ตอนที่ 431 ขัดขวางการเซ็นสัญญา / ตอนที่ 432 ได้โอกาส

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 431 ขัดขวางการเซ็นสัญญา

 

 

“เหยียนเค่อฝีมือดีขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ ตอนนี้ฉันตามไม่ทันแล้ว” ตาเฒ่าอิ่นรำพัน กาลเวลาไม่คอยใครจริงๆ สินะ

 

 

“ไม่หรอกครับๆ” ไม่ว่าเหยียนเค่อจะแกล้งทำอย่างไรก็เล่นได้ดีกว่าเขาอยู่ดี แกล้งเล่นละครต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว “ทักษะของคุณอาก็เป็นสิ่งที่คู่ควรแก่การเรียนรู้นะครับ”

 

 

ตาเฒ่าอิ่นเออออตามน้ำไป ก่อนจะยื่นไม้กอล์ฟส่งให้พนักงานที่ยืนอยู่ด้านข้าง “งั้นเรามาคุยเรื่องสัญญากันเถอะ”

 

 

เมื่อสวีอิ๋งอิ๋งได้ยินเช่นนั้นก็รีบเบี่ยงประเด็น “คุณอาคะ ตอนนี้เราไปดื่มชาตอนบ่ายกันก่อนดีกว่าค่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน มีเรื่องอะไรค่อยคุยกันดีกว่านะคะ”

 

 

ตาเฒ่าอิ่นยิ้มแห้ง ทำไมยายหนูนี่ถึงไม่รู้จักกาลเทศะขนาดนี้นะ “ไม่ต้องหรอก อายุมากแล้ว ดื่มชาแล้วนอนไม่หลับน่ะ”

 

 

ความคิดที่อยากจะถ่วงเวลาเจรจาสัญญาของสวีอิ๋งอิ๋งถูกดับไป เธอจึงทำได้เพียงนั่งอยู่ข้างๆ ดูพวกเขาเจรจาสัญญากัน

 

 

ตาเฒ่าอิ่นยิ้มเจ้าเล่ห์ราวกับจิ้งจอกเฒ่า ก่อนจะให้ผู้ช่วยยื่นเอกสารไปให้เหยียนเค่อ “นี่เป็นสัญญาในครั้งนี้ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากครั้งที่แล้วมากนัก ถ้าแกคิดว่าโอเค งั้นเราก็เซ็นชื่อกันเลยเถอะ”

 

 

เหยียนกรุ๊ปรอคอยคู่ค้ารายนี้ แต่ YAN กลับไม่ขาดแคลนคู่ค้าที่ดีกว่านี้เลย

 

 

เหยียนเค่อรอให้สวีอิ๋งอิ๋งคิดหาวิธีมาเข้ามาขัดขวางอยู่ ถือปากกาไว้ในมือโดยไม่รีบร้อน แล้ว

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งก็หยิบเอกสารสัญญาไปจากมือเหยียนเค่อไปจริงๆ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างฉงนใจ “นี่คืออะไรเหรอ”

 

 

“เอกสารสัญญาของสองบริษัทน่ะ เธอคงไม่เข้าใจหรอก” เห็นแก่ที่เธอช่วยได้ตรงจุด เหยียนเค่อจะอธิบายให้เธอฟังสักหน่อยแล้วกัน

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งไม่ได้โง่เสียหน่อย ทำไมจะไม่เข้าใจกันเล่า เงื่อนไขเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่เหยียนกรุ๊ปต้องการ แต่กลับตกอยู่ในกำมือของเหยียนเค่อโดยง่ายดาย

 

 

“เอ๊ะ ข้อนี้เขียนไม่ชัดเจนนี่นา เงินในการควบคุมและก่อสร้างใหม่พวกนี้ทำไมถึงคิดไปไว้ในส่วนของคุณอาได้ล่ะ” สวีอิ๋งอิ๋งไม่เห็นความดีของเหยียนเค่อ แต่ในสายตาของตาเฒ่าอิ่น พวกเขาสองคนเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ย่อมหนีไม่พ้นการเคลือบแคลงสงสัย

 

 

“สัญญาฉบับนี้เซ็นไม่ได้นะคะ ถ้าเซ็นแล้วคุณอาคงขาดทุนแย่” ในใจของสวีอิ๋งอิ๋งคิดเช่นนี้จริงๆ ก่อนจะผลักเหยียนเค่อด้วยท่าทีแง่งอน “อยากได้เงินแต่ก็ต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ของคุณอาอิ่นกับบ้านเราด้วยสิ”

 

 

เหยียนเค่อหันไปมองเธอปราดหนึ่ง ดีสุดๆ ไปเลย ถ้าวันนี้เจรจาไม่สำเร็จ เขาก็จะเอาเงินกำไรที่เหลือจากสัญญาฉบับหน้ามาเป็นสวัสดิการแจกจ่ายให้แก่พนักงาน

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งไม่เข้าใจความหมายในแววตาของเขา ก็นึกว่าเหยียนเค่อโมโห จึงรีบหุบปากแต่ก็ยังถือเอกสารสัญญาฉบับนั้นไว้ไม่ปล่อย

 

 

“เจรจาสัญญากับคนกันเองแล้วสบายใจดีน่ะ” ตาเฒ่าอิ่นจ้องปึกกระดาษความหนากำลังพอดีในมือของเธอตาปริบๆ แค่รอให้เหยียนเค่อเซ็นชื่อเท่านั้น จะทำให้เธอมาทำผิดแผนไม่ได้อีกแล้ว

 

 

“คนกันเองแท้ๆ ก็อย่าคิดเล็กคิดน้อยมากนักสิ” สวีอิ๋งอิ๋งเอาเรื่องสัญญามาจับผิดเหยียนเค่อ แต่ความจริงเงื่อนไขเหล่านั้นตาเฒ่าอิ่นก็พยายามอ่อนลงให้มากแล้ว พอสวีอิ๋งอิ๋งพูดแบบนี้ก็กลัวว่าเหยียนเค่อจะไม่ยอมเซ็นชื่อลงไป

 

 

“ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็เซ็นก่อนค่อยไปกินข้าวกัน” ตาเฒ่าอิ่นเอาแต่จ้องเอกสารสัญญาในมือของ

 

 

สวีอิ๋งอิ๋ง อายุปูนนี้แล้ว ถ้าเป็นคนอื่นก็คงบำรุงสุขภาพ มีแต่เขานี่ล่ะ ลูกชายก็ไม่ได้เรื่อง ลูกสะใภ้ก็โมโหจนหย่าขาดไปตั้งนานแล้ว ที่บ้านมีเพียงหลานชายตัวน้อยวัยห้าหกปีคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อได้เจอคู่ค้ารายใหญ่แบบนี้ก็ต้องเอาความอาวุโสกดขี่ เขาถึงจะยอมเซ็นได้

 

 

ขอแค่เซ็นสัญญาฉบับนี้อีกห้าหกปี บ้านตระกูลอิ่นต้องกลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้งอย่างแน่นอน

 

 

ตาเฒ่าอิ่นคิดคำนวนอะไรอยู่ในใจนั้นเหยียนเค่อรู้ดี แต่สวีอิ๋งอิ๋งกลับไม่รู้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะเธอกับเหยียนเค่อเป็นคู่หมั้นกันในนามแล้วล่ะก็ เธอคงจะแย่งคู่ค้าคนนี้ไปต่อหน้าต่อตาเหยียนเค่อแน่นอน

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งครุ่นคิดอย่างหนัก ไม่รู้ว่าควรจะใช้เหตุผลอะไรมาขัดขวางการเซ็นสัญญาของพวกเขา ทันใดนั้นก็ลมก็พัดขึ้นมาพอดี สวีอิ๋งอิ๋งถือโอกาสนี้ปล่อยเอกสารในมือ และโบกมันขึ้นในตอนที่ตาเฒ่าอิ่นไม่ทันได้เห็น

 

 

กระดาษสีขาวพิมพ์ด้วยตัวหนังสือสีดำปลิวว่อนอยู่ในอากาศ โดนสายลมที่แสนสั้นแต่รุนแรงนี้พัดพาออกไปไกล เห็นเพียงภาพของกระดาษสีขาวล่องลอยไปมาในสนามกอล์ฟอันกว้างขวางแห่งนี้

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 432 ได้โอกาส

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งรู้สึกเบิกบานใจเป็นอย่างมาก มีสิ่งที่เรียกว่ายืมลมตะวันออก[1]จริงๆ ด้วยสินะ ท่าทางสวรรค์จะเข้าข้างเธอ

 

 

เหยียนเค่อนั่งมองเงียบๆ โดยไม่เอ่ยอะไรออกมา

 

 

“ตายแล้ว ทำยังไงดีคะ” สวีอิ๋งอิ๋งลุกขึ้นจะไปไล่ตามเก็บ แต่กลับเอากระดาษกลับคืนมาไม่ได้แม้แต่ใบเดียว

 

 

ตาเฒ่าอิ่นหน้าซีด โมโหจนปากสั่น “เธอ…เธอ…”

 

 

ยังไม่ทันพูดจนจบประโยค เขาก็ตาเหลือกก่อนจะเป็นลมล้มพับไปทันที

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งตกใจและมึนงงกับสิ่งที่ไม่คาดฝันนี้ ยืนนิ่งงันอยู่ที่เดิมไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

 

 

เหยียนเค่อบอกให้คนรีบโทรเรียกรถพยาบาล นี่คงไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำแน่นอน ท่าทางบ้านตระกูลสวีกับบ้านตระกูลอิ่นต้องมีความแค้นต่อกันแน่แล้ว

 

 

นี่ก็นับว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว สวีอันหรานหาเรื่องให้เขา ก็สมน้ำหน้าแล้ว

 

 

“ดีมาก” เหยียนเค่อพูดกับสวีอิ๋งอิ๋งด้วยคำที่สื่อความหมายยคลุมเครือ สวีอิ๋งอิ๋งกำลังมึนงงไม่ได้สติ เมื่อได้ยินคำพูดนั้นของเหยียนเค่อก็หันไปมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่รู้ว่าควรจะตอบโต้อย่างไร

 

 

ทุกคนช่วยกันพาตาเฒ่าอิ่นไปส่งโรงพยาบาล ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

 

ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าตอนนี้บ้านตระกูลอิ่นมีเพียงผู้เฒ่าเพียงคนเดียวที่คอยค้ำจุนอยู่ ถ้าต้องรอให้เจ้าบ้านคนต่อไปเติบโตเสียก่อน ตระกูลคงล่มสลายไปนานแล้ว

 

 

การที่เหยียนเค่อพาเขามาส่งที่โรงพยาบาลก็นับว่าเมตตามากแล้ว ถึงแม้ว่าจะฟังดูเลือดเย็นไปหน่อย แต่ความจริงเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเขา และความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลก็ไม่ได้แน่นแฟ้นถึงขั้นต้องให้เขาเปิดเผยตัวในที่สาธารณะด้วย

 

 

ข่าวที่ลงบนหน้าหนังสือพิมพ์ในวันต่อมาต้องไม่เกี่ยวข้องกับ YAN ทั้งนั้น และบ้านตระกูลสวีก็น่าจะต้องตกอยู่ในอันตราย

 

 

สวีอันหรานไม่รู้สักนิดว่าชีวิตในวันหยุดสุดแสนสบายของตนกำลังถูกเหยียนเค่อทำลายลงอีกครั้งแล้ว แถมยังก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทิ้งไว้ให้เขาจัดการอีกด้วย

 

 

“ไปกันเถอะ” เหยียนเค่อเอ่ยกับลูกน้องที่ยังยืนอยู่ด้านหลังตามเดิม ไม่สนใจสวีอิ๋งอิ๋งที่ยืนอยู่ข้างกัน ก่อนจะเดินนำทีมของตัวเองกลับออกไปก่อน

 

 

คนกลุ่มใหญ่เดินผ่านหน้าเธอไป สวีอิ๋งอิ๋งราวกับรู้สึกได้ถึงความผิดปกติอะไรสักอย่าง แต่ความรู้สึกนั้นก็หายไปเพียงพริบตา ไม่ว่าจะพยายามคิดอย่างไรก็เรียกคืนมาไม่ได้อีกแล้ว

 

 

ไม่ว่าต้องแลกมาด้วยอะไร แต่การทำลายการเจรจาครั้งนี้เหยียนเค่อต้องเจ็บหนักแน่นอน สวีอิ๋งอิ๋งเหยียดยิ้มมุมปาก ขอแค่ได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเอง ให้เธอทำอะไรก็ย่อมได้ทั้งนั้น

 

 

หลังจากเหยียนเค่อกลับขึ้นมานั่งบนรถแล้วก็รู้สึกอารมณ์ดี ทางด้านตาเฒ่าอิ่นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก แต่สวีอิ๋งอิ๋งต้องโดนกักบริเวณไปช่วงระยะเวลาหนึ่งแน่นอน

 

 

“ท่านคะ ข่าวนี่…” คนที่เดินตามมาขอความเห็นจากเหยียนเค่อ

 

 

“ปล่อยออกไปเลยครับ” ทำเช่นนี้จะทำให้ข่าวของบริษัทบางตาลงไป และจะก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม เพียงสำนักข่าวรายแรกได้โอกาสรายงานข่าวออกไปแล้ว ไม่ว่าข่าวที่รายงานออกไปในภายหลังจะช่วยให้สวีอิ๋งอิ๋งได้มากเพียงใด เธอก็หลุดพ้นจากผลสรุปสุดท้ายไม่ได้อยู่ดี

 

 

เขาจะให้พ่อกับแม่เห็น ว่าการเลือกผู้หญิงไร้ประโยชน์แบบนี้มาเป็นสะใภ้เป็นทางเลือกที่โง่เขลามากเพียงใด

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งอยากจะตามไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็เกิดจากเธอ เหยียนเค่อสะบัดก้นกลับไปได้ แต่เธอทำไม่ได้

 

 

เหยียนเฟิงรออยู่นานแล้วแต่ก็ไม่มีข่าวคราวส่งมาเลย ก็รู้สึกสังหรณ์ใจว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับ

 

 

สวีอิ๋งอิ๋ง

 

 

จนกระทั่งใกล้เวลาเลิกงาน สวีอิ๋งอิ๋งจึงกลับไปที่เหยียนกรุ๊ปอย่างมึนงง ตาเฒ่าอิ่นพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่เธอไม่รู้ว่าควรจะรายงานเรื่องนี้ให้เหยียนเฟิงอย่างไร

 

 

“ทำไมเพิ่งกลับมา ทำงานสำเร็จแล้วเหรอ” เหยียนเฟิงเห็นท่าทางหมดอาลัยตายอยากของเธอก็ขมวดคิ้วมุ่น

 

 

“ค่ะ” สวีอิ๋งอิ๋งพยักหน้า “พวกเขาเซ็นสัญญาไม่สำเร็จ”

 

 

“ดีมาก” เหยียนเฟิงได้ยินเธอพูดเช่นนี้ก็วางใจ ไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก็ดี “กลับบ้านได้ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

 

 

นานๆ ทีสวีอิ๋งอิ๋งจะไม่ตามตอแยเหยียนเฟิงต่อ เมื่อฟังเขาพูดจบก็กลับบ้านทันที

 

 

 

 

——

 

 

[1] ยืมลมตะวันออก มาจาก “ขงเบ้งยืมตะวันออก” เผากองทัพของโจโฉในศึกผาแดง