ตอนที่ 412 ต่อไปเราเป็นครอบครัวเดียวกัน / ตอนที่ 413 ไม่ยอมให้ใครมาข่มเหงเจ้าแน่

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 412 ต่อไปเราเป็นครอบครัวเดียวกัน

 

 

หลิ่วเหวินฉือกับซูจิ่วซือเดินเคียงกันไปที่เรือนหวนคะนึง นางแนะนำสภาพไปตลอดทาง ซูจิ่วซือตั้งใจฟังพร้อมกับพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง ท่าทางสุภาพ

 

 

หลังจากแนะนำพอสมควรแล้ว จู่ๆ หลิ่วเหวินฉือก็พูดด้วยความเสียดาย “ซือซือ ครั้งนี้ท่านแม่สบายใจมาก ข้าแต่งงานมาอยู่ที่ตระกูลมู่ได้สามปีแล้ว ไม่เคยเห็นท่านแม่ดีใจอย่างนี้

 

 

หลายปีที่ผ่านมาเป็นเพราะเจ้าพลัดหลงไป สุขภาพของท่านแม่จึงไม่ดีเลย มักจะเหม่อมองกลองป๋องแป๋งที่เจ้าเคยเล่น ยังดีที่สวรรค์มีตา ให้เจ้ากลับมา ไม่งั้นข้ากลัวว่าสุขภาพของท่านแม่จะไม่ไหว เรื่องของเจ้าเป็นปมในใจของท่านแม่มาตลอด”

 

 

“ฮูหยินเอาใจใส่ข้ามาก วันหลังข้าจะอยู่กับฮูหยิน พูดคุยให้ฮูหยินสบายใจ”

 

 

“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการเวลาจึงจะเรียกท่านแม่ได้ หวังว่าคงไม่ให้ท่านแม่รอนานเกินไป ท่านแม่บอกว่าไม่เป็นไร ความจริงแล้วในใจคงผิดหวังแน่ หลายปีมานี้คนที่ทรมานที่สุดก็คือท่านแม่” หลิ่วเหวินฉือยิ้มให้ซูจิ่วซือ แล้วพูดอีก “ต่อไปเราเป็นครอบครัวเดียวกัน มีอะไรก็บอกข้าได้ ไม่ต้องเกรงใจ”

 

 

“ได้ ขอบใจพี่สะใภ้”

 

 

“เมื่อกี้บอกเจ้าว่าไม่ต้องเกรงใจ ตอนนี้เจ้าก็เกรงใจอีกแล้ว คนครอบครัวเดียวกันไม่ต้องพูดตามมารยาทก็ได้”

 

 

ซูจิ่วซือพูดคุยกับฮูหยินมู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงออกไปจากห้อง ซูจิ่วซือนั่งอยู่หน้ากระจกสัมฤทธิ์ ใน**บเครื่องแต่งตัวมีปิ่นประดับมุกวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ หลากหลายรูปแบบ ดูก็รู้ว่าเป็นของชั้นเยี่ยม นี่เป็นเครื่องประดับผมที่ฮูหยินมู่เลือกให้ด้วยตนเอง

 

 

นอกจากนี้ยังมีกำไลตุ้มหูอีกมากมายหลากหลายรูปแบบ ทั้งหมดนี้สามารถเอามาเปิดเป็นร้านขายเครื่องประดับได้

 

 

ฮูหยินมู่ดูแลนางอย่างดีเยี่ยม ถือนางเป็นมู่ซือซือจริงๆ เอาความรักทั้งหมดที่มีต่อมู่ซือซือมามอบให้นาง นางดูออกว่าฮูหยินมู่สุขภาพไม่ดี ในเมื่อเข้ามาในตระกูลมู่ นางจึงยินดีดูแลฮูหยินมู่ในวาระสุดท้ายของชีวิต

 

 

ตั้งแต่นี้ไป อาศัยฐานะของตระกูลมู่ จะทำให้นางตั้งหลักในตูเฉิงได้อย่างมั่นคง เป็นที่จับตามองของผู้คน

 

 

เรื่องนี้จะต้องกระจายออกไป ทำให้ผู้คนสนใจ กลายเป็นหัวข้อพูดคุยหลังอาหารหลังดื่มชาทั่วตูเฉิง สำหรับนางแล้ว นี่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

 

 

ตกกลางคืนจวนตระกูลมู่คึกคักเป็นพิเศษ ทุกคนมารวมกันที่ห้องโถงใหญ่ บนโต๊ะมีอาหารเครื่องดื่มเต็มไปหมด นอกจากมู่เจี๋ยซึ่งอยู่ข้างนอกแล้ว มู่อวิ๋นชางกับมู่หย่งก็มาด้วย

 

 

ซูจิ่วซือเองก็แต่งตัวเป็นพิเศษ สวมชุดสีแดงท้อ มู่หย่งเห็นฮูหยินมู่หัวเราะร่าตลอดเวลา เขาก็สบายใจขึ้น ไม่ว่าซูจิ่วซือจะเป็นคนของรัชทายาทหรือไม่ อย่างน้อยนางก็ทำให้มารดาหัวเราะอย่างสบายใจ

 

 

เขาไม่ได้ปฏิเสธฟู่เฉินหรง เขารีบยกจอกเหล้าเข้ามาหาซูจิ่วซือพลางพูดขึ้น “น้องสาว ยินดีต้อนรับเจ้ากลับบ้าน ข้ามู่หย่งเป็นพี่ใหญ่ของเจ้า วันหลังเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”

 

 

“ขอบใจพี่ใหญ่ ข้าเคยเป็นเด็กกำพร้า นึกไม่ถึงว่ายังมีญาติพี่น้องมากมาย สวรรค์ทรงเมตตาข้า ข้าดีใจมาก” ซูจิ่วซือยกจอกเหล้าขึ้นดื่ม เวลานี้นางดีใจจริงๆ

 

 

พ่อแม่พี่น้องของซูหลิ่วไม่มีเหลือแล้ว ซูจิ่วซือเองก็เหลือแต่น้องชายคนเดียว นึกไม่ถึงว่าพอมาอยู่ในครอบครัวตระกูลมู่แม้แปลกหน้าแต่กลับรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับว่านางเป็นมู่ซือซือจริงๆ

 

 

“ซือซือ กลับมาก็ดีแล้ว เรื่องอื่นพ่อไม่มีอะไรจะพูด ในเมื่อมาคารวะบรรพชนแล้ว วันหลังก็เป็นคนตระกูลมู่”

 

 

ในเมื่อยอมรับแล้วว่าเป็นลูกสาว มู่อวิ๋นชางจึงเก็บความสงสัยไว้ชั่วคราว ลองถือว่าซูจิ่วซือเป็นลูกสาวของตน และเพื่อปลอบใจฮูหยินมู่ให้สงบ เขาจึงแสดงท่าทีเช่นนี้

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 413 ไม่ยอมให้ใครมาข่มเหงเจ้าแน่

 

 

“น้องสาว เชิญดื่ม ยินดีต้อนรับกลับบ้าน”

 

 

มู่หยางยกจอกเหล้าขึ้น

 

 

“ไม่รู้ว่าซือซือดื่มได้มากหรือไม่ อย่าชวนซือซือดื่มจนเมา” หลิ่วเหวินฉือพูด

 

 

ซูจิ่วซือยิ้ม “ข้าดื่มได้มาก ท่านแม่ เชิญดื่ม หลายปีมานี้ท่านแม่ลำบากมามาก ทุกอย่างที่ท่านแม่ทำให้ข้า ข้าชอบมาก”

 

 

ครั้งนี้ซูจิ่วซือเรียกฮูหยินมู่ว่าท่านแม่ พอได้ยินซูจิ่วซือเรียกอย่างนี้ ฮูหยินมู่ก็น้ำตาซึม “ซือซือ เรียกอีกครั้ง”

 

 

“ท่านแม่”

 

 

ซูจิ่วซือเรียกอีกครั้งหนึ่ง

 

 

“ดี ดี ซือซือ กลับบ้านก็ดีแล้ว กินมากหน่อย ไม่รู้ว่าเวลานี้เจ้าชอบกินอะไร ข้าจึงเตรียมไว้แค่นี้ คราวหน้าเจ้าบอกห้องครัว ให้ห้องครัวทำของโปรดของเจ้า”

 

 

ฮูหยินมู่ตื่นเต้นมาก เกือบน้ำตาไหล ผ่านไปสิบห้าปีแล้ว ในที่สุดลูกสาวที่นางคิดถึงตลอดเวลาก็กลับมาแล้ว คำเรียกท่านแม่นางรอมาสิบห้าปีเต็ม

 

 

อาหารมื้อนี้ทุกคนในจวนตระกูลมู่กินอย่างมีความสุข แม้แต่ซูจิ่วซือก็พลอยคล้อยตามบรรยากาศที่อบอุ่น จนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมู่ซือซือ ใบหน้ามีรอยยิ้มน้อยๆ ตลอดเวลา แววตาอ่อนโยนลง

 

 

หลังอาหารเย็น มู่อวิ๋นชางเรียกซูจิ่วซือไปที่ห้องหนังสือ ในเมื่อต่อไปก็จะเป็นครอบครัวเดียวกัน เขาก็มีเรื่องอยากพูดกับซูจิ่วซือให้ชัดเจน และอยากพูดคุยกับนาง เขารู้ดี ลูกสาวคนนี้ไม่ใช่คุณหนูธรรมดา

 

 

พอเข้าไปในห้องหนังสือ ซูจิ่วซือนั่งตรงกันข้ามกับมู่อวิ๋นชาง รอให้มู่อวิ๋นชางพูดขึ้นก่อน

 

 

มู่อวิ๋นชางมองลูกสาวคนนี้อย่างละเอียด เห็นนางสงบเหมือนน้ำ กิริยาท่าทางงามสง่า ดูก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี

 

 

เขารู้ว่าระดับของจวนอันผิงโหวในแคว้นเว่ยไม่ถือว่าต่ำ เพียงแต่นางได้รับความลำบากตั้งแต่เล็ก แปดขวบก็ออกจากจวนอันผิงโหว แต่ยังคงมีลักษณะของคุณหนูใหญ่

 

 

“ซือซือ เจ้ากลับมาได้ แม่เจ้าดีใจมาก หลายปีแล้วที่ข้าไม่เคยเห็นแม่เจ้าสบายใจอย่างนี้

 

 

ในเมื่อรับเจ้ามาอยู่จวนแล้ว วันหลังเจ้าก็เป็นลูกสาวของข้ามู่อวิ๋นชาง เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลมู่ ข้าไม่ยอมให้ใครข่มเหงเจ้าแน่ แต่ก็ไม่มีวันปล่อยให้เจ้าทำลายตระกูลมู่”

 

 

มู่อวิ๋นชางสีหน้าจริงจัง เขารู้ว่าซูจิ่วซือเข้าใจความหมายของเขา

 

 

ซูจิ่วซือไม่ได้หลบสายตาของมู่อวิ๋นชาง แม้นางเข้ามาในตระกูลมู่เพื่อช่วยฟู่เฉินหรง แต่นางก็ไม่ได้คิดใช้ประโยชน์จากตระกูลมู่”

 

 

นางต้องการฐานะนี้เพื่อตั้งหลักอย่างมั่นคงในตูเฉิง รอให้ฟู่เฉินหรงกำจัดซิ่นอ๋อง นางจะตอบแทนตระกูลมู่อย่างเต็มที่ หากตระกูลมู่มีอะไรจะให้ช่วย นางจะช่วยเหลือเต็มความสามารถ

 

 

แต่มีจุดหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ การตัดสินใจของนางทำให้ตระกูลมู่ซึ่งเป็นกลางมาตลอดต้องตกอยู่ในอันตราย นี่เป็นการตัดสินใจของตระกูลมู่ มีความเป็นไปได้ที่นางจะแพ้ แต่เฉพาะหน้านี้นี่เป็นวิธีที่เป็นผลดีต่อฟู่เฉินหรงที่สุด นางต้องเสี่ยง

 

 

“ท่านพ่อ ข้าจะจำไว้ว่าข้าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลมู่ ไม่มีวันทำอะไรที่เป็นผลร้ายต่อตระกูลมู่ จุดนี้ท่านพ่อโปรดสบายใจได้ มีเรื่องหนึ่ง ที่ข้าต้องสารภาพกับท่านพ่อ ข้ากับองค์รัชทายาทสัญญากันแล้วว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต ความสำเร็จของเขาก็คือความสำเร็จของลูก ถ้าเขาแพ้ ลูกก็แพ้พร้อมกับเขา”

 

 

เรื่องนี้แม้นางไม่สารภาพ มู่อวิ๋นชางก็รู้ นี่ไม่ใช่ความลับอะไร บอกเรื่องนี้ให้มู่อวิ๋นชางฟังอย่างเปิดเผยจะดีกว่า นางจะยืนอยู่ข้างฟู่เฉินหรง

 

 

มู่อวิ๋นชางนึกไม่ถึงว่าซูจิ่วซือจะสารภาพอย่างนี้ เปิดเผยความคิดออกมา

 

 

มู่อวิ๋นชางครุ่นคิด แล้วพูดต่อ “ตูเฉิงมีตระกูลใหญ่มากมาย ทำไมต้องแต่งงานกับองค์รัชทายาท เขามีคู่หมั้นแล้ว ซือซือ เจ้าก็รู้ว่าถ้าอยู่กับเขาจะมีอันตรายมากมายที่ยยังไม่รู้ เจ้าวางมือตอนนี้ดีกว่า เจ้าเป็นลูกสาวของตระกูลมู่ ต้องได้แต่งงานกับคนที่ถูกใจแน่”