ามารุมล้อมไป๋หลินกันทันทีที่นางปรากฏตัว

“xxxxxx”ไป๋หลินตอบด้วยภาษาบ้านเกิดตัวเอง ไม่ได้พูดภาษาของไชน์แต่อย่างไร

“เอ่อ…มีใครรู้ภาษาแผ่นดินตะวันตกบ้าง”ชายคนที่เข้ามาทักไป๋หลินถามพลางหันไปหาคนรอบข้าง น่าเสียดายที่อาณาจักรไชน์ไม่ได้มีการสอนภาษาของแผ่นดินตะวันตกกันเสียเท่าไหร่

“xxxx”ไป๋หลินยิ้มหวานอย่างพึงพอใจ ก่อนจะก้มหัวให้อีกฝ่ายเหมือนจะขอตัวจากไปทำให้ชายคนนั้นร้อยรนมาก แต่เพราะหาล่ามไม่ได้ไป๋หลินก็เลยชิ่งออกมาได้สำเร็จ

“ไป๋น้อย เจ้าพูดภาษาไชน์ได้ตั้งแต่ 10 นาทีแรกแล้วไม่ใช่หรือไง”ไป๋ไป่ว่าพลางมองไป๋เดินเข้ามาหาพวกตน

“องค์หญิง ท่านแสดงได้ไม่แนบเนียนเลยนะขอรับ”ชิงชิวถอนหายใจ เพราะไม่ว่าอย่างไรไป๋หลินก็ต้องสนธนากับแขกของงานอยู่ดี การที่ขุนนางคนนั้นจะรู้ว่าไป๋หลินพูดภาษาตนได้แต่ไม่ยอมพูดนั้นอยู่ที่เวลาเท่านั้น

“นิดหน่อยเอง”ไป๋หลินว่าพลางหัวเราะออกมา ไป๋หลินยามนี้อยู่ในชุดพิธีของอาณาจักรไชน์ดูแล้วงดงามไปอีกแบบ ไม่แปลกเลยที่ผู้ชายที่ไม่เคยเห็นไป๋หลินมาก่อนจะเข้ามาทักทาย เพียงแต่พริบตาหนึ่งชิงชิวสังเกตเห็นว่าใต้กระโปรงที่ยาวจนเกือบจะถึงพื้นไป๋หลินไม่ได้ใส่รองเท้าที่คนของอาณาจักรไชน์จัดไว้ให้

“องค์หญิง…”ชิงชิวว่าพลางเดินเข้าไปหาไป๋หลิน เพียงน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไป๋หลินก็ทราบทันทีว่าตนถูกจับได้แล้ว

“ข้าไปเดินเล่นที่ระเบียงนะ”ไป๋หลินว่าพลางเดินไปที่ระเบียงเพื่อจะหนีจากชิงชิว แน่นอนว่ามันไม่ยอมให้องค์หญิงหนีไปอยู่แล้ว

“พี่ชิว ดูสิในเมืองจัดงานกันทั้งเมืองเลย”ไป๋หลินว่าพลางชี้มองไปในเมือง เพราะสงครามจบแล้วแถมวังหลวงยังแจกจ่ายอาหารและสุราเพื่อเฉลิมฉลองอีกต่างหาก ทำให้มุกหัวมุมเมืองเต็มไปด้วยแวงไฟและการเต้นรำที่หาดูไม่ได้ที่อาณาจักรไป๋

“ท่านก็เลยจะหนีไปเที่ยวในเมืองสินะขอรับ”ชิงชิวถอนหายใจออกมาพลางกระโดดขึ้นไปบนระเบียงก่อนไป๋หลินอีกต่างหาก วันนี้เป็นการฉลองชนะสงครามและฉลองข่าวพิธีสมรสของรูบี้และเพิร์ล ทำให้ไป๋หลินไม่ได้มีบทบาทอะไรมาก แถมนางยังปรากฏตัวในงานไปแล้วด้วย ชิงชิวเลยคิดว่าให้นางได้ออกไปเที่ยวชมข้างนอกหน่อยก็คงไม่เป็นไร

“ท่านรู้ใจข้าจริงๆ”ไป๋หลินว่าพลางกระโดดขึ้นไปยืนบนระเบียงเช่นกัน

ฟุบ!! ร่างของทั้งสองกระโดดลงไปจากระเบียงพระราชวังก่อนจะหนีหายออกไปในเมืองทันที แน่นอนว่าไป๋จูเหวินเองก็เห็นแล้ว แต่อย่างที่ชิงชิวคิด งานนี้ปล่อยไป๋หลินไปเที่ยวเล่นบ้างก็ไม่เป็นไร

“พี่ชิว เร็วข้า”ไป๋หลินว่าพลางพาชิงชิวเข้าไปร่วมวงกับพวกชาวเมือง ตอนนี้ในเมืองเต็มไปด้วยความครึกครื้น ทั้งเสียงเพลงและเสียงหัวเราะกังอยู่ตลอดเวลา ทำให้ไป๋หลินไม่เป็นที่สังเกตนัก นางจึงพาชิงชิวเข้าไปกลางวงเต้นรำพลางเริ่มเต้นรำกับชาวเมืองอย่างสนุกสนาน ส่วนทางชิงชิวนั้นก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะเริ่มเต้นรำตามชาวเมืองที่อยู่รอบๆ ทั้งสองคนเป็นชนชั้นยอดฝีมือ กระบวนท่าซับซ้อนเพียงไรไม่นานก็สามารถฝึกฝนได้สำเร็จ เพียงแค่ท่าเต้นเท่านั้นไม่นานก็จำได้และเริ่มเต้นอยู่ท่ามกลางชาวเมืองอย่างแนบเนียน

“สนุกจังเลย”ไป๋หลินยิ้มพลางกลับมานั่งพักที่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางงานฉลอง จริงๆแล้วไป๋หลินไม่ได้เหนื่อยอะไรหรอก แต่นางเต้นจนเริ่มจะเป็นจุดสนใจแล้วเท่านั้นเอง

“องค์หญิงจะทานอะไรหรือไม่ขอรับ”ชิงชิวถามพลางเดินเข้ามาหาไป๋หลิน อาหารในเมืองไชน์แปลกตามากมาย ความจริงตัวชิงชิวเองก็สนใจอยู่ไม่น้อย

“พี่ชิวมานั่งตรงนี้สิ”ไป๋หลินว่าพลางตบตรงพื้นข้างๆตนเอง

“ขอรับ”ชิงชิวตอบรับพลางนั่งลงข้างๆไป๋หลิน

ตุบ..อยู่ๆไป๋หลินก็ทิ้งตัวลงบนไหล่ของชิงชิวพลางหลับตาลงช้าๆ ไม่นานมือของชิงชิวก็เลื่อนมาจับมือของไป๋หลินเอาไว้อย่างทะนุถนอม

“องค์หญิง เรื่องของเราบอกองค์จักรพรรดิไปเลยจะไม่ดีกว่าหรือขอรับ”ชิงชิวถามพลางกุมมือไป๋หลินแน่น

“……ยังดีกว่า”ไป๋หลินว่าพลางยิ้มออกมา ไม่รู้สินางแค่ไม่รู้ว่าจะบอกท่านพ่อว่าอย่างไรดีเกี่ยวกับเรื่องนี้