ตอนที่ 677

The Divine Nine Dragon Cauldron

677 – สู้ผู้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยปัญญา

 

เมื่อสายฟ้าสาดลงมา โลกของผู้เฒ่าจิ๋วดูราวกับเป็นทองคําโลกทั้งใบถูกแสงสีทองนี้หลอมละลายและหายไปพร้อมกับเขา

 

เขายังคงล้มเหลวในการผ่านวิบัติอัสนี แต่ในตอนนั้นเองมีแสงหลากสีปรากฏภายในโลกทองคํา มันเป็นแสงที่ส่องประกายจ้า มันเหนือกว่าแสงสีทองและบดขยี่สายฟ้าจนสิ้น

 

ไม่นานแสงสีทองก็หายไป แสงหลากสีเองก็หายไปด้วยโลกได้กลับมาชัดเจนดังเดิม

 

ชายแก่ตกตะลึงเขามองตามแสงหลากสี ไปจนเห็นชุดเกราะมือของคนผู้หนึ่งถือชุดเกราะเอาไว้ เขาจับชุดเกราะอยู่หน้าศีรษะของชายแก่วิบัติอัสนีทองคํายังคงส่องประกายอยู่ในมือนั้น

 

“ซือหยู นี่เจ้าเอง!”

 

ชายแก่ร้องออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา

 

“เป็นเจ้าที่ขวางวิบัติอัสนึ่งั้นรึ?”

 

คนที่ช่วยชีวิตเขาคือซื่อหยู!

 

“มีแค่ข้านี่แหละ ผู้เฒ่าจิ๋ว! ท่านออกมาคนเดียวเพราะไม่อยากให้คนในเมืองบาดเจ็บสินะ?”

 

ซือหยูเก็บเกราะสายฟ้า และหันมามองชายแก่ผู้ที่เป็นผู้เฒ่าจิ๋วหรือมีชื่อว่าจิ๋วหยวนโจว

 

“เจ้าก็มีสมุนไพรสายฟ้าเหมือนกันรึ?คุณภาพยอดเยี่ยมกว่าของข้ามากนัก”

 

ผู้เฒ่าจิ๋วหรี่ตามอง

 

ถ้าเขาจะไม่ผิด สมุนไพรสายฟ้าที่เขาได้มานั้นได้มาจากเด็กหนุ่มลึกลับในกระโจมเทพสวรรค์ เขาจึงสงสัยว่าทําไมซือหยูจึงครอบครองสมุนไพรสายฟ้าที่แก่หลายปีเหมือนกัน!

 

พลังที่บริสุทธิ์ที่สุดไหลเข้าสู่ตัวผู้เฒ่าจิ๋ว ผู้เฒ่าจิ๋วต้องเก็บความสงสัยเอาไว้เขาต้องเพ่งสมาธิกับเพิ่มพลังครั้งนี้

 

ซือหยูเคยพูดว่าจะช่วยผู้เฒ่าจิ๋วผ่านวิบัติอัสนี และเขาก็ทําตามสัญญาได้สําเร็จซื่อหยุตรวจดูเกราะสายฟ้าของตัวเองขณะที่ผู้เฒ่าจิ๋วบ่มเพาะพลัง

 

สมุรไพรสายฟ้าแปดสิบปีมีพลังพิเศษที่จะดูดซับสายฟ้าได้และสมุนไพรสายฟ้าของเขาในตอนนี้ก็มีสีทองของวิบัติอัสนีอยู่ด้วย

 

ถ้าเขาสัมผัสมันเบาๆ สายฟ้าสีทองจะแล่นออกมาสายฟ้านี้จะทําให้เขาเป็นเถ้าถ่านอย่างแน่นอน

 

“วิบัติอัสนีทองคําเป็นสายฟ้าที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ทวีปเฉินหลงมียอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่เต็มไปหมด ข้าจะต้องไม่ประมาท”

 

ซือหยูมีความสงสัยเมื่อได้เห็นฝ่ามือยักษ์ไร้ลักษณ์ที่สร้างวิบัติอัสนี

 

เขาคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในมหาสมุทร ในตอนที่เขาเลื่อนระดับเป็นผู้คุมสวรรค์ในตอนนั้นวิบัติอัสนีที่เขาเจอ ก็ถูกบางคนทําให้มันแข็งแกร่งขึ้นแต่โชคดีที่เขามีเกราะราชาศิลานิรันดร์ มันทําให้เขารอดมาได้

 

เมื่อเขาได้เห็นวิบัติอัสนี้อีกครั้ง เขาก็หยุดสงสัยไม่ได้ ว่าใครกันที่เข้ามาแทรกแทรงวิบัติอัสนีของเฉินหลง คนที่ทําจะต้องเป็นศัตรูของพวกเขาอย่างแน่นอน

 

และตอนนี้เขาได้เป็นกิ่งภูติที่มีแก้วสามดวง แล้วอีกไม่นานเขาจะต้องเจอวิบัติอัสนีเช่นกัน เขามั่นใจว่ามันจะต้องไม่ง่าย

 

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครอย่าคิดว่าจะขวางทางข้าได้”

 

ซือหยูเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความแน่วแน่

 

เข้าไปที่มุกวิญญาณเก้าหยก

 

“นายน้อย”

 

หวูอู๋ยี่บินมาต้อนรับเขาใบหน้าอันน่ารักของนางเปล่งประกายสดใส

 

ซือหยูเลิกคิ้วและมองดูนาง

 

“กึ่งภูติ,แก้วสามดวง?เจ้ากําลังจะเจอกับวิบัติอัสนี้ในไม่นานแล้ว”

 

เต๋าหนักเมฆาม่วงนางไม่เคยคิดว่าศิษย์นอกอย่างนางจะมีวัน

 

ได้กลายเป็นภูติ

 

“นายน้อย ทั้งหมดต้องขอบคุณท่าน”

หวยพูดแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา

 

ซือหยูยิ้มและถาม

 

“ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์เป็นอย่างไรบ้าง?”

 

สีหน้าของนางดูยินดีเมื่อถูกถาม

 

“มันยาวสิบสามนิ้วแล้ว! ครั้งที่แล้วที่ท่านเห็นมันยาวแค่นิ้วเดียวแต่พอต้นมันเติบโต มันก็จะยาวเป็นสิบศอก! ข้าเชื่อว่ามันจะโตเร็วพอถึงตอนนั้นท่านจะได้ไผ่เทวะอันดับหนึ่งของจิวโจวมาครอง”

 

ว้าว! ซื่อหยุตื่นเต้นอย่างมาก

 

“อืม พอเจ้าปลูกพวกนี้แล้ว เราจะเก็บเกี่ยวมันในอีกไม่ถึงเดือน”

 

ซือหยูหยิบเอาขวดหยกที่มีเมล็ดสีขาวอัดแน่นอยู่ภายในมันสวยงามไม่ต่างจากเกล็ดหิมะ

 

หวูอู่ยี่ตกใจเมื่อมองมัน หลังจากที่จ้องมองมันอยู่นานนางเบิกตากว้างนางเอามือปิดปากด้วยความตกใจ

 

“พวกนี้คือเมล็ดม้าเมฆาในตํานานรึ?มันหายากมาก แม้จะเป็นที่จิวโจวของแบบนี้จะมีอยู่ในภูเขาภูติเท่านั้น”

 

นางถาม

 

“ท่านไปเอาเมล็ดมากมายขนาดนี้มาจากไหนกัน?”

 

ซือหยูยิ้ม

 

“ปลูกมันแล้วดูแลให้ดี ตอนมันโต ข้าจะให้เจ้าหนึ่งต้นมันจะทําให้เจ้าได้กลายเป็นภูติ”

 

หวูอู๋ยี่เบิกบานใจยิ่งนัก แม้ช่องว่างระหว่างภูติกับกิ่งภูติจะน้อยแต่มันก็ต้องใช้พลังมหาศาลในการก้าวข้าม

 

แต่ม้าเมฆาเป็นของวิเศษที่จะกําจัดสิ่งกีดขวางเหล่านั้นเรื่องที่ไม่คาดคิดทําให้นางดีใจเป็นอย่างมาก

 

เพียงเวลาไม่นาน นางจะได้กลายเป็นภูติจากกิ่งภูติที่มีแก้วแค่ดวงเดียวนางเพิ่มพลังอย่างง่ายดาย เพราะสิ่งที่ได้รับจากซือหยูสิ่งเหล่านี้เป็นสิทธิพิเศษที่ศิษย์ในของตําหนักเมฆาม่วงเท่านั้นที่จะได้รับ

 

ซือหยูยิ้มเบาๆและหยิบขวดหยกให้นาง ก่อนจะไปที่หน้ามุกบาดาลเขาใช้ทรายดาราทางช้างเผือก เพื่อลบโลหิตของจักรพรรดิโลกปีศาจออกไป เขาลบโลหิตของจักรพรรดิปีศาจออกมาได้หนึ่งในสามแล้วเขาเริ่มที่จะควบคุมมันได้เล็กน้อย

 

เขารู้สึกว่ามุกที่เขามิอาจถือได้เริ่มเบาขึ้นและมันได้หลอมรวมกับลําดับห้าธาตุ มันคงจะง่ายกว่าที่เขาจะควบคุมในครั้งต่อไป

 

เขาตรวจดูมันจบและหันไปหาหรูอี้ยเขาหยิบเม็ดมุกสีเงินออกมา

 

“เจ้ารู้จักสิ่งนี้หรือไม่?”

 

หวอู่ยี่อ่านตํารามามากมายในตอนที่อยู่ตําหนักเมฆาม่วงดังนั้นนางจึงมีความรู้ในหลายๆเรื่องอย่างกว้างขวางนางค่อนข้างตกใจเมื่อได้เห็นสิ่งที่ซือหยูยื่นให้ดู

 

“มุกเงินเลี่ยงสายฟ้ารี? ไม่สิ มันดูเหมือนจะเป็นขั้นต้นมากกว่า”

 

นางรู้จักมัน!

 

“เจ้ารู้วิธีทําให้มันใช้งานได้หรือไม่?

 

ซือหยูถาม

 

หวอู่ยี่ส่ายหน้า แต่ผ่านไปครู่หนึ่งนางก็พยักหน้า

 

“มันมีอยู่ทางหนึ่ง แต่ไม่มีใครเคยทํามันมาก่อนเหตุที่มันยังเป็นแค่ขั้นต้น ก็เพราะมันขาดคุณสมบัติวิญญาณจากธรรมชาติ ถ้าท่านอยากจะให้มันพัฒนา ท่านต้องอัดคุณสมบัติวิญญาณลงไป ทางเดียวที่จะทําได้ก็คือการหลอมมันเข้ากับเศษสมบัติภูติมีทางเดียวเท่านั้น”

 

ซื่อหยุรู้สึกไม่ดีนัก เพราะเขามีแค่ต้นแบบสมบัติภูติ เขาไม่รู้ว่าจะหาเศษสมบัติภูติมาจากที่ใด ดูเหมือนว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้คนธรรมดาจะต้องไม่ใช่เศษสมบัติภูติเพียงแค่อัดลงไปในมุกเงินเลี่ยงสายฟ้าแน่

 

เขายิ้มอย่างขมขื่น ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีหวังในการได้เนตรเงินล้างอสูรเขาคงจะต้องใช้ชีวิตดั่งคนตาบอดไปตลอดกาล

 

“ขอบคุณเจ้ามาก ตอนนี้เจ้าดูแลสวนต่อไปก็พอ”

 

ซือหยูกลับไปยังโลกภายนอก

 

เมื่อกลับไป ซื่อหยูพบว่าผู้เฒ่าจิ๋วยังไม่ลืมตาซื่อหยูบ่มเพาะพลังข้างๆเขาและมองดูเขาด้วย

 

ผ่านไปนาน ซือหยูลืมตาขึ้นและมีแสงจ้าส่องออกมา พลังวิญญาณไร้ลักษณ์ทําให้เกิดคลื่นพลังมากมายลอยอยู่กลางอากาศ มันกระจายไปยังพื้นที่รอบๆเหล่าสิงสาราสัตว์ที่สัมผัสพลังได้ตัวสั่นด้วยความกลัว

 

“ขั้นคุมวิญญาณของโอรสสวรรค์จ้องนภามันแข็งแกร่งจริงๆ”

 

ดวงตาซื่อหยูเต็มไปด้วยความพอใจ

 

โอรสสวรรค์ต้องนภาขั้นแรกคือการเปลี่ยนแปลงวิญญาณมันจะเพิ่มพลังวิญญาณขึ้นมาให้เหนือกว่าคนทั่วไป ขั้นที่สองคือการควบคุมวิญญาณมันจะทําให้เขาควบคุมวิญญาณของคนอื่นได้

 

แต่เงื่อนไขแรกคือเป้าหมายจะต้องไม่ขัดขืน วิชานี้ยังทําให้เขาควบคุมศัตรูที่มีพลังเหนือกว่าเขาหนึ่งขอบเขต!

 

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ถ้าซือหยูได้เป็นภูติ เขาจะควบคุมจ้าวเทวะได้ความจริงข้อนี้น่าตกตะลึงและอัศจรรย์อย่างมาก!

 

วิชานี้ดุร้ายและยอดเยี่ยม แต่ซือหยูยังไม่พบเจอศัตรูที่เหมาะสม เขาจึงไม่เคยใช้มันเลยสักครั้ง

 

ซื่อหยูบ่มเพาะพลังต่อไปครู่หนึ่ง เมื่อลําแสงพลังชีวิตที่ตกมาจากฟ้าลดน้อยลงตอนนั้นฐานพลังของผู้เฒ่าจิ๋วก็เริ่มมั่นคงแล้วอีกไม่นานเขาจะเลื่อนระดับพลังไปอีกขั้น

 

ซื่อหยูสงสัยว่าฐานพลังปัจจุบันของผู้เฒ่าจิ๋วคือขั้นใดแต่เขาก็ต้องเลิกคิ้วขณะที่คิดและมองไปยังทิศทางหนึ่งไกลออกไปเกือบ

 

“ออกมานะ!”

 

เขาตะโกน

 

ตอนนั้น ชายหนุ่มมือไพล่หลังยิมเบาๆและเดินออกมาจากต้นไม้ใหญ่

 

“เจ้าคือเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์? เจ้าดูอ่อนแอเกินไปจริงๆถ้าอย่างนั้น…”

 

เขายิ้มเบาๆ

 

ซือหยูเบิกตากว้าง เขาสัมผัสได้ถึงชายคนนี้ขณะที่เขามาใกล้เพียงเดียว เป็นไปได้ว่าเขาจะมีพลังในการซ่อนตัวที่ดี บอกได้เลยว่าพลังของเขาเหนือกว่าคนทั่วไป

 

“เด็กหนุ่ม เป็นภูติที่แข็งแกร่ง…เจ้าคือหกศักดิ์สิทธิ์ที่คอยมองดูทวีปเหนืออยู่สินะ?”

 

คนตรงหน้าเขาคือหกศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นภูติระดับสี่ หกศักดิ์สิทธิ์ตกใจที่ซื่อหยูเดาออก

 

“ก็ดีที่เจ้าจิตใจมั่นคง เจ้าเก็บอารมณ์ได้ดี เจ้าคงผ่านการต่อสู้มามากแต่เจ้าอ่อนแอกว่าที่ข่าวลือว่าไว้หลายเท่าตัวนัก ดูเหมือนเจ้าจะโชคดีสินะที่เอาชนะเซี่ยหวูมาได้”

 

ซือหยูยังคงรักษาความเยือกเย็นเอาไว้

 

“โชคงั้นรึ? บางทีอาจจะเป็นเช่นนั้นแต่เจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อพูดเรื่องอดีตของข้าสินะ…”

หกศักดิ์สิทธิ์ยิ้มเบาๆ

 

“ข้ามาที่นี่เพื่อที่จะประลองกับเจ้า แต่น่าเสียดายที่ข่าวลือเรื่องเจ้ามันผิดเพี้ยนข้าไม่คิดจะประลองแล้วล่ะ”

 

รอยยิ้มเบาๆของหกศักดิ์สิทธิ์ดูชั่วร้ายแปลกๆ

 

“แต่ข้าได้เห็นเรื่องน่าสนใจ จู่ๆก็มีคนกลายเป็นภูติระดับสี่โชคดีที่ข้ามาทันเวลา”

 

ภูติระดับสี่เป็นภัยใหญ่หลวงต่อทัพต่างโลก และถ้าเขามาเจอคนที่กําลังจะเป็นระดับสี่ เขาก็ต้องไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นแน่!

 

หกศักดิ์สิทธิ์ก้าวไปข้างหน้า เหนือไว้แต่เงาที่ติดตาซื่อหยูยากที่จะเห็นร่างจริงของเขา

 

“ภูติระดับสี่ปรากฏตัวในมดปลวกบ้านนอกอย่างพวกเจ้ารี? มันน่าตกใจแต่ก็น่าเสียดายที่มันเป็นแค่มดปลวกสําหรับข้า”

 

หกศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจอย่างเยือกเย็น เขาปรากฏตัวต่อหน้าผู้เฒ่าจิ๋วและบัดมือไปทางหน้าผากของเขา

 

เขาตั้งใจจะสังหารผู้เฒ่าจิ๋วในคราเดียว!

 

ไม้วิญญาณสีน้ําเงินปรากฏรอบตัวผู้เฒ่าจิ๋ว ดูเหมือนมันจะทํานายทิศทางของการโจมตีได้มันปรากฏขวางฝ่ามือของหกศักดิ์สิทธิ์!

 

บั้ง! บั้ง!

 

หกศักดิ์สิทธิ์ถอนหลังไปหลายก้าวด้วยความสับสน

 

“สมบัติวิญญาณระดับกลางรึ? พวกบ้านนอกอย่างเจ้ามีสมบัติแบบนี้ได้ยังไง?น่าตกใจจริงๆ”

 

“ยังมีเรื่องที่เจ้าต้องตกใจอีกนะ”

 

เสียงอันเยือกเย็นดังมาจากด้านหลัง แหสายฟ้าที่ทําจากวิบัติอัสนีเข้าล้อมตัวหกศักดิ์สิทธิ์

 

เขาตกใจอีกครั้ง

 

“สมบัติของว์เหิงตกมาอยู่ในมือเจ้า!”

 

เขาปล่อยพลังชีวิตออกมาระเบิดแหสายฟ้า

 

“แหสายฟ้าแบบนี้ทําอะไรข้าไม่ได้หรอก”

 

สายตาของเขาเยือกเย็นราวกับน้ําแข็ง

 

“ถ้าอยากตายนัก ข้าก็จะช่วยเจ้าเอง”

 

หกศักดิ์สิทธิ์เป็นภูติระดับสี่เช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้หวาดกลัววิบัติอัสนีนักดูจากเรื่องนี้ก็คงจะบอกได้ว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน

“อย่างนั้นรึ?”

 

ซือหยูยิ้มอย่างมีเลศนัย

 

หืม? หกศักดิ์สิทธิ์รู้สึกไม่ดี เขารีบถอย แต่เมื่อเขาขยับตัวก็มีกระบี่ทองสองเล่มที่ซ่อนไว้อย่างดีในแหสายฟ้าได้ปรากฏมาตรงหน้า

 

“สมบัติวิญญาณสองชิ้นรึ?”

 

หกศักดิ์สิทธิ์ตกใจอีกครั้ง แต่เขาก็หลบมันได้แบบเฉียดฉิว

 

เขาบิดตัวหลบกระบี่ทั้งสอง ความรู้สึกอันตรายที่ได้รับทําให้เขาเริ่มหนักใจ

 

ในตอนนั้นเอง เขาเริ่มที่จะมองซือหยูอย่างจริงจัง

 

“ไม่แปลกใจที่เชี่ยหวี่ตายเพราะเจ้า! เจ้ามีความสามารถจริงแต่มันจะจบตรงนี้แหล…”

 

แต่เขารู้สึกได้ถึงอะไรแปลกๆก่อนจะพูดจบ

 

“เจ้ายังซ่อนอะไรเอาไว้อีก?”

 

หกศักดิ์สิทธิ์เริ่มหนี

 

ฉั่วะ!

 

ความร้อนและความเจ็บปวดส่งผ่านมายังแขน โลหิตของเขากระจายออก กระบี่ทองอีกเล่มปรากฏที่ด้านหลังของเขาและแทงไปที่หัวใจ!

 

แต่เป็นเพราะเขารู้ตัวได้เร็วและบิดตัวไม่ให้กระบี่ถูกจุดตาย เขาต้องใช้แขนป้องกันมันเอาไว้ มันเฉือนชิ้นเนื้อที่แขนของเขาไปชิ้นใหญ่

 

“ไอ้เด็กโสโครก ข้าจะฆ่าเจ้า”

 

หกศักดิ์สิทธิ์หงุดหงิดอย่างมาก เด็กตรงหน้าเขานั้นเหลี่ยมจัดและเจ้าเล่ห์!แม้จะมีฐานพลังที่อ่อนแอ เขาก็ใช้สมบัติวิเศษสร้างความได้เปรียบขึ้นมา

 

ซือหยูยิ้มเบาๆ

 

“เจ้าจะฆ่าข้าไม่ใช่รึ?แต่เจ้าห่วงตัวเองก่อนจะดีกว่านะ”

 

เขาโบกมือเรียกกระบี่ที่ได้ลิ้มรสโลหิตของหกศักดิ์สิทธิ์กลับมา

 

“อ้ากก!”

 

หกศักดิ์สิทธิ์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขารู้สึกว่าร่างของเขากําลังจะระเบิด

 

“กระบี่เจ้ามีพิษ”

 

หกศักดิ์สิทธิ์ตกใจอย่างมาก

 

ความเข้มขนของพิษนั้นน่ากลัว มันขัดขวางการไหลเวียนของพลังชีวิต และกระจายไปทั่วร่างของเขาอย่างรวดเร็ว เนื้อหนังของเขาถูกทําลายและถ้าพิษแล่นถึงหัวใจเขาจะตายอย่างแน่นอน!

 

พี่บ!

 

หกศักดิ์สิทธิ์บินหนี เขารู้ตัวว่าจะต้องหาที่ปลอดภัยเพื่อกําจัดพิษมิเช่นนั้นเขาจะตกอยู่ในอันตราย

 

ซือหยูเพียงยืนอยู่ที่เดิมและไม่ไล่ตามเขาไป

 

“เจ้าไม่ไล่ตามไปหรอก”

 

แม้ผู้เฒ่าจิ๋วจะกําลังเพิ่มพลังเขาก็รู้สถานการณ์รอบๆเขาส่งโทรจิตให้ซือหยู

 

ซือหยูมองไปยังหกศักดิ์สิทธิ์และยิ้มอย่างชั่วร้ายที่มุมปาก

 

“ก็เพราะข้าอยากจะเตรียมของขวัญดีๆให้ห้าศักดิ์สิทธิ์ยังไงล่ะ…”