บทที่ 3 บทที่ 3 ตอนที่ 25 ผู้รับผิด

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บทที่ 25 ผู้รับผิด โดย Ink Stone_Fantasy

 

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”

มั่วมั่วขมวดคิ้ว มองดูรอบๆ บ้านพักตากอากาศ ก็เห็นรอบๆ บ้านพักตากอากาศมีคนเฝ้าอยู่

แถมยังไม่ใช่คนธรรมดาด้วย แต่เป็นคนที่รับเงินเดือนจากรัฐบาล

มั่วมั่วเริ่มลังเลเล็กน้อย

คนที่กินเงินเดือนรัฐบาลแบบนี้ โดยพื้นฐานแล้วเป็นประเภทที่นักพรตอย่างเขาไม่ชอบคบค้าด้วยเป็นที่สุด เพราะไปยุ่งกับเจ้าพวกนี้ทีไร มักจะเกิดการกระทบกระทั่งกับอุดมการณ์ของประเทศนี้ตามมาอยู่เสมอ

สำหรับนักพรตแล้ว หากเข้าไปเกี่ยวข้องกับอุดมการณ์ของชาติ ก็เท่ากับเป็นกรรมที่ตามติดพัวพันแน่น

ดังนั้นข้อห้ามที่มีอยู่อย่างลับๆ ในสังคมนักพรตเต๋ายุคปัจจุบันก็คือหากเลี่ยงได้ก็ให้เลี่ยงพวกกินเงินเดือนรัฐบาลแบบนี้

ปรมาจารย์หนุ่มลังเลใจ แต่หลัวอ้ายอวี้ที่อยู่ข้างๆ กลับไม่คิดเช่นนั้น ถ้าเทียบกันแล้วคนที่ไม่รู้ที่มาที่ไปที่อยู่ข้างๆ คนนี้ ถึงแม้เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตไว้เมื่อครู่ เธอก็ยังยินดีจะเชื่อพวกตำรวจที่กินเงินเดือนรัฐบาลพวกนี้มากกว่าเสียอีก

ถึงแม้เธอไม่รู้ว่าตำรวจพวกนี้มาจากที่ไหน แต่ในเมื่อเป็นตำรวจ ความปลอดภัยของเธอก็มีหลักประกันแล้ว

ไม่พูดเอะอะอะไรทั้งสิ้น หลัวอ้ายอวี้วิ่งออกมาจากที่ซ่อนตัวเลย วิ่งมุ่งหน้าไปยังตำรวจนายหนึ่งที่อยู่ด้านหนึ่งของบ้านพักตากอากาศ แถมตะโกนเสียงดัง “คุณตำรวจ! ช่วยด้วยค่ะ! คุณตำรวจ! ช่วยด้วยค่ะ!”

พอมั่วมั่วเห็น แม้ว่าเขาจะมองข้ามชีวิตชาวบ้านในหมู่บ้านหลี่ว์ไปไม่ได้ แต่ปรมาจารย์หนุ่มแห่งเขาพยัคฆ์มังกรกลับเกลียดผู้หญิงคนนี้เอาเสียจริงๆ

มั่วมั่วมองหลัวอ้ายอวี้พูดอะไรกับตำรวจคนนั้น เขาคิดตัดสินใจอยู่เงียบๆ แล้วอ้อมผ่านทั้งสองคน วกกลับไปที่กำแพงอย่างสบายๆ แล้วลอบเข้าไปในบ้านพักตากอากาศ

ครั้งนี้เขาไม่บุ่มบ่ามแล้ว เขาแค่อยากรู้ให้ชัดเจนว่าเรื่องในหมู่บ้านหลี่ว์กับรุ่นพี่ผุ้ลึกลับคนนั้นเกี่ยวข้องกันอย่างไรกันแน่

ถ้าพูดกันแบบตรงๆ น่าจะไม่มีเรื่องอะไรมั้ง…คิดว่า

ในที่สุดสาวน้อยก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เฮือกหนึ่ง ไม่พูดเรื่องดอกดาวสีฟ้าแล้ว แต่พูดเรื่องที่ควรพูดแต่แรก “ฉันไม่รู้ว่าคุณหนีออกมายังไง…แต่นี่เป็นเรื่องของฉัน ฉันไม่ชอบให้ใครยื่นมือเข้ามายุ่ง ไม่ว่าคุณมีแผนอะไรก็ตาม”

ลั่วชิวชักมือกลับมาพร้อมกับดอกดาวสีฟ้า “รับปากช่วยใครไว้ ต้องรักษาสัญญา”

หลี่ว์อีอวิ๋นนิ่งอึ้ง ความรู้สึกไม่แน่ใจในแววตาเธอยิ่งเข้มข้นขึ้น

สาวน้อยพิจารณาอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง เธอไม่รู้ว่าทำไมคนนี้ถึงไม่บอกเรื่องที่เธอชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดนี้กับตำรวจ

ดูจากท่าทางแล้ว พวกลั่วชิวน่าจะสนิทกับตำรวจพวกนั้น และไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบผิวเผิน แต่เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจปิดบัง

“ใคร? ใครให้คุณมาช่วยฉัน?”

“ขอเพียงคุณรู้และเชื่อมั่นว่าผมมาช่วยคุณก็พอแล้ว” ลั่วชิวส่ายหน้าตอบ “บอกผมเถอะ นอกจากทำให้คนในหมู่บ้านทั้งหมดติดโรค คุณยังคิดจะทำอะไรอีก”

สีหน้าหลี่ว์อีอวิ๋นเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดเสียงหลง “คุณนี่เอง…คุณนี่เองที่ทำให้คนทั้งหมู่บ้านติดโรค? คุณ ทำไมคุณต้องทำแบบนี้?”

ลั่วชิวกลับพูดด้วยความประหลาดใจ “งั้นเพราะอะไรคุณถึงทำแบบนี้? หรือว่าให้คนหลายสิบคนป่วย กับให้คนทั้งหมู่บ้านป่วยกันหมด มีอะไรไม่เหมือนกันเหรอครับ? ฆ่าคนหนึ่งก็คือการฆ่า ฆ่าสิบคนก็คือการฆ่าเหมือนกัน มีอะไรต่างกันเหรอครับ? แก้แค้นคนหนึ่งก็คือการแก้แค้น แก้แค้นสิบคนก็คือการแก้แค้น มีอะไรไม่เหมือนกันเหรอครับ? คนหนึ่งเจ็บปวดทุกข์ทรมาน คนในหมู่บ้านคนหนึ่งเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ยังมีอะไรไม่เหมือนกันอีกเหรอครับ? หรือจะบอกว่า คุณวางแผนเรื่องราวมามากมายขนาดนี้ ก็เป็นเพียงแค่เล่นเกม?”

หลี่ว์อีอวิ๋นก้มหน้า ทั้งตัวสั่นเทาเล็กน้อย

เธอคิดว่า ปัญหาพวกนี้มีอยู่มาก่อนหน้านี้ตั้งนานนมมากแล้ว มีอยู่ก่อนที่เธอจะตัดสินใจทำแบบนี้แล้ว

สาวน้อยสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ คำถามที่เธอไม่เคยเลี่ยงหรือคำนึงถึงกำลังบังคับให้เธอตัดสินใจเลือก

“ไม่มีอะไรต่างกัน”

เธอมองลั่วชิว พูดซ้ำอีกครั้ง “เดิมที…ก็ไม่มีอะไรต่างกัน แต่ว่า…”

เธอคิดจะพูดบางอย่าง

แต่ถูกคนขัดจังหวะก่อน

“อ้าว! พวกเธออยู่ที่นี่เอง!”

คนที่รีบวิ่งออกมาคนนั้นคือหลีจื่อ “อีอวิ๋น แม่ของเธอกลับมาแล้ว!”

“คุณตำรวจ ก็คนพวกนี้แหละ! พวกเดรัจฉานพวกนี้! คุณรีบจับคนพวกนี้ไปทุกๆ คนเลย โยนเข้าคุกไปสักแปดปีสิบปี…ไม่สิ ตลอดชีวิตไม่ต้องปล่อยออกมาเลยดีที่สุด! ฉันจะบอกอะไรให้ เมื่อเช้า พวกโง่เง่าเต่าตุ่นพวกนี้จับฉันมา คิดจะโยนฉันลงไปที่หน้าผา…”

เพิ่งเดินเข้าห้องมาเมื่อกี้นี้ ก็ได้ยินเสียงต่อว่าต่อขานแหลมปี๊ดของหลัวอ้ายอวี้ เพราะหม่าโฮ่วเต๋ออยู่ในนี้…ขอเพียงปืนพกสีดำข้างกายหม่าโฮ่วเต๋ออยู่ที่นี่ พวกชาวบ้านที่ถูกประณามแต่ละคนก็ไม่กล้าขัดขืนหรือมีปากเสียงเลย

ลั่วชิวมองสีหน้าของหม่าโฮ่วเต๋อที่ดูไม่สู้ดีนัก…น่าจะเป็นเพราะ ‘เสียงคำรามลั่น’ ของเถ้าแก่เนี้ยบ้านพักตากอากาศคนนี้ที่ดังร้ายกาจ ก็เลยรับมือไม่ไหว

“คุณผู้หญิง คุณใจเย็นๆ ก่อนนะครับ พวกเราต้องทำตามกฎหมายแน่นอนครับ คุณวางใจได้” หม่าโฮ่วเต๋อพูดแบบขอไปที

ถ้าตัดสินคดีได้ตามสะดวกล่ะก็ เขาคงจับตัวไปเลย ไม่พูดพล่ามซ้ำสองหรอก ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทำผิดกฎหมายก็คือผิดกฎหมาย แต่การกระทำเป็นหมู่คณะแบบนี้มันยุ่งยากอย่างยิ่ง

จับคนทั้งหมดมาลงโทษ?

นั่นไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปได้เลย อย่างมากที่สุดก็จับหัวโจกไปสามสี่คน คนที่เหลือไม่อยากปล่อยก็ต้องปล่อยไป…คนเยอะมากเกินไปจริงๆ!

“คุณจะให้ฉันใจเย็นได้ยังไง? ฉันเกือบตายแล้วนะ!”

แต่หลัวอ้ายอวี้ยังคงร้องตะโกนเสียงแหลม หม่าโฮ่วเต๋อแอบกลอกตา มองไปที่เริ่นจื่อหลิงราวกับขอความช่วยเหลือ

แต่เริ่นจื่อหลิงทำเป็นมองไม่เห็น…เธอก็ไม่อยากยุ่งกับเถ้าแก่เนี้ยคนนี้ แต่ก็ทนเห็นสายตาวิงวอนของหม่าโฮ่วเต๋อไม่ได้ “เอ๊ะ อีอวิ๋น มาแล้ว! มาหาแม่ของเธอสิ เธอปลอดภัยไม่เป็นอะไรแล้ว”

สายตาทอดมองไปที่สาวน้อยของเธอทันที หลี่ว์อีอวิ๋นจำใจต้องมองหลัวอ้ายอวี้แวบหนึ่ง แล้วเดินไปข้างๆ หลัวอ้ายอวี้

แล้วหลัวอ้ายอวี้ก็ดึงตัวหลี่ว์อีอวิ๋นไว้แล้วมองหม่าโฮ่วเต๋อบอกว่า “มานี่ คุณตำรวจ! นี่ก็เป็นพยานได้เหมือนกัน! นี่คือลูกสาวของฉัน เธอกับคุณเริ่นคนนี้ก็เหมือนกัน เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากับตาตัวเองเลย! คุณลองถามเธอดู จะได้รู้ว่าที่ฉันพูดเป็นความจริงหรือไม่กันแน่!”

“แม่…แม่ใจเย็นๆ หน่อย พวกคุณตำรวจรู้หน้าที่อยู่แล้ว” หลี่ว์อีอวิ๋นพูดเสียงเบาๆ

หลัวอ้ายอวี้กลับโมโหในทันที แล้วก็ผลักหลี่ว์อีอวิ๋นล้มลงพื้นในครั้งเดียว พูดตวาดใส่ “ใจเย็น? ลูกจะให้แม่ใจเย็นได้ยังไง! ลูกจะช่วยแม่หรือเปล่า? ไม่ช่วยก็ยืนอยู่อีกข้างเลยไป! อย่ามาขวางหูขวางตา!”

สาวน้อยก้มหน้าอยู่บนพื้น ไม่ได้พูดอะไร

โยวเย่มายืนอยู่ข้างลั่วชิวเงียบๆ แล้วแอบพูดอะไรบางอย่าง เห็นแค่ลั่วชิวพยักหน้า แล้วก็ไม่ได้ทำอะไร

เจ้าของร้านลั่วแค่พูดเบาๆ ว่า “ควรจบได้แล้ว”

“นี่ลูกสาวของคุณนะคะ คุณทำกับเธอแบบนี้ได้ยังไง?” เริ่นจื่อหลิงทนดูไม่ไหวยื่นมือไปพยุงหลี่ว์อีอวิ๋นขึ้นมา จ้องหลัวอ้ายอวี้พลางถาม

หลัวอ้ายอวี้ทำเสียงสบถในลำคอพลางตอบ “คุณทำความเข้าใจใหม่นะ ฉันกับเจ้าเด็กนี่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดแม้แต่นิดเดียว! คุณคิดว่าเธอจะเห็นฉันเป็นแม่ของเธองั้นเหรอ? ตั้งแต่เล็กจนโต เจ้าเด็กนี่ก็ไม่เคยยิ้มให้ฉันสักครั้ง!”

“ไม่ยิ้มแล้วยังไงล่ะ?”

สิ่งที่ตามมาหลังเสียงแหลมสูงของหลัวอ้ายอวี้กลับเป็นเสียงที่หยาบคายไร้มารยาท ชายวัยกลางคนสีหน้าร้อนรนปรากฏตัวอยู่ตรงทางเข้าบ้าน ตาสองข้างถลึงมอง

“เซอร์หม่า…คุณผู้ชายคนนี้บอกว่าเป็นเถ้าแก่ของที่นี่ครับ พวกเราขวางเขาไม่ได้” ตอนนี้นายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งมาบอกถึงในห้อง “ยังมีอีกนะครับ เขาพาคนป่วยคนหนึ่งมาด้วย!”

“อะไรนะ?” หม่าโฮ่วเต๋อตะลึงงัน “ยังไม่รีบคุมตัวคนไว้อีก!”

แต่หลี่ว์ไห่ที่อยู่หน้าประตูกลับเดินมุ่งตรงมาอยู่ตรงหน้าหลัวอ้ายอวี้ ราวกับไม่เห็นทุกคนที่อยู่ที่นี่ สายตาจ้องหลัวอ้ายอวี้ด้วยความดุดัน พูดเสียงทุ้มต่ำ “ฉันถามเธอว่า ไม่ยิ้มแล้วมันยังไง?”

หลังจากหลัวอ้ายอวี้แต่งงานเข้ามา ก็เอาแต่ด่าเขา แต่ไหนแต่ไรไม่เคยถูกเขาปฏิบัติต่อตนเองแบบนี้ จึงขมวดคิ้วถามทันที “หลี่ว์ไห่! คุณลองพูดเสียงดังใส่ฉันอีกครั้งดูสิ? คนไร้น้ำยาอย่างคุณนี่ ตอนเช้าฉันถูกคนจับตัวไป คุณไปตายอยู่ที่ไหน? ปล่อยเมียให้คนจับตัวไป คุณไม่โวยวายสักคำ กลับมาก็ยังตะคอกใส่ฉันอีก? ดีนี่! คุณยังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่า?”

เพี๊ยะ!

เถ้าแก่บ้านพักตากอากาศตบหน้าเถ้าแก่เนี้ยครั้งหนึ่งอย่างดุดัน

เสียงตบทั้งดังและรุนแรง ทำให้คนที่ได้ยินเสียงนี้ต่างรู้สึกเจ็บที่แก้มกันทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลัวอ้ายอวี้ซึ่งเป็นคนโดน ฝ่ามือนี้ตบเข้าอย่างจังจนเห็นดาวเลยีเดียว

“คุณ คุณ คุณๆ คุณกล้าตบฉัน?!” หลัวอ้ายอวี้เอามือกุมแก้มตนเองไว้ ไม่รู้ว่าโกรธหรือกลัวกันแน่ พูดจาก็ตะกุกตะกัก

เพี๊ยะ!

แต่หลี่ว์ไห่ยังตบไปแก้มอีกข้างของหลัวอ้ายอวี้อีกครั้ง เสียงดังเหมือนเดิม ไร้ความปรานีเหมือนเดิม “ผมบอกอะไรคุณให้ ถ้าคุณมาพาลที่นี่อีกล่ะก็ ผมจะตบปากคุณแตกเลย ผมพูดจริงทำจริง!”

หลัวอ้ายอวี้เห็นหลี่ว์ไห่ยกฝ่ามือขึ้นอีกครั้ง เธอก็ตกใจจนหน้าซีดทันที นี่เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีนี้ที่เห็นหลี่ว์ไห่น่ากลัวแบบนี้

หลัวอ้ายอวี้ถอยไปข้างๆ เซอร์หม่าแบบไม่ต้องคิด แล้วคว้าแขนเซอร์หม่าพลางพูดว่า “คุณตำรวจ คุณได้ยินแล้วนะ! คุณเห็นแล้วนะ! เขาเอาแต่จะตบตีฉัน จะตีฉันให้ตาย!”

“…คุณผู้หญิง นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของคุณ พวกเรายุ่งไม่ได้หรอกครับ” หม่าโฮ่วเต๋อทำทีเป็นพูดทางการ “พวกคุณลองคุยกันหน่อยไหม? ครอบครัวรักใคร่กลมเกลียว สองสามีภรรยาน่ะ…นะ”

“คุณ!!!”

หม่าโฮ่วเต๋อ…เซอร์หม่าผิวปาก มือไพล่หลังเดินจากไปสองก้าว

หลี่ว์ไห่วางมือลง หลับตา สูดลมหายใจลึกๆ กลับเดินมาตรงหน้าหลี่ว์อีอวิ๋น

เขามองลูกสาวตนเอง ไม่ได้พูดอะไร แค่มองเงียบๆ แบบนั้น

หลี่ว์อีอวิ๋นเห็นหลี่ว์ไห่มองมา ก็ก้มหน้าลงช้าๆ ราวกับตกใจ และหวาดกลัวเช่นกัน

หลี่ว์ไห่กลับถอนหายใจทันที เขายื่นมือออกไปลูบแก้มหลี่ว์อีอวิ๋น สาวน้อยเงยหน้าขึ้นมาทันที ในแววตามีความตื่นกลัวอยู่

แล้วหลี่ว์ไห่ก็กลับหันตัวทันที มองหม่าโฮ่วเต๋อแล้วพูดว่า “คุณตำรวจ คุณจับผมเถอะ พิษในหมู่บ้าน ผมเป็นคนแพร่กระจายเชื้อเอง”