ตอนที่ 548 ความใจดำของเฉินปี้ / ตอนที่ 549 เช่นนั้นพวกเราก็ตายด้วยกัน

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 548 ความใจดำของเฉินปี้ 

 

 

หน้าท้องของลู่ซูหว่านยังคงแบนราบ ร่างกายสวมชุดผ้าหยาบๆ บนศีรษะแค่ปักปิ่นเงินเรียบๆ ใบหน้าไม่ประแป้ง ผิวของนางขาวผ่อง เพื่อไม่ให้ดึงดูดสายตา จึงจงใจทาหน้าให้ดำลงหน่อย ดูมอมแมมไปทั้งหน้าผม ดูแล้วเหมือนหญิงชาวนาธรรมดาคนหนึ่ง 

 

 

นางไปที่จวนเว่ยอ๋องก่อน ใครจะรู้ว่าที่จวนเว่ยอ๋องจะมีกระดาษปิดทับไว้ ซ้ำยังมีคนเฝ้าอยู่ นางเข้าไปไม่ได้เลย ดังนั้นจึงคิดว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากเฉินปี้ 

 

 

เมื่อก่อนสองคนนี้เหมือนเป็นพี่น้องกัน ตอนนี้มีเพียงเฉินปี้คนเดียวที่สามารถช่วยได้ นางเดินก้าวเร็วๆ ไปยังจวนอู๋อ๋อง เพราะไม่รู้ว่าเฉินปี้จะออกจากจวนเมื่อไหร่ ได้แต่คอยเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆ 

 

 

รอไปครึ่งค่อนวัน ตอนบ่ายนี้เอง ในที่สุดลู่ซูหว่านก็รอจนเฉินปี้ออกจากจวนได้ เฉินปี้คิดจะกลับไปจวนตระกูลเฉิน ซูฮว่าประคองนาง กำลังเตรียมจะขึ้นรถม้า ลู่ซูหว่านก็ถือโอกาสโผล่เข้าไป คว้าหมับเข้าที่แขนของเฉินปี้ 

 

 

“ปี้เอ๋อร์ ข้าเอง” 

 

 

เฉินปี้นึกไม่ถึงว่าจะเป็นลู่ซูหว่าน นึกไม่ถึงว่านางยังมีชีวิตอยู่ เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของผู้อื่น เฉินปี้จึงพาลู่ซูหว่านขึ้นรถม้าอย่างใจเย็น เห็นลู่ซูหว่านมอมแมมไปทั้งตัว นางก็สะกดกั้นความสงสัยเอาไว้ ถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง 

 

 

“พี่สาว เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” 

 

 

“เรื่องมันยาว ปี้เอ๋อร์ ข้าอยากกลับจวนเว่ยอ๋อง ตอนนี้มีแต่เจ้าเท่านั้นที่ช่วยข้าได้” 

 

 

“ถึงตอนนี้แล้วพี่ยังไปที่จวนเว่ยอ๋องเพื่ออะไร” 

 

 

ลู่ซูหว่านไม่ได้พูดความจริงกับเฉินปี้ ถึงแม้จะเป็นเฉินปี้ที่สนิทกับนางราวกับพี่น้องแท้ๆ ตั้งแต่เด็ก นางก็ไม่มีทางจะไว้ใจได้ทุกอย่าง เดิมทีนางเป็นคนระวังตัวอยู่แล้ว จึงได้แต่พูดไปอย่างคลุมเครือ 

 

 

“ของขวัญวันเกิดที่เมื่อก่อนท่านอ๋องมอบให้ข้า ข้าทิ้งไว้ในจวนเว่ยอ๋อง ตอนนี้ท่านอ๋องไม่อยู่แล้ว ก็ถือว่าเป็นของที่ระลึกให้กับตัวเอง ปี้เอ๋อร์ เจ้าช่วยข้าหน่อยสิ” 

 

 

ลู่ซูหว่านพูดพลางจับมือเฉินปี้ น้ำเสียงค่อนข้างร้อนใจ เห็นมือลู่ซูหว่านสกปรกมอมแมม เฉินปี้ก็รังเกียจ แอบชักมือออกเงียบๆ 

 

 

ตอนนี้จวนเว่ยอ๋องถูกทำลายแล้ว หลายวันมานี้นางหลีกเลี่ยงความสงสัย ไม่กล้าออกมาข้างนอกตามอำเภอใจ หากมีใครเห็นนางติดต่อกับลู่ซูหว่าน นางก็มีแต่จะพลอยเดือดร้อน ตอนนี้ลู่ซูหว่านหมดประโยชน์สำหรับนางแล้ว 

 

 

สุดท้ายเฉินปี้ก็ยังต้องการรักษาหน้า ถึงแม้ในใจจะคิดอย่างนี้ แต่ใบหน้าไม่ได้แสดงออกใดๆ ทำหน้าลำบากใจ 

 

 

“พี่สาว ไม่ใช่ข้าไม่อยากช่วยเจ้า เพียงแต่ข้อหาของท่านเว่ยอ๋องคือก่อกบฏ ประตูจวนเว่ยอ๋องยังมีทหารยามเฝ้าอยู่ ผู้หญิงอ่อนแอคนเดียวอย่างข้า จะพาพี่สาวเข้าไปได้อย่างไร พี่สาวก็รีบไปเสียเถิด ตอนนี้รักษาชีวิตรอดสำคัญที่สุด เดี๋ยวคนอื่นจะสังเกตเห็นเข้า” 

 

 

ลู่ซูหว่านเข้าใจความหมายของเฉินปี้ นางไม่ยินดีช่วย จวนเว่ยอ๋องมีทหารยามเฝ้าก็จริง แต่มีทหารยามเพียงสองคนเท่านั้น สองคนนั้นเอาแต่พูดคุยเล่นตลอดเวลา แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ทหารที่ถูกคัดสรรมา แค่รับงานมาเท่านั้น 

 

 

ในเมื่อจวนเว่ยอ๋องถูกรื้อค้นหมดแล้ว และไม่มีสิ่งของมีค่าอะไร คนเฝ้าประตูก็แค่ทำตามกิจวัตรประจำวันเท่านั้น หากเฉินปี้ยินดีช่วย ก็เข้าไปได้ง่ายๆ 

 

 

ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองช่างน่าขัน ที่เรียกว่าความสัมพันธ์ลึกซึ้งดั่งพี่น้องนั้นเพียงเพราะเมื่อก่อนนางเป็นพระชายาเว่ยอ๋อง ตอนนี้ต้องหลบนางแทบไม่ทัน จะมาช่วยนางได้อย่างไร เหตุผลพื้นๆ แค่นี้ นึกไม่ถึงว่าตนเองจะไม่เข้าใจ ยังตาลีตาเหลือกวิ่งมาขอความช่วยเหลือจากเฉินปี้อีก 

 

 

เห็นลู่ซูหว่านยกมุมปากเหยียดเป็นรอยยิ้มเย็นชา เฉินปี้ก็เสแสร้งต่อไป 

 

 

“พี่สาว ข้ามีใจช่วยแต่ไม่มีกำลังจริงๆ นะเจ้าคะ หากพี่สาวใช้ชีวิตลำบาก ข้าให้เงินพี่ไปใช้ก็ได้นะ” 

 

 

“เมื่อก่อนเจ้าเอาของดีๆ ของข้าไปไม่น้อยมิใช่หรือ เฉินปี้ เจ้ากลัวตัวเองจะเดือดร้อนก็บอกมาตรงๆ ไม่ต้องมาพูดว่าช่วยไม่ได้ ความช่วยเหลือนี้สำหรับเจ้ามันง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ ในเมื่อพระชายาอู๋อ๋องไม่ยินดีช่วย วันนี้ก็ถือเสียว่าข้าไม่เคยมาแล้วกัน” 

 

 

พูดจบลู่ซูหว่านก็ให้รถม้าจอด เตรียมจะลงจากรถม้า 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 549 เช่นนั้นพวกเราก็ตายด้วยกัน 

 

 

เพียงแต่รถม้าไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ลู่ซูหว่านปราดมองเฉินปี้แวบหนึ่งอย่างเย็นชา 

 

 

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ไม่กลัวข้าทำให้เจ้าเดือดร้อนหรือ” 

 

 

“ข้าแค่อยากรู้ว่าเจ้าจะไปเอาอะไรที่จวนเว่ยอ๋อง 

 

 

หากเป็นของขวัญที่ท่านเว่ยอ๋องมอบให้เจ้าจริง เจ้าไม่มีทางมาเอาหรอก สิ่งที่เขาให้เจ้าต้องเป็นเครื่องประดับอยู่แล้ว เจ้าไม่เคยให้ความสำคัญกับของเหล่านี้ เจ้าจะเสี่ยงชีวิตมาเพื่อเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ อย่างนั้นหรือ 

 

 

กว่าจะเอาชีวิตรอดออกมาไม่ง่าย เกรงว่าอยากจะไปจากเมืองหลวงไม่กลับมาอีกเสียมากกว่า พี่สาว ข้ากับเจ้ารู้จักกันมาตั้งหลายปี ข้าเข้าใจนิสัยของเจ้าดี” 

 

 

ลู่ซูหว่านนึกไม่ถึงว่าเฉินปี้ยังมีความคิดเช่นนี้ เฉินปี้ที่อยู่ตรงหน้านางเป็นคนอ่อนโยนไม่มีพิษสงมาตลอด 

 

 

นางเองก็ชอบน้องสาวคนนี้ สองคนสนิทกันตั้งแต่เด็ก ตอนนี้นางเพิ่งจะได้เห็นธาตุแท้ของเฉินปี้ชัดๆ เสียทีที่นางคิดว่าตัวเองเป็นคนฉลาดล้ำกว่าผู้อื่น ปรากฏว่าแม้แต่เฉินปี้คนเดียวก็ดูไม่ออก 

 

 

“เจ้าจะเข้าใจข้าได้เท่าไรเชียว ที่ข้าต้องการก็คือเครื่องประดับ หากเจ้าไม่เชื่อ เจ้าก็เข้าไปกับข้าสิ” 

 

 

อย่างไรก็เป็นพระชายามาหลายปี ลู่ซูหว่านจึงนิ่งมาก ไม่ตระหนกแม้แต่น้อย อย่างไรในจวนเว่ยอ๋องก็ยังมีเครื่องประดับ หลอกเฉินปี้ไม่ยาก 

 

 

“พี่สาว ไม่ว่าเจ้าจะไปเอาของอะไร ก็มิได้มีประโยชน์กับข้ามากนัก 

 

 

ให้ข้าเดาดีกว่าว่าเจ้าหนีรอดไปได้อย่างไร ข้าได้ยินว่าท่านเว่ยอ๋องยืนกรานว่ามิได้สมรู้ร่วมคิดกับหลิงจื่อเฉิง ทำให้หลิงจื่อเฉิงยังมีชีวิตรอดกลับไปจวนมหาเสนาบดีได้ 

 

 

หากเดาไม่ผิด เจ้าออกจากคุกใหญ่มาได้เพราะอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ปล่อยออกมา ใช้สิ่งนี้แลกกับชีวิตของหลิงจื่อเฉิง พี่สาวลูกพี่ลูกน้องของข้า ข้าเดาถูกใช่หรือไม่” 

 

 

ลู่ซูหว่านรู้ว่าเฉินปี้ก็เป็นคนฉลาด ในเมื่อนางเดาถูก ตนเองก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องปฏิเสธ จึงถามตามตรง 

 

 

“เจ้าคิดจะทำอะไร” 

 

 

“ในเมื่อเป็นผลงานชิ้นเอกของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ข้าก็ต้องส่งเจ้ากลับเข้าวังไป เจ้าว่าหากไทเฮาเห็นเจ้าแล้วจะเป็นอย่างไร เรื่องที่ข้าคิดได้ เหตุใดไทเฮาจะคิดไม่ได้” 

 

 

เสียงของเฉินปี้อ่อนโยนมาก แม้แต่ใบหน้าก็ยังมีรอยยิ้ม มีนางกับซูฮว่าอยู่ ลู่ซูหว่านหนีไม่พ้นแน่ นี่เป็นรางวัลที่เหนือความคาดหมาย เดิมทีก็จิตใจหดหู่อยู่แล้ว คิดจะกลับจวนไปพักสักวันสองวัน นึกไม่ถึงว่าเพิ่งออกจากเรือนมา ก็พบลู่ซูหว่านเข้า 

 

 

หากส่งตัวลู่ซูหว่านให้ไทเฮา ลู่ซูหว่านก็หนีรอดยาก ไทเฮาจะต้องไม่ปล่อยโอกาสนี้หลุดไปเป็นแน่ ตอนนี้ความสัมพันธ์ของนางกับเซียวเหยี่ยนยังละเอียดอ่อนมาก นางต้องไม่ชอบหลิงอวี้จื้อแน่นอน 

 

 

ลู่ซูหว่านนึกไม่ถึงว่าเฉินปี้ไม่สนใจมิตรภาพความเป็นพี่น้องเมื่อก่อนเลยสักนิด นึกไม่ถึงว่าจะส่งนางให้ไทเฮา ตอนนี้นางเสียใจอย่างยิ่ง หากรู้ก่อนว่าจะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะไม่มาหาเฉินปี้ 

 

 

หากนางตกอยู่ในมือมู่หรงกวานเย่ว์ เช่นนั้นนางจะต้องตายแน่ๆ นางไม่กลัวตาย แต่ลูกจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นี่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวของจวนเว่ยอ๋อง เป็นลูกที่นางพร่ำวอนขอมาอย่างยากลำบาก 

 

 

คิดถึงตรงนี้ ลู่ซูหว่านก็บังคับให้ตัวเองใจเย็นลง จู่ๆ นางก็โถมเข้าใส่เฉินปี้ 

 

 

การกระทำนี้เกิดขึ้นกะทันหัน เฉินปี้ไม่คิดว่าลู๋ซูหว่านจะกระทำเช่นนี้ ลู่ซู่หว่านดึงปิ่นเงินออกจากผมอย่างรวดเร็ว จี้ที่คอของเฉินปี้ 

 

 

“อย่างนั้นก็ดี เช่นนั้นพวกเราก็ตายไปด้วยกัน” 

 

 

ซูฮว่าตกใจสุดขีด 

 

 

“ปล่อยพระชายาเดี๋ยวนี้นะ” 

 

 

ลู่ซู่หว่านไม่ได้จะเอาชีวิตเฉินปี้อยู่แล้ว นางอยากออกไปจากที่นี่ หากเฉินปี้ตาย นางก็ตายด้วย นางไม่อยากตายไปพร้อมกับเฉินปี้ นางออกคำสั่งด้วยสีหน้าเย็นชา 

 

 

“ให้รถม้าจอด” 

 

 

เฉินปี้ไม่รู้ว่าลู่ซูหว่านมีครรภ์ และไม่กล้าหาเรื่องลู่ซูหว่าน อย่างไรชีวิตของนางก็สำคัญกว่าชีวิตของลู่ซูหว่านมาก ตอนนี้ลู่ซูหว่านมีแต่หนทางที่สิ้นหวัง นางแอบหงุดหงิดอยู่ในใจ เป็นนางเองที่ดูถูกอีกฝ่ายเกินไป หลงคิดไปว่าลู่ซูหว่านไม่มีทางต่อต้านได้