ตอนที่ 680

The Divine Nine Dragon Cauldron

680 – สงครามสุดท้าย

 

พันลี้ไกลออกไปท้องนภาได้กลายเป็นน้ำหมึกสีดำสนิทราวกับค่ำคืนที่ไร้แสงจันทรา มันมืดจนมองมือของตัวเองที่ยื่นมาข้างหน้าไม่เห็น โลกในตอนนี้ราวกับหลุมลึกไร้ก้นบึ้ง

 

  ความมืดแผ่ขยายจนทุกคนเจ็บปวดเพราะหัวใจที่เต้นแรงมีเสียงสายฟ้าที่ร้องคำรามราวกับสัตว์ป่า มันราวกับมีสัตว์ชั่วร้ายที่กำลังรอคอยเวลานี้ เวลาที่โลกแห่งความมืนจะกลืนกินทุกสิ่งเข้าไป

 

  ทุกคนรู้สึกราวกับถูกกรงขังวที่มืดปิดปิดผนึกเอาไว้และกำลังจะมีสัตว์ชั่วร้ายออกมาล่าพวกเขาหยดเหงื่อเย็นๆไหลผ่านรูขุมขนออกมาจนหลังเปียกโชก

 

  ความยินดีที่ได้เจอกับวิบัติสวรรค์ของพวกเขาหายไปเพราะเสียงสายฟ้าคำรามพวกเขายืนราวกับปศุสัตว์ที่กำลังจะถูกเชือดหมู่

 

  ถ้าพวกเขามีชีวิตรอดพวกเขาจะกลายเป็นภูติและทะยานสู่การเป็นคนระดับสูงของทวีป แต่ถ้าพวกเขาตาย พวกเขาจะกลายเป็นฝุ่นผงที่ถูกลบหายไปจากโลก!

 

  ครืน

 

  เสียงสายฟ้าเข้าใกล้อย่างมากวิบัติอัสนีสีขาวที่หนาเท่าข้อมือซัดลงมาจากฟ้า มันดูเหมือนอสรพิษตัวใหญ่กำลังมาที่กรงขังทมิฬ!

 

  สายฟ้าสว่างจ้าจนพวกเขามองอะไรไม่เห็น

 

  ตู้ม

 

  ทุกคนใจหายเมื่อสายฟ้ามาถึงนี่คือวิบัติอัสนีของผู้เฒ่าเฉิน!

 

  ครืน

 

  มีสายฟ้าตามมาอีกครั้งนี้มันเป็นแสงสีม่วงที่มาพร้อมพลังทำลายล้างที่ทำให้ทุกคนตัวสั่น มันคือวิบัติอัสนีของลั่วซวง!

 

  ตู้ม

 

  ตู้ม

 

  เหล่าสายฟ้าซัดตามกันมาไม่ขาดสายมันเปล่งแสงให้กับโลกอันมืดมิด

 

  เมื่อม้าเมฆาถูกย่อยมีคนอีกมากมายที่ต้องเผชิญหน้ากับวิบัติอัสนี

 

  สายฟ้าหลากสีปรากฏบนท้องฟ้าทันทีทันใดบรรยากาศมืดมิดได้เปลี่ยนแปลงเป็นแสงสว่างหลากสีสัน

 

  แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกดีขึ้นพวกเขากลับหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม นั่นก็เพราะสายฟ้าเหล่านี้คือตัวแทนของเจตจำนงสวรรค์ที่จะทำลายล้างพวกเขา

 

  ในตอนนี้เป็นสวรรค์ที่กำลังเข้าขัดขวางเพราะไม่ต้องการให้พวกเขาได้พลังมาครอง การเผชิญหน้ากับวับัติสวรรค์ก็ไม่ต่างอะไรกับการต่อสู้กับจักรวาล

 

  พวกเขาล้วนไร้การป้องกันแค่เสี้ยวสายฟ้าก็มากพอที่จะเปลี่ยนพวกเขาจนเป็นฝุ่นผง และพวกเขาแต่ละคนยังต้องเจอสายฟ้าสามครั้ง!

 

  ลืมคนอย่างผู้เฒ่าเฉินที่ไม่เคยเจอวิบัติสวรรค์ไปก่อนหากมองวู่เหิงตอนนี้ จะพบว่าเขาหัวใจเต้นแรงอย่างมากเมื่อต้องเจอกับวิบัติอัสนีที่ยิ่งใหญ่ ความหวาดกลัวกำลังกัดกินหัวใจของเขา

 

  “ภาพนี้หายากนักแม้จะเป็นจิวโจวข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นเรื่องแบบนี้ที่เฉินหลง”

 

  วู่เหิงหัวเราะแห้งๆ

 

  “วิธีการใดกันที่นายน้อยจะช่วยคนให้ผ่านวิบัติสวรรค์ได้พร้อมกันเช่นนี้?ความท้าทายมันไม่ต่างอะไรกับการเจอวิบัติสวรรค์ของภูติชั้นสูง”

 

  วู่เหิงหัวเราะด้วยควาามขมขื่นเมื่อสัมผัสได้ว่าสายฟ้ากำลังจะฟาดใส่ถ้าสิ่งที่ซือหยูเตรียมไว้ไม่ได้ผล วู่เหิงจะต้องตายที่นี่อย่างแน่นอน

 

  แต่ถ้าซือหยูทำสำเร็จวู่เหิงจะได้กลายเป็นภูติระดับสี่ ลำดับของเขาจะกลายเป็นที่หกในบรรดาองครักษ์เงาทมิฬ

 

  ดังนั้นจึงมีรางวัลและความเสี่ยงที่คุ้มค่ารออยู่เขาต้องผ่านมันไปให้ได้!

 

  “ใกล้จะได้เวลาแล้ว”

 

  หวูอู๋ยี่ที่อยู่ตรงกลางเหล่าผู้คนพูดออกมานางถือเกราะหลากสีในมือ

 

  มือของนางเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อดวงตางดงามเปล่งประกายสดใส อกอันอวบอิ่มและส่วนโค้งเว้าอันงดงามของนางที่รับแสงจากสายฟ้านั้นดูทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง

 

  ตู้ม

 

  สายฟ้าขาวซัดลงมาก่อนมันดูเหมือนอุกกาบาตที่หล่นลงมาจากฟ้าเหลือไว้เพียงแต่หางสีขาวแห่งการทำลายล้าง

 

  หางสีขาวของสายฟ้านั้นงดงามเป็นอย่างมากมันดูไม่มีพิษภัยแม้แต่น้อย แต่กลับกัน มันคือสายฟ้าที่จะสังหารพวกนางได้ในพริบตาเดียว!

 

  “เข้ามา!”

 

  หวูอู๋ยี่ตะโกนนางจ้องมองวิบัติอัสนีที่พุ่งลงมา

 

  นางโยนเกราะหลากสีขึ้นฟ้าเพื่อขวางสายฟ้าสีขาวนางจำได้ว่าตอนที่ผู้เฒ่าจิวผ่านวิบัติอัสนี สายฟ้าที่ดุร้ายนั้นถูกดูดเข้าไปในชุดเกราะนี้และหายไปโดยไร้เสียง

 

  “ทุกคนมายืนรอบๆข้า…”

 

  หวูอู๋ยี่พูอพร้อมกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

  นางสร้างชุดเกราะสายฟ้ามากับมือพลังของสมุนไพรสายฟ้าที่อายุเกินแปดสิบปีนั้นเหนือกว่าที่นางคาดคิดไว้อย่างมาก

 

  ความมั่นใจของนางเพิ่มขึ้นหลายเท่าเมื่อได้เห็นพลังอำนาจของชุดเกราะนางยิ่งมีความกล้ามากขึ้นเมื่อผู้คนเริ่มมารวมตัวรอบๆนางอย่างรวดเร็ว กลุ่มคนยืนใกล้กันมาก สายฟ้าได้เข้ามารวมตัวกันในระยะหนึ่งลี้

 

  ตู้ม

 

  ผู้คนที่อยู่ในเมืองอ้าปากค้างสายฟ้ามากมายซัดตามกันมาในจุดเดียวไม่หยุด

 

  สายฟ้าต่อเนื่องทำให้ท้องนภาราวกับเชื่อมติดกับผืนดินเป็นหนึ่ง!แสงสีอันตระการตาราวกับซัดใส่หลุมลึกไร้ขอบเขตที่ทนรับพลังอันไร้ปรานีซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

  สายฟ้าซัดลงมาเรื่อยๆยาวนานถึงครึ่งชั่วโมมงสายฟ้าที่น่าตกตะลึงทำให้พื้นสั่นไปถึงเมืองที่ห่างออกไปพันลี้ เศษโครงสร้างต่างๆเริ่มหลุดร่วงลงมา บ้านเก่าบางหลังที่ยังไม่ถูกซ่อมถึงกับพังทลายลงมา!

 

  สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีสักขีพยานในระยะหมื่นลี้สายฟ้าหายไปหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง โลกกลับมาสดใสเป็นปกติอีกครั้ง

 

  แต่คนในเมืองยังคงมิอาจฟื้นตัวจากความตกใจที่ได้เห็นโดยเฉพาะเหล่ากึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงที่เพิ่งจะได้รับม้าเมฆา

 

  พวกเขารู้สึกทั้งชิงชังและริษยาเมื่อมองระยะห่างไกลถ้าหากวิบัติสวรรค์จบลง ช่องว่างระหว่างพลังของพวกเขาจะต่างกันราวฟ้ากับเหว

 

  ฉีหยุนเซี่ยงขบริมฝีปากนางผิดหวังอย่างมาก

 

  “ตาข้าแล้ว…”

 

  หวูอู๋ยี่พูดอย่างตื่นเต้นนางกลืนม้าเมฆาลงไป นางรอเวลานี้มานานเกินทนแล้ว

 

  และก็เป็นอย่างที่คิดวิบัติอัสนีมาและจากไปอย่างง่ายดาย นางแทบไม่มีเวลาให้คิดอะไรด้วยซ้ำ

 

  แต่ความรู้สึกยินดีและตกใจได้เปลี่ยนผ่านมาเป็นน้ำตาในดวงตาทั้งสองในที่สุดนางก็ได้กลายเป็นภูติ!

 

  มีเสียงเอะอะและเสียงหัวเราะของผู้คนพวกเขากระโดดโลดเต้นราวกับคนเมาสุรา พวกเขาลืมตัวไปชั่วขณะหนึ่ง

 

  พวกเขามิอาจบรรยายความรู้สึกในตอนนี้ได้เลยในที่สุดพวกเขาก็ได้สำเร็จพลังระดับตำนานของเฉินหลง…พลังขอบเขตภูติ!

 

  เมฆดำกระจายหายลำแสงดั่งฝันปกคลุมทุกคนที่ผ่านวิบัติสวรรค์ พลังของเหล่าภูติแผ่กระจายไปทั่วทุกหนแห่ง มันเป็นแรงกดดันวิญญาณที่ทุกคนสัมผัสได้

 

  ทุกคนในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์โห่ร้องเสียงดังด้วยความยินดีทีแรก พวกเขาสิ้นหวังยิ่งนักกับการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง แต่ตอนนี้มีภูติจำนวนมากถูกสร้างขึ้นมา พวกเขาเห็นแสงแห่งความหวังอีกครั้ง!

 

  ในตอนนั้นพวกเขาเชื่อว่าพวกเขาสามารถสู้กับทัพใหญ่ของห้าศักดิ์สิทธิ์ได้จริงๆ! หวูอู๋ยี่นำพวกเขากลับเมืองท่ามกลางเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี

 

  “ตอนนี้ข้าจะประกาศสิ่งที่นายน้อยต้องการจะทำต่อไปภูติทุกคนต้องปิดประตูฝึกตนและไม่ปรากฏตัวจนกว่าการต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้น!”

 

  หวูอู๋ยี่ประกาศ

 

  ภายใต้คำสั่งผู้เฒ่าเฉิน หน่วยกวาดล้าง ฉีตงไล่ กังต้าเหล่ย ทุกคนต่างไปหาที่ซ่อน

 

  “วู่เหิงเจ้าดูบันทึกที่นายน้อยทิ้งไว้ให้เจ้าได้แล้ว”

 

  ทุกคนจากไปแล้วเหลือเพียงหวูอู๋ยี่กับวู่เหิงที่อยู่กันตามลำพัง

 

  วู่เหิงใจสั่นเล็กน้อยเมื่อคิดว่าซือหยูจะมอบภารกิจแบบใดให้เขาเพียงผู้เดียวเมื่อเปิดบันทึก เขาเห็นเพียงประโยคเดียวเท่านั้น

 

  เขาอ่านบันทึกและชักสีหน้า

 

  “นายน้อยอยากจะให้ข้าทรยศพันธมิตรผู้คุมสวรรค์งั้นรึ?”

 

  หวูอู๋ยี่พยักหน้า

 

  “นี่เป็นสิ่งที่นายน้อยจัดการให้เจ้าเจ้าจะต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับพันธมิตรผู้คุมสวรรค์อีกเพื่อขจัดปัญหาในอนาคต”

 

  “นายน้อยคิดว่าเราอาจจะแพ้?เลยให้ข้าแอบช่วยอย่างลับๆสินะ?”

 

  วู่เหิงถามราวกับตระหนักได้

 

  แต่ไม่คิดเลยว่าหวูอู๋ยี่จะส่ายหน้าแทนคำตอบ

 

  “ไม่เลยนายน้อยมั่นใจว่าจะต้องชนะ! สิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้มาจากนายน้อย จงฟังให้ดี…”

 

  “ถ้ามีสิ่งใดเกิดขึ้นกับข้าจงพาฉินเซี่ยนเอ๋อกับเซี่ยจิงหยูไปยังดินแดนไกลโพ้นและดูแลพวกนางให้ปลอดภัย”

 

  วู่เหิงแปลกใจ

 

  “นายน้อยคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขารึ?ทำไมนายน้อยถึงทิ้งบันทึกแบบนี้ไว้กัน?”

 

  “ข้าไม่รู้บางทีนายน้อยอาจจะรู้สิ่งที่พวกเราไม่รู้”

 

  หวูอู๋ยี่ถอนหายใจยาว

 

  บันทึกที่ซือหยูทิ้งเอาไว้ทำให้ทั้งสองเชื่อว่าบางอย่างที่น่ากลัวกำลังจะเกิดขึ้นกับเฉินหลงในอีกไม่นานความยินดีที่ผ่านพ้นวิบัติสวรรค์มาได้ของพวกเขาหายไปจนหมดสิ้น พวกเขาครุ่นคิดในความเงียบ

 

  “เอาล่ะเจ้าควรจะไปได้แล้ว ข้าจะประกาศว่าเจ้าทรยศต่อพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ จากวันนี้ไป พันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะเห็นเจ้าเป็นศัตรู จงดูแลตัวเองให้ดี”

 

  หวูอู๋ยี่ยกฝ่ามือตบไปที่ท้องของตัวเอง

 

  นางใช้พลังชีวิตรวบรวมที่ฝ่ามือนั่นทำให้นางบาดเจ็บสาหัส นางกระอักเลือดออกมาในทันที ขณะที่เรื่องนี้เกิดขึ้น นางมิได้แสดงสีหน้าแม้แต่น้อย  “วันนี้แปดศักดิ์สิทธิ์ได้ทำลายผนึกที่ซือหยูวางเอาไว้เมื่อทะลวงพลังสำเร็จ วู่เหิงทำร้ายข้าก่อนจะหนีไป”

 

  หวูอู๋ยี่พูดอย่างเย็นชา

 

  วู่เหิงเงียบและมองไปยังเมืองด้วยความรู้สึกมากมายไม่นานเขาก็จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะประสานหมัดและโค้งให้กับหวูอู๋ยี่ด้วยความนับถือ

 

  “โปรดบอกนายน้อยว่าข้าจะต้องตอบแทนบุญคุณในครั้งนี้แม้ข้าจะไร้ซึ่งผนึกของนายน้อย ข้าก็จะทำตามหน้าที่ถ้าหากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเขา”

 

  เขาพูดจบและเดินจากไป