ตอนที่ 429 แขกไม่ได้รับเชิญ / ตอนที่ 430 ปัญหาเรื่องอายุ

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 429 แขกไม่ได้รับเชิญ

 

 

กอล์ฟเป็นกีฬาที่เหยียนเค่อคิดว่าใช้โพสต์ท่าถ่ายรูปได้ดีที่สุด

 

 

“อย่าถ่ายหน้าผมนะ” เหยียนเค่อพูดกับหญิงสาวแผนกประชาสัมพันธ์ที่ตามถ่ายภาพอยู่ข้างๆ

 

 

แค่เขายืนอยู่ตรงนั้นก็เหมือนกับภาพทิวทัศน์อันสวยงาม ไม่ถ่ายสักรูปสองรูปก็น่าเสียดายแย่ คนของแผนกประชาสัมพันธ์ล้วนเป็นคนฉลาดหัวไว เธอรีบแนะนำเหยียนเค่อ “ท่านประธานคะ เราถ่ายหน้าท่านสักรูปสองรูปแล้วจะส่งไปให้ท่านทั้งหมดเลยค่ะ”

 

 

“ห้ามเก็บไว้กับตัว” พวกเธอคิดอะไรอยู่เหยียนเค่อไม่สนหรอก การปกป้องใบหน้าของเขาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

 

 

หญิงสาวคนนั้นเบะปากอย่างขัดใจ แต่คำพูดของเจ้านายเธอไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง ถ้าโพสต์รูปถ่ายหน้าตรงลงไปล่ะก็ พรุ่งนี้ยอดหุ้นของ YAN ต้องพุ่งกระฉูดแน่ๆ

 

 

เหยียนเค่อลองเล่นสองตาก่อน ผลคะแนนออกมาไม่เลว ตอนนี้เขาทดสอบฝีมือของตัวเองอยู่ ถ้าฝีมือค่อนข้างดีล่ะก็ อีกประเดี๋ยวเขาต้องเสแสร้งเสียหน่อย

 

 

ออกมาเล่นกีฬาเอาท์ดอร์กับพวกคนแก่คุณต้องเสริมให้พวกเขาดูแข็งแกร่งได้ถึงจะดี เมื่อพวกเธอถ่ายรูปจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว เหยียนเค่อก็สะบัดมือแล้วนั่งพักบนเก้าอี้ตัวข้างๆ

 

 

บ่ายวันนี้แดดแรง ลมพัดเบา ทำให้รู้สึกเหมือนอากาศร้อน

 

 

“ท่านประธานคะ อีกเดี๋ยวเราต้องอยู่ที่นี่ด้วยไหมคะ” พนักงานใหม่ที่ชวีไหน่เพิ่งพาเข้ามาถามขึ้น

 

 

เหยียนเค่อไม่ปรายตามองเธอสักนิด รุ่นพี่ก็ยืนอยู่ข้างกันแท้ๆ กลับวิ่งแจ้นเข้ามาถามเขา มีจุดประสงค์อะไรก็เห็นกันอยู่

 

 

เธอไม่ได้รับคำตอบก็รู้สึกกระอักกระอ่วน ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร จนคนที่เข้ามาด้วยกันต้องมาลากตัวเธออกไป

 

 

เหยียนเค่ออาบแดดอย่างเบื่อหน่าย ช่วงนี้ผู้หญิงเข้าหาค่อนข้างเยอะ อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้ที่บริษัทเหลือเขาเพียงคนเดียว เมื่อก่อนตอนพวกนั้นยังอยู่กันพร้อมหน้า ไม่มีคนกล้ามาทำตัววุ่นวายต่อหน้าเขาสักเท่าไร

 

 

ช่วงหลายวันมานี้เหยียนเฟิงงานยุ่งจนปวดหัวไปหมด เมื่อได้ยินข่าวว่าเหยียนเค่อไปพบกับคนของบ้านตระกูลอิ่นก็ยิ่งระแวดระวังมากขึ้น เขาออกคำสั่งกับลูกน้องทันที “ส่งใครก็ได้ไปสักคนหนึ่ง”

 

 

เขาล้มเลิกการสืบหาข่าวคราวของเบลล์แล้ว สิ่งที่เขาทำลงไปก่อนหน้านี้ช่างน่าขบขันสำหรับเขา เมื่อไรกันที่เขาสลัดผู้หญิงสักคนออกไปจากชีวิตไม่ได้ ให้ผู้หญิงแบบนี้กลับมาอยู่ข้างกายก็มีแต่ความฉิบหาย ส่วนสวีอิ๋งอิ๋งก็เปลี่ยนไปมากทีเดียว

 

 

“ฉันไปเองค่ะ ไม่ต้องให้คนอื่นไป” สวีอิ๋งอิ๋งก็ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน จึงเสนอตัว

 

 

เหยียนเฟิงเหลือบมองเธอหนึ่งที ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “อย่ายุ่งน่า”

 

 

“ฉันรู้จักคุณอาอิ่น เขาชอบฉันมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ” สวีอิ๋งอิ๋งเองก็ไม่ได้พูดเกินจริง ถึงความสัมพันธ์ระหว่างบ้านตระกูลอิ่นและบ้านตระกูลสวีจะไม่ได้แน่นแฟ้นมากนัก แต่เธอก็ความสัมพันธ์อันดีกับลูกสาวคนเล็กของบ้านตระกูลอิ่นมาโดยตลอด

 

 

เหยียนเฟิงก็รู้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเช่นกัน เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงไม่ได้คัดค้านอะไร “งั้นเธอไปแล้วกัน ระวังตัวด้วย”

 

 

“ค่ะ” สวีอิ๋งอิ๋งดีใจ เธอต้องทำให้เหยียนเฟิงมองเธอใหม่ให้ได้ คนอย่างเบลล์ไม่อยู่ในสายตาเธอเลยด้วยซ้ำ

 

 

เหยียนเค่อนั่งสบายอกสบายใจอยู่ครู่หนึ่ง ตาเฒ่าอิ่นยังไม่มา แต่ได้เจอสวีอิ๋งอิ๋งแทน

 

 

เหยียนเค่อไม่ทักทายเธอก่อนแน่นอน จึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเบือนหน้าหนี

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งเห็นเขาแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นตนก็สะกดกลั้นความโกรธเอาไว้ในใจ ก่อนจะเดินมุ่งไปยืนข้างๆ เหยียนเค่อแล้วมองเหยียด “อ้าว นี่มันคู่หมั้นของฉันนี่นา”

 

 

เหยียนเค่อปรายตามองเธอหนึ่งที หลบสิ่งไหนก็ต้องมาเจอสิ่งนั้นจริงๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจจนน่าโมโห “อย่ามาพูดมั่วๆ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลยว่าตัวเองมีคู่หมั้นขี้เหร่แบบนี้ด้วย”

 

 

“นาย!” สวีอิ๋งอิ๋งโมโหจนหน้าแดงก่ำ ก่อนจะร้องเหอะแล้วเอ่ยขึ้น “นายตาบอดหรือไง”

 

 

คนที่ยืนอยู่รอบข้างงุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า

 

 

ที่นี่เป็นสนามส่วนตัว ทั้งสนามกอล์ฟนอกจากกลุ่มของพวกเขาและพนักงานแล้วก็ไม่มีใครอื่นอีก เมื่อได้ฟังบทสนทนาระหว่างสวีอิ๋งอิ๋งกับเหยียนเค่อ พวกเธอก็ตกตะลึงไปทันที

 

 

ที่แท้เจ้านายของตนกับคู่หมั้นของเขาก็เป็นคู่รักหนุ่มสาวที่ทะเลาะจิกกัดกันอย่างนี้นี่เอง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 430 ปัญหาเรื่องอายุ

 

 

สายตาของคนรอบข้างเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น รอให้ทั้งคู่แสดงออกต่อกันอย่างหวานชื่นมากกว่านี้

 

 

“ขนาดฉันตาบอดยังรู้เลยว่าเธอขี้เหร่ แสดงว่าเธอคงหน้าแย่มากเลยสินะ” เหยียนเค่อปากร้าย

 

 

ตลอดกาล ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษกับสวีอิ๋งอิ๋งเลยสักนิด คำพูดไหนเจ็บแสบเขาก็จะพูดแบบนั้น

 

 

“นาย!” สวีอิ๋งอิ๋งโดนเขาตอกกลับจนพูดไม่ออก เมื่อทำอะไรเหยียนเค่อไม่ได้จึงไประบายอารมณ์คนที่ยืนอยู่รอบข้างแทน “โอ้โฮ พาผู้หญิงมาเยอะขนาดนี้ จะทำกิจกรรมเอาท์ดอร์กันเหรอ”

 

 

เหยียนเค่อฟังจบก็หน้านิ่งทันที ก่อนจะเอ่ยเตือน “พวกเขาเป็นผู้หญิงนะ เธอไม่อายแต่ฉันอาย”

 

 

คราวนี้คนที่อยู่โดยรอบจึงเพิ่งจะรู้สึกได้ว่าทั้งคู่ไม่ถูกกันจริงๆ ไม่ใช่คู่รักหนุ่มสาวแต่อย่างใด ตอนนี้ในใจจึงมีแรงฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

“เหอะ ซย่าเสี่ยวมั่วไม่น่าอายเลยสินะ ขนาดหัวร่อต่อกระซิกกับฉินซื่อหลานนายยังไม่ถือสาเลย” สวีอิ๋งอิ๋งแอบดูข้อมูลของเหยียนเฟิงมา จึงรู้ข้อมูลของซย่าเสี่ยวมั่วเป็นอย่างดี

 

 

เหยียนเค่อฟังจบก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ บีบให้สวีอิ๋งอิ๋งต้องถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนจะเอ่ยอย่างสั้นกระชับ “อย่าเล่นกับไฟ”

 

 

น้ำเสียงราบเรียบไร้ไม่สูงไม่ต่ำ

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งรู้ว่าเขาเอาใจยาก นี่ถือว่าเป็นการทำให้เหยียนเค่อโมโห ถึงแม้ว่าในใจจะกลัว แต่ภายนอกก็ต้องแสร้งเป็นนิ่งไว้ก่อน

 

 

เธอเอ่ยต่อไปอย่างไม่เกรงกลัว “ถ้าต่อไปนายอยากสานต่อกับเขา ฉันก็ไม่ถือสาหรอกนะ แต่ให้เขาอยู่ห่างๆ ฉันหน่อยก็พอ”

 

 

เหยียนเค่อกำหมัดแน่นก่อนจะคลายออก แล้วจัดปลายแขนเสื้อวอร์มที่ตนกำไว้แน่นอย่างเชื่องช้า “เธอกำลังเหยียดหยามซย่าเสี่ยวมั่วหรือว่าเหยียดหยามตัวเธอเองอยู่กันแน่ อย่าเอาความความละอายของเธอมาเทียบกับคนอื่น”

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งหน้าซีดที่โดนด่าโต้งๆ แบบนี้ ส่วนเหยียนเค่อโมโหจนหน้าแดงไปหมด ไม่รู้ว่าจะมีปัญญาเจรจาธุรกิจได้มากน้อยแค่ไหน

 

 

“ได้ คอยดูแล้วกัน” ต้องมีสักวันที่นายต้องมาขอร้องให้ฉันไว้ชีวิตซย่าเสี่ยวมั่ว ชั่วร้ายผุดขึ้นในใจของสวีอิ๋งอิ๋ง ก่อนจะยืนอยู่ข้างๆ เขารอให้ตาเฒ่าอิ่นมา

 

 

เหยียนเค่อก็พอจะคาดเดาจุดประสงค์ที่สวีอิ๋งอิ๋งมาที่นี่ได้ และเขาเองก็ไม่มีอะไรให้ต้องหลบเลี่ยงด้วย ตอนแรกเขาอยากจะเทคู่ค้าคนนี้แล้วล่ะ คราวก่อนถ้าตาเฒ่าอิ่นไม่แกล้งเป็นลมต่อหน้าเขาเสียก่อน เขาก็คงไม่มาหรอก

 

 

ตาเฒ่าอิ่นมาถึงตรงเวลานัดพอดี เมื่อเขาเห็นสวีอิ๋งอิ๋งยืนอยู่ข้างเหยียนเค่อก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี

 

 

“สวัสดีครับคุณอาอิ่น” เหยียนเค่อเข้าไปทักทายก่อนจะจับมือกับเขา สวีอิ๋งอิ๋งก็เดินตามเขามาติดๆ

 

 

“เออๆ รอนานเลยสิ”

 

 

“ไม่หรอกครับ” เหยียนเค่อยิ้มอย่างสุภาพ “ไม่ได้เจอคุณอาอิ่นนานแล้วนะครับ”

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งไม่เคยเห็นเหยียนเค่อพูดคุยกับใครอย่างเป็นผู้เป็นคนแบบนี้มาก่อน ท่าทางในยามพูดคุยธุรกิจของเขานั้นช่างน่าหลงใหลจริงๆ

 

 

“ใช่ นานแล้วนะ” ตาเฒ่าอิ่นตอบอย่างดีอกดีใจ ก่อนจะชี้ไปที่สวีอิ๋งอิ๋งแล้วถามขึ้น “พวกแกสองคนใกล้จะหมั้นกันแล้วเหรอ”

 

 

เหยียนเค่อไม่ตอบ อยู่ต่อหน้าคนอื่น จะแสดงออกตรงไปตรงมาโดยไม่คิดถึงหน้าพ่อแม่ไม่ได้

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งตอบพร้อมรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ ใกล้แล้ว”

 

 

“เหยียนเค่ออายุน้อยกว่าอิ๋งอิ๋งใช่ไหม” ตาเฒ่าอิ่นถามเหมือนไม่รู้จะคุยอะไร

 

 

วันนี้เหยียนเค่อสวมชุดวอร์มสีดำเทา ส่วนสวีอิ๋งอิ๋งสวมเสื้อโค้ทสีชมพูอ่อนและชุดยูนิฟอร์มของพนักงาน ทำให้เหยียนเค่อดูเด็กกว่าสวีอิ๋งอิ๋งลงไปสามสี่ปี

 

 

เหยียนเค่อยังคงไม่ตอบ ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะไม่อยากตอบ แต่เป็นเพราะว่าเขาไม่รู้แม้กระทั่งอายุของสวีอิ๋งอิ๋ง

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ฉันอายุเท่าเหยียนเค่อค่ะ เด็กกว่าเขาครึ่งปี”

 

 

เหยียนเค่อหัวเราะจากใจจริง ดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่าอายุน้อยกว่าเขา

 

 

ตาเฒ่าอิ่นก็กระอักกระอ่วนเช่นกัน พออายุมากแล้วก็เริ่มพูดไม่คิด จึงหันไปพูดกับเหยียนเค่อเพื่อเปลี่ยนเรื่อง “เราเล่นกันสักสองตาค่อยมาคุยงานแล้วกันนะ”

 

 

เหยียนเค่อมองไม้เท้าที่เขายันไว้อยู่ ไม่รู้จริงๆ ว่าอายุปูนนี้แล้วยังอวดเก่งเพื่ออะไรอีก กลับบ้านไปอยู่กับเมียไม่ดีกว่าเหรอ