ตอนที่ 393 เมื่อเติบโต

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 393

เมื่อเติบโต

“เจ้านี่ก็เชื่องดีนี่นา”ไป๋ไป่พูดพลางลูบเส้นขนของเจ้าซาราอย่างเอ็นดูในขณะที่ไป๋หลินได้แต่มองอยู่จากข้างนอกห้องเท่านั้น

“ก็พี่ไป๋ไป่เป็นอสูรนี่นา”ไป๋หลินทำแก้มป่องพลางมองซาราที่กำลังนอนอยู่บนตักของไป๋ไป่ พออสูรเป็นคนอุ้มแล้วเจ้าซารากลับไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยแถมยังเหมือนจะชอบอีกต่างหาก

“เจ้าเองก็มีพลังอสูรไม่ใช่หรือไง”ไป๋ไป่ว่าพลางอุ้มซาราไปหาไป๋หลินที่อยู่หน้าประตู แต่พอเห็นไป๋หลินเข้าเจ้าซารากลับเข้าไปหลบด้านหลังไป๋ไป่เสียอย่างนั้น

“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”ไป๋หลินว่าพลางถอนหายใจออกมา

“บางทีมันอาจจะกลัวพลังวิญญาณก็ได้นะขอรับ”ชิงชิวเสนอพลางมองไปด้านหลังของไป๋ไป่ที่มีปีกสีขาวโผล่ออกมาให้เห็นนิดหน่อย

“งั้นชิงชิวเจ้าลองปกปิดพลังวิญญาณดู”ไป๋ไป่ว่าพลางมองมาทางชิงชิว

“อ่า…ขอรับ”ชิงชิวตอบรับพลางปิดบังพลังวิญญาณของตนออกไปเหลือเพียงพลังอสูรเท่านั้น ผลก็คือเจ้าซาราไม่ได้หลบชิงชิวเหมือนที่ทำก่อนหน้านี้ แต่กลับจ้องชิงชิวด้วยท่าทีสงสัยแทน

“กินไหม”ชิงชิวถามพลางยื่นสมุนไพรให้กับซารา พอเป็นชิงชิวที่ปิดพลังวิญญาณเอาไว้แล้วซารากลับไม่หนีหายไปไหน แถมยังก้มหน้าลงมาคาบเอาสมุนไพรในมือชิงชิวกลับไปกินอีกต่างหาก

“พลังวิญญาณจริงๆด้วย พี่ชิวท่านสอนวิชาปกปิดพลังวิญญาณหน่อย”ไป๋หลินว่าพลางหันไปขอร้องชิงชิว พวกนางยังเหลือเวลาอยู่ที่อาณาจักรไชน์เพียงครึ่งเดือนเท่านั้น หากไม่สามารถทำให้ซาราเชื่องได้ท่านพ่อของนางจะพามันไปปล่อยในเขตอสูรแทน

“ขอรับ ได้แน่นอน”ชิงชิวรู้ชะตาตัวเองตั้งแต่วิธีนี้ได้ผลแล้ว แน่นอนว่าไป๋หลินเองก็คงใช้เวลาฝึกไม่นานนัก

“กินแล้ว…”ไป๋หลินที่ฝึกวิชาปกปิดพลังวิญญาณด้วยเวลาเพียง 2 วันกำลังมองเจ้าซาราที่กำลังกินสมุนไพรจากมือของตนเองด้วยท่าทีมีความสุข

“บางทีเจ้านี่อาจจะมองเห็นเหมือนดวงตาสีม่วงก็ได้”ไป๋จูเหวินว่าพลางนั่งลงข้างๆไป๋หลิน

“หมายความว่าเจ้านี้แยกแยะคนกับอสูรด้วยพลังที่มองเห็นเหรอเจ้าคะ”ไป๋หลินถามพลางใช้นิ้วแตะไปที่ขนของซาราเบาๆ พอลบพลังวิญญาณออกไปแล้วซาราก็ไม่หนีแถมยังปล่อยให้ไป๋หลินแตะตัวได้อีกต่างหาก

“ท่านพ่อ แบบนี้ข้าก็เลี้ยงซาราได้สินะเจ้าคะ”ไป๋หลินทำตาเป็นประกายพร้อมหันไปหาไป๋จูเหวินราวกับจะทวงสัญญา

“ก็ได้ แต่เราคงเรียกมันว่าซาราไม่ได้”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางตอบออกมาด้วยท่าทีเอ็นดู

“ทำไมล่ะเจ้าคะ”ไป๋หลินเอียงคองงๆ

“เรื่องที่เจ้านี่คือสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าซาราเป็นความลับ ถึงในอาณาจักรของเราจะไม่มีใครรู้เรื่องของมันก็ตาม”ไป๋จูเหวินตอบ เพราะการค้าระหว่างอาณาจักรอู๋กับอาณาจักรไชน์เริ่มเติบโตมากขึ้นแล้ว แถมยังมีคนของอาณาจักรอีมอร์ขอเข้าร่วมกับอาณาจักรไชน์อยู่บ้าง แม้โอกาสจะน้อยแต่ก็ยังมีหนทางที่เรื่องของซาราจะรู้เข้ามาในอาณาจักรไป๋อยู่

“งั้น..ก็ต้องตั้งชื่อสินะ”ไป๋ไป่ว่าพลางมองเจ้าซารา เจ้านี่เหมือนมังกรอยู่หรอก แต่ไป๋ไป่ที่โตมาท่ามกลางฝูงมังกรกลับรู้สึกว่าไม่ใช่มังกรที่ตนเคยเห็นเสียด้วย

“จะว่าไป เจ้านี่มันมีขาด้วยนะขอรับ”ชิงชิวว่าพลางมองไปที่ลำตัวของซารา แม้จะเหมือนงูแต่หากมองดีๆจะเห็นขาเล็กๆ 4 ข้างที่อยู่ใต้ขนสีขาวของมัน

“แล้วเจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่”ไป๋ไป่ถามด้วยความสงสัย

“กิ้ว…”อยู่ๆซาราก็ส่งเสียงออกมาเหมือนจะรู้ว่าทุกคนกำลังอยากจะถามอะไรมันไม่มีผิด น่าเสียดายเจ้าซาราไม่มีสติปัญญาเหมือนกับอสูรปักเป้าไม่มีผิด แถมเสียงร้องยังเหมือนกันอีกต่างหาก

“กิ้ว…”ราวกับสื่อสารกันรู้เรื่อง อสูรปักเป้าที่ลอยอยู่ข้างๆตัวไป๋จูเหวินเข้ามาหาซาราพลางส่งเสียงคุยที่พวกไป๋จูเหวินไม่เข้าใจอย่างกับกำลังสนทนากันอยู่ไม่มีผิด

ฉึก!!! อยู่ๆอสูรปักเป้าก็ยิงหนามพิษของตัวเองออกมา ทำเอาชิงชิวที่อยู่ใกล้ระยะยิงสะดุ้งวาบต้องถอยออกมาทันที

ฉึกๆๆๆๆๆๆ อสูรปักเป้ายิงหนามออกมาเรียงกันเป็นเส้นราวกับกำลังจะวาดรูปด้วยหนามพิษของตนเองไม่มีผิด

“นี่มัน…”ไป๋หลินกระพริบตาปริบๆพลางมองรูปที่อสูรปักเป้าวาดออกมาสุดฝีมือ

“ม้าเหรอ”แม้จะวาดได้ไม่ระเอียดนัก แต่ก็พอจะดูออกว่ามันคือสัตว์ประเภทใด

“เจ้าจะบอกว่าเจ้าเป็นม้า?”ไป๋ไป่ขมวดคิ้วพลางหันไปมองเจ้าซาราที่ตอนนี้ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่เหมือนม้าเลยแม่แต่น้อย

“กิ้ว”เจ้าซาราพยักหน้าราวกับเข้าใจคำถาม ก่อนจะกระพือปีกนกบนหลังของตนอย่างยินดี

“งั้นก็ต้องบอกคนอื่นว่าเป็นอสูรม้าสินะ แต่…..”ชิงชิวว่าพลางมองร่างของซาราที่ไม่เหมือนม้าเลยสักนิด แต่เหมือนซาราจะรู้ตัวว่าชิงชิวคิดอะไร มันเลยยกตัวขึ้นเพื่ออวดขาเล็กๆของมัน จะว่าไปขาของมันก็เป็นกีบเหมือนม้าจริงๆไม่ได้เป็นนิ้วเท้าอย่างสัตว์ชนิดอื่น

“แบบนี้ก็เหมือนม้าสวรรค์เลยสิ”ไป๋หลินว่าพลางหัวยิ้มออกมา ม้าสวรรค์เป็นอสูรชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างเป็นม้า แต่มีปีกสีขาวเหมือนนกอยู่ที่หลัง

“จะให้บอกว่าเป็นตัวอ่อนของม้าสวรรค์งั้นเหรอ”ไป๋จูเหวินทำหน้าลำบากใจ ม้าสวรรค์เป็นอสูรที่มีอยู่น้อยเพราะระดับพลังไม่ได้สูงมาก แต่คงมีอสูรหลายตนทราบว่าม้าสวรรค์เกิดมาก็เป็นลูกม้าเลยไม่ได้มีรูปร่างแบบซารา

“งั้นก็ต้องเป็นลูกผสมสินะ”ชิงชิวพูดพลางนึกถึงตอนตนเองถามจากไป๋หลินว่าลูกๆของน้าราชสีห์จะออกมาเป็นอย่างไรหากมีลูกกับพวกนางพญาผีเสื้อ ซี่งผลที่ออกมาก็คือจะมีการผสมระหว่างจุดเด่นของแต่ละพันธุ์อยู่ที่ตัวลูก อย่างไป๋ไป่เองก็เป็นพันธุ์ผสมระหว่างมังกรดินและมังกรบินจนกลายเป็นมังกรบินที่มีเกราะเป็นหินอย่างที่เห็น

“อืม เป็นความคิดที่ดี”ไป๋จูเหวินพยักหน้าอย่างเห็นด้วย หากบอกว่าเป็นลูกครึ่งของม้าสวรรค์กับอสูรประเภทงูหรือมังกรก็คงสามารถตบตาผู้อื่นได้ไม่ยาก

“แล้วชื่อล่ะ เอาอะไรดี”ไป๋ไป่ถามพลางมองไปรอบๆ

“ตัวมันสีขาวก็ตั้งเป็น ไป๋….”ชิงชิวพูดออกมาได้ไม่ทันไรก็เอามือปิดปากไป รอบๆตัวมันมีแต่คนตระกูลไป๋ แม้แต่ไป่ไป่ยังมีคำว่าไป๋ หากจะตั้งชื่อให้ซาราว่าไป๋อีกมีหวังได้งงหมดแน่ๆ

“เจ้ามาจากทางตะวันออก ก็เป็นตงฟางแล้วกัน”ไป๋จูเหวินว่าพลางลองสัมผัสขนของตกฟางดู พอไม่มีพลังวิญญาณแล้วก็สามารถสัมผัสมันได้ง่ายๆเลย แต่จะบังคับให้ทุกคนในวังหลวงปิดบังพลังวิญญาณก็คงไม่ได้ คงต้องหาทางให้ตงฟางชินกับพลังวิญญาณได้เสียหน่อย

“ท่านพี่ องค์จักรพรรดิไชน์บอกว่าอยากจะนัดทานอาหารค่ำเจ้าค่ะ”เหม่ยหลินเดินเข้ามาหาไป๋จูเหวินพร้อมกับชินอี้เพราะต้องการจะบอกธุระ แต่ทันทีที่ไป๋หลินเข้ามาใกล้ตงฟางก็พลันเข้าไปหลบด้านหลังไป๋ไป่อีกเช่นเดิม ท่าทางเรื่องจะให้ตงฟางชินกับพลังวิญญาณจะเป็นเรื่องลำบากเสียหน่อยแล้ว

.

.

“แล้ว อาณาจักรไชน์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”ไป๋จูเหวินถามหลังจากกลับมาร่วมโต๊ะอาหารกับองค์จักรพรรดิของไชน์

“พวกเรายึดพื้นที่เดิมของไชน์คืนมาแล้วล่ะ แต่เรื่องจะขยายพื้นที่คงทำไม่ได้”จักรพรรดิไชน์ว่าพลางถอนหายใจออกมา เพราะกองทัพอีมอร์ไม่ได้ถอนรากถอนโคนอาณาจักรที่บุกยึด ทำให้ยังมีขุมอำนาจเก่าหลงเหลืออยู่ตามดินแดนต่างๆ สุดท้ายแล้วแผ่นดินที่อีมอร์ยึดมาทั้งหมดก็โดนยื้อแย่งหั่นกันไปตามเดิม ทำให้ตอนนี้มีสงครามยิบย่อยไปทักหย่อมหญ้า ส่วนที่ไชน์ไม่เข้าร่วมเพื่อแย่งชิงดินแดนนั้นเพราะไชน์เองก็เสียหายไม่ต่างจากอาณาจักรอื่นๆ กำลังทหารตอนนี้เหลือไม่มาก แถมไป๋จูเหวินยังขอให้มันส่งกำลังทหารไปช่วยเหลือประชาชนที่โดนอาณาจักรอีมอร์เคลื่อนทัพผ่านด้วย ทำให้ทหารของไชน์ไม่มากพอจะไปยึดแผ่นดินกับอาณาจักรอื่นๆ แต่หลังจากนี้แผ่นดินผืนนี้คงเปลี่ยนไปในรูปแบบต่างๆไม่น้อยเลย

“เพียงแต่ ยังมีปัญหาอีกอย่างที่ข้าอยากจะบอกจักรพรรดิไป๋ให้ทราบ”จักรพรรดิไชน์ว่าพลางก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกหนักใจ

“ทหารของอีมอร์ต่างทราบเรื่องสัตว์วิเศษอย่างซารากันแล้วขอรับ เกรงว่าเราจะเอาซาราไปปล่อยไม่ได้แล้ว”จักรพรรดิไชน์ตอบด้วยท่าทีลำบากใจ

“ข้าก็เลยอยากจะวานให้ท่านนำซารา…”จักรพรรดิไชน์กำลังจะฝากไป๋จูเหวินให้นำซาราไปด้วย เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องยื้อแย่งตัวซาราอีก แต่หากมันจะขอร้องอะไรไป๋จูเหวินที่พึ่งจะลงแรงช่วยเหลือตนมาหมาดๆแล้วก็ออกจะทำให้มันเกรงใจไม่น้อย

“ดูเหมือนบุตรสาวของข้าจะชอบเจ้าซารามากทีเดียว ข้าเองก็กำลังจะบอกท่านว่าพวกเราอาณาจักรไป๋จะพาตัวซารากลับอาณาจักรไป๋ด้วย”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มบางๆออกมา

“โอ เช่นนั้นก็วิเศษไปเลย”จักรพรรดิไชน์ยิ้มพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก ในเมื่อไป๋จูเหวินต้องการอยู่แล้วก็เข้าทางมันพอดีเลย

.

.

.

“พี่ชิว ตั้งแต่เมื่อตอนเย็นแล้ว ท่านยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรงั้นหรือ”หลังจากจบมื้ออาหาร ไป๋หลินที่กำลังเดินกลับที่พักของตนพร้อมชิงชิวและไป๋ไป่ วันนี้ชิงชิวดูอารมณ์ดีผิดปกติ ทำเอานางอดสงสัยไม่ได้จริงๆ

“ข้าได้จดหมายจากอาณาจักรไป๋ขอรับ”ชิงชิวตอบพลางยิ้มออกมา

“จดหมาย….จากใครงั้นเหรอ”ไป๋หลินถามด้วยน้ำเสียงเหมือนจะไม่พอใจนัก ได้รับจดหมายแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้หมายความว่าอย่างไร หรือจะเป็นจดหมายจากผู้หญิงกัน?

“น้องชายข้าเขียนมาบอกข่าวขอรับ”ชิงชิวตอบพลางยิ้มบางๆเมื่อเห็นท่าทีสงสัยของไป๋หลิน

“น้องชายท่าน? เป็นข่าวดีงั้นหรือท่านถึงดีใจนัก”ไป๋หลินลดท่าทีสงสัยลงพลางเดินเข้าหามาอยู่ข้างๆชิงชิว

“ดูเหมือนน้องชายข้าจะสอบเข้ามาทำงานในวังหลวงได้แล้วขอรับ ข้าก็เลยดีใจกับน้องข้าด้วย”ชิงชิวตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีดีใจอย่างที่พูดจริงๆ

“ไม่เห็นต้องสอบเลย ท่านบอกข้าคำเดียวจะทั้งครอบครัวท่านก็เข้าวังมาได้เลยแท้ๆ”ไป๋หลินตอบพลางทำหน้ามุ่ย

“แบบนั้นข้าคงโดนน้องชายต่อว่าแน่ๆ มันเป็นคนจริงจังและตั้งใจมากขอรับ หากทราบว่ามันเข้าวังได้เพราะข้าขอร้องให้องค์หญิงช่วยมันคงไม่ยอมเข้าวังมาแน่ๆ”ชิงชิวหัวเราะพลางนึกถึงน้องชายของตน

“เอาเถอะ งั้นกลับไปแล้วท่านอย่าลืมแนะนำข้าให้น้องชายท่านรู้จักด้วยล่ะ”ไป๋หลินว่าพลางเบือนหน้าหลบชิงชิวเล็กน้อย ท่าทางน้องชายของชิงชิวจะเป็นคนจริงจังมากจริงๆ

“แนะนำในฐานะอะไรล่ะขอรับ”ชิงชิวถามคำถามออกมาพลางยิ้มเหมือนกำลังแกล้งไป๋หลินอยู่

“……”ไป๋หลินไม่ได้ตอบ เพราะนางทราบดีว่าชิงชิวหมายถึงอะไร

ฟุบ!!! อยู่ๆปีกสีขาวก็พุ่งเข้ามาตีหัวชิงชิวไปทีหนึ่ง

“ก็ฐานะองค์หญิงกับองครักษ์ไง”ไป๋ไป่ว่าพลางเท้าเอวด้วยท่าทีหมันไส้ ไหนบอกว่าจะปิดเป็นความลับเอาไว้ก่อนไง มาพูดจาหวานเลี่ยนแบบนี้กลางทางมีหวังโดนจับได้พอดี