บทที่ 451
การเข้าร่วมงานประมูลยาที่สำนักเขา จำเป็นต้องลงทะเบียนยืนยันตัวตนของผู้มาเยือน

หลัวซิวก็ได้เลือกที่จะสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่เจ้าหน้าที่ความรับผิดชอบของไท่เสวียน สถานะที่เขาใช้ยืนยันนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นสถานะของเจ้าอาจารย์แห่งสำนักไท่เสวียน

ผู้รับผิดชอบการลงทะเบียนผู้มาเยือนนั้น คือผู้อาวุโสนอกสำนักที่มีผลการฝึกตนแดนฝึกจิตแห่งสำนักไม้เสวียนคนหนึ่ง เจ้าอาจารย์แห่งสำหนักหนึ่งมาเยือนด้วยตนเอง ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“เจ้าอาจารย์หลัวแห่งสำนักไท่เสวียนมาถึงแล้ว!”

ผู้อาวุโสนอกสำนักตระโกนเสียงสูงแหลม เสียงนั้นกระจายไปทั่วทั้งพื้นที่เขาไม้เสวียน

“เจ้าอาจารย์หลัว?”

บนเขาไม้เสวียน รวมถึงศิษย์ของสำนักไม้เสวียน และเหล่าบรรดาคนที่เข้ามาร่วมงานประมูลยาจากทุกกองกำลัง ทุกคนต่างก็ถูกเสียงดังแหลมนี้ดึงดูดความสนใจ

สำนักไม้เสวียนจัดงานงานประมูลยาร้อยปี แม้ว่าจะดึงดูดนักยุทธ์มากมายและคนจากกองกำลังต่าง ๆ ให้มาเข้าร่วม แต่กลับมีน้อยมากที่เจ้าสำนักจะมาร่วมงานด้วยตนเองเช่นนี้

ต่อให้จำเป็นต้องซื้อสมบัติยาบางอย่าง แต่ต่างก็มักจะส่งศิษย์ในสำนักมาแทน อย่างมากก็เพียงแค่ระดับผู้อาวุโสไท่เสวียน

“เจ้าอาจารย์หลัวคนนี้เป็นใครกันแน่?”

สายตาทุกคู่หันไปมอง และเมื่อสังเกตเห็นเจ้าอาจารย์หลัวที่ว่า ปรากฏว่าเป็นชายหนุ่มที่มีอายุราว ๆ ยี่สิบปี สีหน้าของทุกคนก็พลันเปลี่ยนไปในทันใด

ในโลกฝึกยุทธ์นี้ ถึงแม้จะมีวิชาคงความเยาว์วัย แต่วิชาเหล่านั้นโดยทั่วไปแล้วจะพบได้ยาก อายุยิ่งน้อยมากเพียงใด โดยปกติแล้วผลการฝึกตนจะไม่สูงนัก

ที่เทือกเขาเหิงหยุนในยุคนี้ อายุราว ๆ ยี่สิบปี ต่อให้อาศัยอยู่ใจกลางแดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่ ระดับที่สูงที่สุดก็มีเพียงผลการฝึกตนระดับราชายุทธ์

แต่ชายผู้นี้กลับเป็นถึงเจ้าอาจารย์ของสำนักหนึ่ง ต้องไม่ใช่ศิษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์หยุนไห่แน่นอน

“ผลการฝึกตนระดับราชายุทธ์?”

ในเวลานี้เอง ก็มีคนสังเกตเห็นถึงลมปราณผลการฝึกตนบนตัวของหลัวซิว ต่างก็พากันมุ่ยปาก เหมือนกำลังเหยียดหยาม

ที่โลกแสงดาวนี้ ผลการฝึกตนระดับราชายุทธ์ ถึงแม้จะสามารถก่อพรรคตั้งสำนัก แต่มันก็มีระดับที่ชัดเจนเช่นกัน

ผู้นำสำนักเหมือนกัน โดยทั่วไปผลการฝึกตนระดับที่บรรลุถึงแดนราชายุทธ์และแดนจักรพรรดิยุทธ์ ต่างก็ได้รับฉายานามว่า ‘เจ้าสำนัก’ ผู้แข็งแกร่งแห่งแดนมกุฎยุทธ์และมหายุทธ์ผลการฝึกตนถึงจะมีคุณสมบัติใช้ฉายานามว่า ‘เจ้าสำนัก(พรรค)’

ส่วนฉายานาม‘เจ้าอาจารย์’นั้น เป็นคำยกยอสำหรับผู้แข็งแกร่งระดับเจ้ายุทธจักรโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้กับผู้ที่มีผลการฝึกตนระดับแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เป็นอย่างต่ำ จะได้รับฉายานามว่า ‘เทพศักดิ์สิทธิ์’

หลัวซิวไม่รู้อะไรพวกนี้ ดังนั้นตอนที่ลงชื่อนั้น จึงใช้ชื่อว่า ‘เจ้าอาจารย์สำนักไท่เสวียน’

ผู้อาวุโสนอกสำนักที่รับผิดชอบดูแลการลงทะเบียน มีผลการฝึกตนต่ำเกินไปจึงไม่สามารถเข้าใจกฎพวกนี้ได้ ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายบอกว่าตัวเองคือเจ้าอาจารย์ ก็ประกาศออกไปโดยทันที

“ศิษย์พี่หลัว ก่อพรรคตั้งสำนักแล้วหรือนี่?”

นักยุทธ์หนุ่มหลายคนที่เดินทางมาทางเดียวกันนั้นต่างก็แสดงสีหน้าประหลาดใจพร้อมมองไปทางหลัวซิว

ถึงจะบอกว่าผลการฝึกตนระดับราชายุทธ์จะสามารถก่อพรรคตั้งสำนักได้ แต่โดยทั่วไปคนที่มีพรสวรรค์โดดเด่นนั้น ต่างก็ไม่เลือกการกระทำเช่นนั้น แต่จะเลือกเข้าร่วมกับพวกกองกำลังใหญ่ ๆ เสียเป็นส่วนใหญ่ เพลิดเพลินกับเงื่อนไขการฝึกตนที่เหนือกว่า เพื่อปรับปรุงความแข็งแกร่งของผลการฝึกตนของตัวเอง

โดยทั่วไปมีเพียงเมื่อผลการฝึกตนถึงขีดจำกัด เป็นการยากที่จะพัฒนาต่อไปได้ถึงจะเลือกก่อพรรคตั้งสำนัก หรือสร้างตระกูลใหม่ขึ้นมา

แต่หลัวซิวนั้น ยังเยาว์วัยนัก มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าอายุประมาณยี่สิบ เยาว์วัยถึงขนาดนั้นกลับฝึกตนถึงระดับแดนราชายุทธ์ ยังสามารถขุดศักยภาพได้อีกมากในอนาคต หากก่อพรรคตั้งสำนักในเวลานี้ มันดูไม่ค่อยเหมาะสมเสียเท่าไร

ไม่ว่าอย่างไรสำนักนั้นมีเรื่องให้ต้องจัดการมากมาย เป็นเรื่องง่ายที่จะถ่วงการเพ็ญตนให้ล่าช้า

“สำนักที่ว่านั้นอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์ใดหรือ?” มีคนถามพร้อมเสียงหัวเราะ

สำหรับคำถามของคนเหล่านี้ หลัวซิวก็ตอบพวกเขาอย่างสุภาพอย่างไรก็ตาม เขาก็ยังสังเกตเห็นว่าหลายคนมองดูเขาด้วยสายตาท่าทางแปลก ๆ ราวกับกำลังเย้ยหยัน และดูถูกเหยียดหยามอยู่ในที

ราชายุทธ์คนหนึ่งก่อตั้งสำนัก ในโลกแสงดาวถือว่าเป็นกองกำลังเล็ก ๆ ที่ไม่ได้รับความนิยมเท่านั้น คนที่มางานประมูลยาร้อยปี ส่วนมากเป็นจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่ง อยู่ในสถานะผู้บัญชาการของกองกำลังเป็นอย่างต่ำ แน่นอนว่า เจ้าสำนักระดับราชายุทธ์เช่นเขาไม่ได้อยู่ในสายตา

“ศิษย์พี่หลัว ต่อไปเวลาอยู่ต่อหน้าคนนอกอย่าได้เรียกตนเองว่าเจ้าอาจารย์” หลินจื่อเฟิงพุ่งขึ้นมาด้านหน้า กระซิบกับหลัวซิวเบา ๆ

“อ้อ? มีอะไรไม่ถูกต้องหรือ?” หลัวซิวถามด้วยความสงสัย