ตอนที่ 414 แต่งงานกับเขาเท่านั้น / ตอนที่ 415 เฟิงชิงสุ่ยโกรธจัด

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 414 แต่งงานกับเขาเท่านั้น

 

 

ซูจิ่วซือสั่นหัว น้ำเสียงหนักแน่น “ลูกจะแต่งงานกับเขาเท่านั้น ท่านพ่อก็รู้ว่าข้าเคยเป็นคนของจวนอันผิงโหว ท่านพ่อเสียชีวิตไปก่อน ข้าไร้ที่พึ่ง

 

 

ข้าสามารถตั้งหลักในจิงเฉิงด้วยเวลาอันสั้น ก็เพราะการช่วยเหลือขององค์รัชทายาท

 

 

เขาเคยเสี่ยงชีวิตช่วยข้าหลายครั้ง ถ้าไม่มีเขา ข้าคงตายไปแล้ว ชีวิตของข้าเขาแลกมาด้วยชีวิต ผู้ชายอย่างนี้ข้าสมควรอยู่ด้วย

 

 

ข้ารู้ว่าเวลานี้เขาตกอยู่ในสภาพที่อันตรายมาก และมีคู่หมั้นแล้ว แต่เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาปรารถนา ข้าเชื่อว่าเขาต้องได้ครองบัลลังก์อย่างราบรื่น ทั้งหมดนี้เดิมทีก็เป็นของเขาอยู่แล้ว”

 

 

“ซือซือ เจ้าเพิ่งมาถึงตูเฉิง ไม่รู้ถึงความน่ากลัวของซิ่นอ๋อง

 

 

ซิ่นอ๋องมีอิทธิพลเข้มแข็ง การจะเอาชนะเขาไม่ใช่เรื่องง่าย องค์รัชทายาทจะเอาชนะซิ่นอ๋องได้ ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากจวนแม่ทัพสยบปฐพี พอถึงตอนนั้นคนที่จะครองตำแหน่งฮองเฮาก็คือเฟิงชิงสุ่ย สิ่งที่เจ้าทำจะมีความหมายหรือ

 

 

เจ้าทำได้ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการส่งเสริมคนอื่น รีบตัดใจเสียเถอะ”

 

 

มู่อวิ๋นชางเตือนต่อ เขารู้สึกว่าซูจิ่วซือถูกความรักบังตาเท่านั้น แม้จะช่วยเหลือรัชทายาท สุดท้ายคนที่จะได้ประโยชน์ก็คือเฟิงชิงสุ่ย ซูจิ่วซือเป็นคนฉลาด เฟิงชิงสุ่ยย่อมเห็นนางเป็นหนามตำตา พอถึงตอนนั้นชีวิตของนางก็จะตกอยู่ในอันตราย

 

 

ซูจิ่วซือยิ้มน้อยๆ สีหน้าแสดงความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างชัดเจน “ข้าไม่มีวันให้เฟิงชิงสุ่ยได้โอกาส ถ้าท่านพ่อไม่เชื่อก็รอดู หากเฉินหรงชนะ คนที่อยู่เคียงข้างเขาก็คือข้า”

 

 

“เจ้ามั่นใจอย่างนี้เชียวหรือ”

 

 

มู่อวิ๋นชางสงสัยจริงๆ

 

 

“ถ้าเป็นคนอื่น ข้าไม่กล้าพูดอย่างนี้ แต่คนนั้นเป็นเฉินหรง ข้าบอกท่านพ่อได้เลยว่า เฟิงชิงสุ่ยไม่ใช่คู่ต่อกรของข้า”

 

 

ความเชื่อมั่นที่นางมีต่อฟู่เฉินหรงมากกว่าที่มู่อวิ๋นชางคาดคิด พอเห็นซูจิ่วซือมั่นใจอย่างนี้ เขาก็มีความรู้สึกว่า แม่นางคนนี้พูดจาโน้มน้าวได้ดีจริงๆ

 

 

“ขออภัย ท่านพ่อ ข้าไม่อาจทอดทิ้งองค์รัชทายาท การดึงตระกูลมู่เข้าไปเกี่ยวข้องเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อะไรที่ควรทำข้าจะพยายามทำด้วยตัวเอง ถ้าข้าสามารถรับภาระเองได้ ข้าก็จะทำ จะพยายามไม่ให้ตระกูลมู่พลอยเดือดร้อน”

 

 

ซูจิ่วซือพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ เป็นคำพูดที่ออกมาจากใจ พอเห็นตระกูลมู่มีน้ำใจกับนางอย่างนี้ นางก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาทันที เรื่องนี้เดิมทีก็ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลมู่ นางเป็นคนเอามาให้ตระกูลมู่ ดึงตระกูลมู่เข้าไปพัวพันด้วย

 

 

“ทันทีที่ข้าตัดสินใจว่าจะรับเจ้าเข้าจวน ข้าก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่เป็นการตัดสินใจเลือกข้างของตระกูลมู่ ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ ซือซือ เจ้าจำคำนี้ไว้ เมื่อเข้าประตูบ้านตระกูลมู่แล้ว ก็เป็นคนของตระกูลมู่ ข้าไม่มีวันยอมให้ใครมาข่มเหงลูกสาวข้า”

 

 

หัวใจของซูจิ่วซือรู้สึกอบอุ่น “ขอบใจท่านพ่อ”

 

 

มู่อวิ๋นชางไม่พูออะไรอีก ได้แต่ยิ้มให้ซูจิ่วซือ ดูออกว่า ซูจิ่วซือเป็นเด็กสาวที่เข้มแข็ง

 

 

“กลับไปพักก่อนเถอะ! ถ้าองค์รัชทายาทจริงใจต่อเจ้า ข้าก็จะสนับสนุน กลัวแต่ว่าองค์รัชทายาทจะใช้ประโยชน์จากเจ้า”

 

 

ถ้าจะใช้ประโยชน์ เขาควรใช้ประโยชน์จากเฟิงชิงสุ่ย การเลือกข้าสำหรับองค์รัชทายาทแล้วไม่ใช่การกระทำที่ฉลาด

 

 

ท่านพ่อ ข้าไม่อยากพูดแทนองค์รัชทายาท แต่บอกได้ว่า ต่อไปเขาจะเป็นฮ่องเต้ที่ดี และเป็นผู้ชายที่สมควรมอบชีวิตให้ ถ้าท่านพ่อไม่เชื่อ ก็รอดู เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง”

 

 

คำพูดนี้ถูกต้อง เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องทำอะไร สำหรับฟู่เฉินหรงแล้ว ยังต้องคอยดูต่อไป ถ้าเขาเป็นเจ้าที่ดี ตระกูลมู่ก็ควรจะช่วยเหลือเขา นี่เป็นความสุขของราษฎร บรรพชนตระกูลมู่คงเข้าใจการตัดสินใจของเขา

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 415 เฟิงชิงสุ่ยโกรธจัด

 

 

ไม่นานข่าวคราวที่ตระกูลมู่พบลูกสาวคนเล็กก็กระจายไปทั่วตูเฉิง คนทั่วไปไม่ใส่ใจ ถือว่าเป็นเรื่องเล็ก ไม่ได้สนใจ ก็แค่การรับลูกสาวคนหนึ่งกลับไป ไม่ใช่เรื่องใหญ่

 

 

แต่จวนซิ่นอ๋องกับจวนแม่ทัพสยบปฐพี ใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ ไม่มีใครคาดคิดว่าซูจิ่วซือจะกลายเป็นคุณหนูใหญ่จวนตระกูลมู่

 

 

พอได้รับบัตรเชิญจากตระกูลมู่ เฟิงชิงสุ่ยอ่านเสร็จก็โยนทิ้ง สีหน้าเครียดทันที อารมณ์ไม่ดีอย่างชัดเจน

 

 

“เผาเถอะ!”

 

 

เฟิงชิงสุ่ยสั่งด้วยสีหน้าเย็นชา

 

 

ชิวซูหยิบบัตรเชิญที่พื้นไม่รู้จะพูดอย่างไรดี นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ ซูจิ่วซือก็กลายเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ และเป็นลูกสาวคนเล็กของตระกูลมู่ที่หายไปหลายปี ฮูหยินมู่คิดถึงจนป่วย เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไรในตูเฉิง

 

 

ชิวซูหยิบบัตรเชิญ แล้วจุดเทียนไข วางบัตรเชิญบนเทียนไขแล้วเผา เฟิงชิงสุ่ยนั่งอยู่หน้ากระจกสัมฤทธิ์ ไม่พูดไม่จา ซูจิ่วซือหนอซูจิ่วซือ เจ้าคิดหรือว่าถ้าเป็นลูกสาวตระกูลมู่แล้วจะต่อกรกับข้าได้

 

 

“บ่าวได้ยินว่าลูกสาวตระกูลมู่มีจี้หยก องค์หญิงอันผิงคงไม่ใช่ลูกสาวตระกูลมู่ตัวจริงแน่!”

 

 

หลังจากเผาบัตรเชิญแล้ว ชิวซูก็ถามอย่างระมัดระวัง

 

 

“เจ้าคิดว่ามีเรื่องบังเอิญอย่างนี้ในโลกไหม ชิวซู ข้าไม่รู้ว่าซูจิ่วซือได้จี้หยกมาอย่างไร หลอกทุกคนในตระกูลมู่ได้อย่างไร ข้าไม่เชื่อว่านางเป็นลูกสาวตระกูลมู่ที่หายไป

 

 

นางฉลาดที่เลือกตระกูลมู่ ตระกูลมู่มีฐานะมั่งคั่งและมีอิทธิพล ใครๆ ก็รู้ว่ามู่อวิ๋นชางรักฮูหยินมู่มาก

 

 

หลายปีมานี้ความปรารถนาสูงสุดของฮูหยินมู่คือได้พบลูกสาว พอซูจิ่วซือไปอยู่ที่จวนตระกูลมู่ ฮูหยินมู่คงดูแลนางอย่างดี แค่ทำให้ฮูหยินมู่เชื่อถือ ตระกูลมู่ก็จะกลายเป็นเครื่องมือของนาง ความคิดของผู้หญิงคนนี้น่านับถือจริงๆ

 

 

เฟิงชิงสุ่ยค่อยๆ สงบลง นางรู้สึกว่าก่อนหน้านี้ตนประเมินซูจิ่วซือต่ำเกินไป

 

 

“คุณหนูคิดจะทำอย่างไรต่อไป”

 

 

“เราก็แค่ดูอยู่ห่างๆ ฟู่เยว่อี้กับจูอวี้ซิ่วไปที่ร้านเหล้าเทียนหยาแล้ว แสดงว่าพวกเขาก็ใส่ใจซูจิ่วซือ ตอนนี้ปล่อยให้ซูจิ่วซือรับมือกับคนของจวนซิ่นอ๋อง

 

 

ฟู่อี้หานไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ ถ้าซูจิ่วซือโชคร้ายตายด้วยน้ำมือจวนซิ่นอ๋อง ก็ยิ่งดี เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา นางยังต้องผ่านอุปสรรคอีกมาก”

 

 

“ซิ่นอ๋องต้องการอาศัยองค์หญิงอันผิงมารับมือกับองค์รัชทายาท คงไม่ทำอะไรองค์หญิงอันผิงง่ายๆ”

 

 

เฟิงชิงสุ่ยหยิบหวีบนโต๊ะเครื่องแป้งขึ้นมา หวีผมสีดำสนิทอย่างเบามือ “เรื่องนั้นไม่สำคัญ ชิวซู จำไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับซูจิ่วซือ ล้วนแต่เป็นฝีมือของคนจวนซิ่นอ๋อง

 

 

จวนซิ่นอ๋องมีคนหลงตัวเองอย่างจูอวี้ซิ่ว การจะทำอะไรที่คาดไม่ถึงย่อมเกิดขึ้นได้”

 

 

ชิวซูเข้าใจความหมายของเฟิงชิงสุ่ย นางพยักหน้า “บ่าวเข้าใจแล้ว”

 

 

“เจ้าออกไปเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียวสักครู่”

 

 

“เจ้าค่ะ บ่าวไปก่อน”

 

 

ชิวซูคารวะแล้วถอยออกไป เฟิงชิงสุ่ยอยากรู้จริงๆ ซูจิ่วซือจะทำอะไรต่อไป

 

 

ตระกูลมู่ซึ่งวางตัวเป็นกลางมาตลอดยอมเข้าร่วมการต่อสู้ในราชตระกูล นางแปลกใจมาก ซูจิ่วซือทำอะไรกับตระกูลมู่

 

 

ฟู่เยว่อี้ก็ได้รับบัตรเชิญเช่นเดียวกับเฟิงชิงสุ่ยแต่ท่าทีของนางตรงกันข้าม นางถือบัตรเชิญไว้แล้วหัวเราะออกมาทันที นึกไม่ถึงว่านางเดาถูก ซูจิ่วซือมีแผนการเข้าไปในจวนตระกูลมู่จริงๆ

 

 

จูอวี้ซิ่วซึ่งอยู่ข้างๆ เห็นฟู่เยว่อี้หัวเราะ ก็อดไม่ได้ “เยว่อี้ เจ้าหัวเราะออก นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะเดาถูก ซูจิ่วซือเป็นลูกสาวตระกูลมู่จริงๆ”