ตอนที่ 679

The Divine Nine Dragon Cauldron

679 – รวบรวมผู้ผ่านวิบัติสวรรค์

 

ผู้เฒ่าเฉินถามด้วยความตกใจ

 

“เจ้าเป็นใคร?”

 

ฟึ่บ!

 

นางไม่ตอบนางถือชุดเกราะหลากสีในมือซ้ายและแหวนที่ทำจากหยกดำในมือขวา

 

ผู้เฒ่าเฉินจะไม่รู้จักชุดเกราะกับแหวนนี้ได้อย่างไร?เพราะยังไงมันก็คือของใช้ของซือหยู!

 

“รวบรวมกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงมาให้หมดรวมถึงสามร้อยคนแรกที่ได้เป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสองดวง นายน้อยของข้าสั่งให้เตรียมบางอย่างให้พวกเขา”

 

นางบอกผู้เฒ่าเฉิน

 

ผู้เฒ่าเฉินตกตะลึง

 

ทำไมถึงมีหญิงสาวที่เยือกเย็นคนนี้อยู่ในห้องของซือหยูล่ะ?

 

แต่นางมีของใช้ของซือหยูเขาต้องทำตามคำสั่งแม้จะสงสัยในตัวนาง

 

ผ่านไปครึ่งวัน

 

สตรีผู้สง่างามและเยือกเย็นยืนอย่างหยิ่งยโสในโถงหลักแสงอาทิตย์สาดส่องส่วนโค้งเว้าของนาง มันทำให้นางดูลึกลับยิ่งกว่าเดิม

 

“เจ้าเป็นใคร?เจ้าพันธมิตรซือไปไหน ทำไมเจ้าไปยืนในที่ของเขา?”

 

ฉีหยุนเซี่ยงถาม

 

นางเป็นหนึ่งในคนที่ถูกรวบรวมมาที่นี่แม้จะไม่ใช่กึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงนางเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้เลื่อนระดับเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงด้วย นางไม่พอใจอย่างมากที่เห็นสตรีประหลาดคนนี้

 

“ข้าคือหวูอู๋ยี่ข้าจะมาแทนที่ในตอนที่นายน้อยกำลังบ่มเพาะพลังอยู่”

 

หวูอู๋ยี่ตอบสั้นๆให้กับหญิงสาวที่ไม่พอใจนาง

 

ซือหยูนั้นโดดเด่นมากแม้แต่สาวงามเช่นนี้ก็ตกหลุมรักเขา

 

“ข้าขอถามความสัมพันธ์ของเจ้ากับเจ้าพันธมิตรซือจะได้หรือไม่?”

 

ฉีหยุนเซี่ยงไม่พอใจกับน้ำเสียงของหวูอู๋ยี่นักนางถามต่อทันที

 

คงไม่เป็นไรถ้าหากคนที่ยืนอยู่ตรงหวูอู๋ยี่คือฉินเซี่ยนเอ๋อหรือเซี่ยจิงหยูเพราะทั้งคู่ใกล้ชิดกับซือหยูมานานแต่ไม่มีใครรู้ว่าหวูอู๋ยี่ผู้นี้มาจากไหนหรือว่าทำไมนางถึงมาแทนที่เขา

 

และความสัมพันธ์ระหว่างนางกับซือหยูยังลึกลับอย่างมากฉีหยุนเซี่ยงไม่เต็มใจที่จะยอมรับนาง

 

หวูอู๋ยี่มองนางอย่างใจเย็น

 

“นายน้อยไม่ได้ขอให้ประกาศความสัมพันธ์กับใครข้าไม่จำเป็นต้องตอบเจ้า”

 

“นี่เจ้า…”

 

ฉีหยุนเซี่ยงโกรธจนหน้าแดงนางขบริมฝีปาก นางจ้องมองหวูอู๋ยี่ตาไม่กระพริบ

 

ทุกคนเข้าใจว่าผู้หญิงสองคนนี้กำลังชิงดีกันพวกเขาหยุดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะ

 

“ถ้าเจ้าไม่มีคำถามอื่นข้าจะทำตามแผนของนายน้อยแทนท่านเอง…”

 

หวูอู๋ยี่กล่าว

 

นางมองผ่านทุกคนและมองไปยังผู้เฒ่าเฉินกับอีกสองคนข้างๆ

 

“ท่านผู้เฒ่าจะใช้มันก่อนรับของเหล่านี้ไป ท่านมีเวลาแค่วันเดียวเท่านั้น จะสำเร็จหรือไม่ก็อยู่ที่ตัวท่าน”

 

นางดีดนิ้วหลายครั้งมีม้าที่ดูมีชีวิตสามตัวหล่นใส่มือของทั้งสามคน ผู้เฒ่าเฉินตกตะลึงเมื่อเห็นลูกม้าเล็กๆในมือ เขาถาม

 

“นี่มันตัวอะไรกัน?”

 

คนอื่นๆตกใจเช่นกันไม่มีใครเลยที่รู้ว่ามันคืออะไร

 

“มันก็แค่ของกิน…”

 

หวูอู๋ยี่พูดด้วยความใจเย็น

 

“ของกินรึ…”

 

ผู้เฒ่าเฉินกับคนอื่นตัวแข็งทื่อพวกเขาสับสนเมื่อถูกขอให้กินสัตว์ประหลาดทั้งเป็น!

 

วู่เหิงเบิกตากว้างมองหวูอู๋ยี่

 

“นั่นมันม้าเมฆายังมีตั้งสามต้น!”

 

ดวงตาของเขาแสดงความตกใจและแปลกใจความตกใจของวู่เหิงทำให้ผู้เฒ่าเฉินและคนอื่นๆตกตะลึง ในสายตาพวกเขา วู่เหิงนั้นมักจะเยือกเย็นอยู่เสมอ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นวู่เหิงตกใจ

 

ทั้งสามเหลือบมองกันและเริ่มรับรู้ว่าม้าเมฆามันน่าอัศจรรย์แค่ไหนพวกเขาคิดว่าต้องรีบก่อนที่คนอื่นจะแย่งไป

 

พวกเขาไม่รีรอม้าเมฆาถูกกลืนลงท้องต่อหน้าต่อตาวู่เหิง วู่เหิงทั้งโศกเศร้าและกังวลใจ

 

ผู้เฒ่าเฉินกับอีกสองคนที่กินม้าเมฆาเข้าไปตกใจมาก

 

“พลังวิญญาณอะไรกัน!”

 

ครืน!

 

เสียงฟ้าร้องดังก้องบนนภา

 

“เขาจะต้องผ่านวิบัติสวรรค์รึ?”

 

หลายคนงุนงง

 

ผู้เฒ่าเฉินเพิ่งจะเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วพลังสามดวงในไม่กี่วันก่อนเขาต้องบ่มเพาะพลังอีกหลายปีก่อนจะเข้าใกล้ขอบเขตภูติและผ่านวิบัติสวรรค์

 

แต่เมื่อจะต้องผ่านวิบัติสวรรค์ทันทีที่กินม้าเมฆาเข้าไป!ทุกคนที่ถูกเรียกมารวมตัวตกตะลึง

 

“ดีล่ะมันเร็วกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก! ทุกคนที่จะผ่านวิบัติสวรรค์ให้ไปที่ป่าไกลจากที่นี่พันลี้ ข้าจะตามไปทีหลัง”

 

หวูอู๋ยี่บอกพวกเขาอย่างเยือกเย็นดูเหมือนนางจะไม่ได้จริงจังกับวิบัติสวรรค์เท่าใดนัก

 

ผู้เฒ่าเฉินทั้งดีใจและหวาดกลัวเพราะเขาไม่ได้เตรียมตัวที่จะผ่านวิบัติสวรรค์ เขาไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้

 

เพราะไม่มีใครคิดฝันว่าหลังจากกินลูกม้าตัวน้อยเข้าไปแล้วจะต้องเจอกับวิบัติสวรรค์ในทันที!เขาค่อนข้างตื่นตระหนกและเป็นกังวล เขารีบบินออกจากเมืองทันที

 

ส่วนผู้เฒ่าอีกสองคนก็ดีใจและเป็นกังวลพวกเขารู้ว่าอีกไม่นานวิบัติสวรรค์จะมาถึง เขารีบบินตามผู้เฒ่าเฉินออกไปด้วย

 

“หน่วยกวาดล้างก้าวมาข้างหน้า…”

 

หวูอู๋ยี่พูดอย่างเย็นชาก่อนจะดีดนิ้วในตอนนั้นมีม้าเมฆาสิบห้าต้นบินออกมาที่หน่วยกวาดล้างแต่ละคน

 

“สิบห้าต้นเรอะ?ทหารเงาทมิฬยังไม่มีมันมากขนาดนี้เลย…”

 

วู่เหิงสูดหายใจเข้าลึก

 

ถ้าไม่ใช่เพราะเขากังวลกับสถานะของหวูอู๋ยี่เขาอาจจะพุ่งเข้าไปขโมยมันจากนางมาแล้ว ในสายตาของเขา ม้าเมฆาควรจะถูกใช้โดยภูติเท่านั้น เพราะพวกมันล้ำค่ามาก มันจะทำให้พวกเขาเพิ่มพลังมาอีกระดับ ดังนั้นเขาจึงคิดว่ามันสูญเปล่าเมื่อต้องมาใช้กับกึ่งภูติเพียงเพื่อให้ผ่านเป็นภูติระดับหนึ่ง

 

และในจิวโ๗วม้าเมฆายังเป็นของที่ภูติทุกคนล้วนใฝ่หาตลอดวันคืน คนที่เป็นแค่กึ่งภูตินั้นไม่ต้องคิดหวัง! เขาตกใจอย่างมากกับม้าเมฆาจำนวนมากที่ถูกแจกจ่ายออกไป และเขาก็ยังไม่ได้ส่วนแบ่งเลย!

 

หลังจากที่ลั่วซวงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงจากเหล่าผู้เฒ่าเมื่อได้ม้าเมฆาเขาเริ่มตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัว ทุกคนในหน่วยกวาดล้างกินม้าเมฆาเข้าไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

 

พวกเขาเพิ่งจะเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงเพราะทรัพยากรมหาศาลแม้ว่าในอดีตพวกเขาจะเป็นแค่หน่วยลาดตระเวณ พวกเขาก็เป็นยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่พวกเขาจะมีพลังเพิ่มขึ้นมาได้

 

ครืน!

 

สายฟ้าส่งเสียงอีกเมื่อหน่วยกวาดล้างกำลังจะเจอวิบัติสวรรค์

 

“ไปที่ป่าไกลพันลี้จากที่นี่…”

 

หวูอู๋ยี่บอกพวกเขาอย่างใจเย็น

 

ลั่วซวงผู้ลิงโลดนำหน่วยกวาดล้างออกไปอีกสิบห้าคนจะต้องเจอกับวิบัติสวรรค์พร้อมกัน นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!

 

“อาจารย์หลินเจ้าตำหนักฉี นายน้อยเตรียมแบ่งมันให้ท่านทั้งสองด้วย”

 

น้ำเสียงของหวูอู๋ยี่สุภาพขึ้นเพราะอาจารย์หลินกับเจ้าตำหนักฉีล้วนเป็นคนที่ซือหยูนับถืออย่างมาก

 

ทั้งคู่ดีใจที่ได้ส่วนแบ่งแม้อาจารย์หลินที่ใจเย็นอยู่เสมอก็หัวเราะชอบใจ

 

“ไม่เคยคิดสักครั้งว่าคนอย่างข้าจะมีวันได้เป็นภูติซือหยูสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกแล้ว!”

 

เจ้าตำหนักฉีประทับใจอย่างมากเขาถอนหายใจเบาๆ

 

“น่าเสียดายที่เจ้าพันธมิตรหลงยังไม่ได้สติและไม่ได้เป็นภูติกับพวกเรา”

 

หวูอู๋ยี่ยิ้มเบาๆ

 

“พวกท่านสบายใจได้นายน้อยไม่ลืมส่วนแบ่งของท่านผู้นั้นกับผู้เฒ่าฉิวอยู่แล้ว”

 

เจ้าตำหนักฉีรู้สึกดีขึ้นเมื่อนางยืนยันเขาบินออกไปพันลี้กับอาจารย์หลิน

 

“กังต้าเหล่ยรับไป”

 

หวูอู๋ยี่มองรอบๆและมองกังต้าเหล่ยนางโยนม้าเมฆาให้กับเขา

 

หลังจากที่เขาบ่มเพาะมานานเขาได้กลายเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวง

 

“หึหึข้ารู้ว่าน้องซือหยูจะไม่ลืมข้าพอได้เป็นเจ้าพันธมิตร”

 

กังต้าเหล่ยหัวเราะและถือม้าเมฆาบินออกจากเมืองเขาดูมั่นใจมากกว่าเขาจะต้องผ่านวิบัติสวรรค์

 

หวูอู๋ยี่เริ่มมองรอบๆอีกครั้ง

 

“เจ้าเจ้า และเจ้าด้วย…เจ้าสามคนเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงคนสุดท้าย รับไปแล้วไปรอที่ป่าพันลี้”

 

ในบรรดาคนที่เหลือมีคนที่มีพรสวรรค์อย่างมากและได้กลายเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงจากที่มีแก้วเพียงดวงเดียว ทั้งสามคนนี้ได้ม้าเมฆาทั้งหมด ภาพที่ได้เห็นทำให้หนุ่มสาวผู้มีพรสวรรค์คนอื่นโศกเศร้า

 

ทั้งสามดีใจมากพวกเขารีบบินออกไป คนที่เหลืออยู่มีแค่พวกที่เป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสองดวง

 

“พวกเจ้าก็จะได้ส่วนแบ่งพวกเจ้าจะได้แค่คนละต้นเท่านั้น ถ้าใครกล้าขัดคำสั่งจะถูกริบส่วนแบ่ง”

 

หวูอู๋ยี่พูดอย่างใจเย็น

 

เมื่อนางโบกมือมีม้าเมฆามากมายร่วงลงมาราวกับสายฝน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ดวงตาของวู่เหิงแทบจะหลุดออกจากเบ้า!

 

เขาคิดว่าตัวเองอาจจะไม่ได้อยู่ในเฉินหลงแต่เป็นแดนสวรรค์ของจิวโจว!มิเช่นนั้นก็คงจะไม่มีม้าเมฆามากขนาดนี้!

 

แต่ละคนต่อสู้แย่งชิงม้าเมฆาที่ลอยบนฟ้าพวกเขาได้ไปคนจละต้น พวกเขาดีใจมากแต่ก็ไม่มีใครกล้ารับไปมากกว่าหนึ่งต้น

 

“ทุกคนจงไปบ่มเพาะพลัง”

 

หวูอู๋ยี่สั่งสลายตัวและเหลือไว้เพียงหนึ่ง

 

“อะไรกัน?เจ้าไม่อยากได้หรอกรึ?”

 

หวูอู๋ยี่มองสาวน้อยตรงหน้านางและยิ้มเยาะ

 

น้ำตาคลออยู่ในดวงตาฉีหยุนเซี่ยงนางอยากจะเช็ดมันแต่นางก็จ้องมองหวูอู๋ยี่อย่างไม่ละสายตา

 

“หึหึ!เจ้าไม่พอใจข้าหรือไม่พอใจตัวเจ้าเองล่ะ?”

 

ดูเหมือนว่าหวูอู๋ยี่จะมองความรู้สึกของฉีหยุนเซี่ยงออก

 

“เจ้าไม่พอใจที่อีกไม่นานข้าจะได้กลายเป็นภูติขณะที่เจ้าจะเป็นแค่กึ่งภูติสินะ?”

 

หวูอู๋ยี่เป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงและนางก็ได้ผ่านวิบัติอัสนีไปแล้ว ดังนั้นนาง

เพียงแค่ต้องรอเวลาเท่านั้นเพื่อที่จะได้เป็นภูติ ส่วนฉีหยุนเซี่ยงจะยังคงเป็นกึ่งภูติต่อไป

 

ดังนั้นนางทั้งสองจะมีพลังที่แตกต่างกันอย่างมากบอกได้ง่ายๆว่านางไม่เต็มใจที่จะรับได้ว่ามีศัตรูคนใหม่ที่แข็งแกร่งกว่านาง

 

“ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาสนใจข้าข้าไม่อยากจะได้อะไรจากเจ้า”

 

ฉีหยุนเซี่ยงยังคงกลั้นน้ำตาปากแข็งและหันไป

 

หวูอู๋ยี่ยักไหล่

 

“ข้าไม่ได้คิดจะให้อะไรเจ้าอยู่แล้ว”

 

นางไม่ได้เตรียมอะไรให้ฉีหยุนเซี่ยงจริงๆเพราะดูเหมือยว่านางไม่มีม้าเมฆาเหลืออยู่อีกแล้ว

 

“นี่เจ้า!”

 

ฉีหยุนเซี่ยงโกรธมากนางรู้สึกราวกับถูกรังแก น้ำตาไหลออกมาจากควบคุมไม่ได้

 

“หึหึ…”

 

เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้น

 

“ก็ได้ๆข้าแหย่เจ้ามากพอแล้ว เอาไปสิ นายน้อยบอกให้ข้าให้เจ้าโดยตรง”

 

นางหันกลับไปและพบกับม้าเมฆาอีกต้นฉีหยุนเซี่ยงรับเอาไว้และเริ่มร่าเริงขึ้นหลังจากที่ได้ยินว่าซือหยูบอกให้หวูอู๋ยี่มอบให้นางด้วยตัวเอง!

 

นางหลับตาด้วยความอายนางลืมตาบวมแดงและพูดด้วยความโกรธ

 

“เป็นเจ้าพันธมิตรซือที่ให้ข้าไม่ใช่เจ้า!”

 

แม้นางจะลังเลนางก็รับมันเอาไว้ นางหันหลังจากไป

 

ก่อนที่นางจะไปหวูอู๋ยี่ถอนหายใจเบาๆ

 

“เลิกคิดเสียเถอะเขามีอนาคตที่ไร้ขอบเขตรออยู่ เขาไม่มีทางได้อยู่กับเจ้า”

 

ฉีหยุนเซี่ยงตัวสั่นและหยุดนิ่งลงก่อนจะเดินออกไป

 

“มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า…”

 

ไม่มีใครรู้ว่าตอนที่นางเดินออกไปมีน้ำตาไหลอาบแก้มนั้น นางโศกเศร้าและไม่รู้

เลยว่าซือหยูรักคนอื่น! แต่นางก็ยังคงมีความปรารถนาและความหวังในใจ…

 

หวูอู๋ยี่ส่ายหน้าเมื่อมองฉีหยุนเซี่ยงดวงตานั้นแสดงความเห็นใจ

 

“แม่นางมิใช่ว่านายน้อยยังสั่งอย่างอื่นไว้อีกรึ?”

 

เมื่อเหลือเพียงสองคนวู่เหิงจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป

 

หวูอู๋ยี่หันไปมองเขาด้วยรอยยิ้มบางๆ

 

“มีเหตุที่นายน้อยให้เจ้าอยู่เป็นคนสุดท้ายยังมีภารกิจที่เจ้าต้องทำ…”

 

ฟึ่บ!

 

หวูอู๋ยี่โยนม้าเมฆาไปให้เขาจากนั้นจึงหยิบบันทึกปิดผนึกออกมา

 

“ภารกิจเขียนไว้ในบันทึกพอกินม้าเมฆาไปแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะผ่านวิบัติสวรรค์หรือไม่ เจ้าก็ต้องเปิดอ่านมัน”

 

วู่เหิงตื่นเต้นเป็นอย่างมากเพราะเขาไม่เคยได้มันสักครั้งแม้จะเป็นองครักษ์เงาทมิฬ! ในตอนนี้ เขาไม่สนใจอีกแล้วว่าซือหยูจะมีม้าเมฆาเท่าใด เพราะมันก็โชคดีอยู่แล้วที่เขาได้กินมัน!

 

“เข้าใจแล้ว”

 

วู่เหิงประสานหมัดให้กับนางเขาบินไปไกลพันลี้

 

เมื่อไม่มีใครในโถงหวูอู๋ยี่รีบเดินออกไป ไม่นานนางก็ถึงหน้าห้องของฉินเซี่ยนเอ๋อ นางมองดูห้องอยู่ครู่หนึ่ง

 

“นางยังบ่มเพาะอยู่อีกรึ?”

 

“ข้าอยากจะเห็นหน้าคู่หมั้นของเขาจริงๆ”

 

นางเก็บม้าเมฆาที่เตรียมไว้ให้ฉินเซี่ยนเอ๋อกลับแหวนมิตินางหันหลังจากไปหลังจากมองในห้องหนึ่งครั้ง นางถอนหายใจเบาๆ

 

“เจ้าช่างโชคดีจริงๆ”

 

นางพูดจบและบินขึ้นมองจำนวนวิบัติอัสนีที่น่ากลัวบนท้องนภาพันลี้

 

“ตอนนี้แหละได้เวลาดูคนหลายสิบคนผ่านวิบัติอัสนีพร้อมกันแล้ว”