บทที่ 171 ไอ้บ้านนอกและจน

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 171
ไอ้บ้านนอกและจน

นักเรียนเริ่มที่จะเดินออกมาจากโรงเรียนทีละคนๆและโรงเรียนที่เงียบก็ต้องเสียงดังขึ้นมาเพราะเสียงระฆังเลิกเรียน

มู่หรงเสวี่ยที่กำลังจะร้องเรียกโม่จื่อหลินตอนที่เห็น โม่จื่อหลินเดินออกมา มู่หรงเสวี่ยกำลังจะร้องทักแต่ก็เห็นว่า โม่จื่อหลินดูเหมือนจะกำลังเดินตามเด็กสาวที่น่ารักคนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา มู่หรงเสวี่ยที่กำลังจะเดินลงจากรถแต่ก็ต้องกลับเข้าไปเพราะกลัวว่าจะรบกวนโม่จื่อหลิน

“เสี่ยวหลิง เป็นอะไรของเธอเนี่ย? ทำไมช่วงนี้เธอพยายามหลบหน้าฉันตลอดเลย?” โม่จื่อหลินรีบก้าวไปข้างหน้าและจับที่มือของเด็กสาวไว้

ดูเหมือนเด็กสาวพยายามที่จะอดทนอย่างมากเหมือนกัน ดึงมือกลับมาจากโม่จื่อหลิน คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อยพร้อมน้ำเสียงที่พูดออกมาก็ไม่ค่อยจะสุภาพเท่าไร “นายกับฉันมันจบไปแล้ว อย่ามารบกวนฉันได้ไหม”

“ทำไมล่ะ? ก่อนหน้านี้เราสนิทกันมากไม่ใช่เหรอ? ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่า?” โม่จื่อหลินไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้พวกเขาคุยกันถึงเรื่องชีวิตและความคิดต่างๆมากมาย พวกเขามีความสุขกันมาก เสี่ยวหลิงก็อ่อนโยนอย่างมากไม่ได้มีสีหน้าที่เย็นชาเหมือนกับตอนนี้

เด็กสาวยืนกอดอก น้ำเสียงของเธอเริ่มที่จะเย็นชาขึ้นเรื่อยๆและเธอก็มองโม่จื่อหลินอย่างดูถูก “นั่นก็เพราะหน้าตานายก็ดูดีและเสื้อผ้าก็ดูราคาแพง ก็เลยคิดว่าครอบครัวนายจะมีตังค์ ฉันคิดว่านายจะมีชื่อเสียงแต่ไม่คิดเลยว่านายจะต้องทำงานเป็นติวเตอร์ให้คนอื่น ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะแบบนี้!”

“เสี่ยวหลิง เธอ…” โม่จื่อหลินดวงตาเบิกกว้างไม่อยากจะเชื่อ เสี่ยวหลิงคนนี้ไม่ใช่เด็กสาวที่น่ารักเหมือนที่เขารู้จักเลย

“มองอะไรไอ้บ้านนอก? เป็นคนจนแล้วยังจะอยากมีแฟน ไปให้พ้นเลยนะ!” เด็กสาวคนนี้พูดด่าหยาบคายออกมา
โม่จื่อหลินยืนนิ่งและไม่พูดอะไรอีก สีหน้าของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ พูดตามตรงเขาไม่ได้รู้สึกเศร้าเลย เขาเพียงแค่มองคนผิดไปเท่านั้น

มู่หรงเสวี่ยทนดูไม่ได้ ลงจากรถพร้อมกันนั้นก็ร้องเรียก “เสี่ยวหลิน!”

โม่จื่อเหวินเองก็ลงมาจากรถและการผสมกันของชายรูปงามกับหญิงสาวแสนสวยก็ดึงดูดสายตาของผู้คนได้มากมายในเวลาเดียวกัน

โม่จื่อหลินมีท่าทางแปลกใจขึ้นมาทันทีและรีบวิ่งเข้าไปกอดมู่หรงเสวี่ยอย่างรวดเร็ว “พี่มู่หรงเสวี่ย พี่กลับมาแล้วเหรอฮะ?”

มู่หรงเสวี่ยเองก็กอดเขาอย่างมีความสุขแล้วจึงพูดออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า เมื่อไม่นานนี้เอง นายสูงขึ้นมากเลยนะ!” เธอแตะที่หัวเขาและมองไปที่รูปร่างของเขา ร่างกายเขาไม่น่าจะมีอะไรผิดปกติ

“พี่มู่หรงเสวี่ย ผมโตแล้วนะไม่ใช่เด็กๆแล้ว” โม่จื่อหลินพูดด้วยท่าทางน่ารัก

“พอเจอพี่มู่หรงเสวี่ยแล้วก็ไม่ทักทายพี่เลยใช่ไหม?” โม่จื่อเหวินเห็นว่าน้องชายไม่สนใจการมีอยู่ของเขาเลย

โม่จื่อหลินหันหัวมาและแลบลิ้นออกมา เขาพูดออกมาอย่างอายๆ “พี่ใหญ่!”

ในตอนนี้คนที่มองอยู่รอบๆเริ่มจะซุบซิบแล้ว
“โอ้ พระเจ้า นั่นใช่ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ปหรือเปล่า?”

“ใช่ ใช่เขาเลย ฉันเห็นบทสัมภาษณ์ของเขาในรายงานข่าว”

“คนที่อยู่ข้างๆเขาดูเหมือนจะเป็นลูกสาวของตระกูล มู่หรงนิ”

“ใช่เธอจริงๆด้วย เธอได้รับรางวัลเกียรติยศมากมายของประเทศของเราด้วยนะ”

เด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงนั้นเปลี่ยนสีหน้าและมือก็กำแน่น เธอเห็นว่าโม่จื่อหลินคุยอย่างสนิทสนมกับสองคนนั้นที่ถูกพูดถึง แถมเขายังเรียกพวกเขาว่าเป็นพี่สาวและพี่ชายอีกด้วย

หลังจากนั้นสักพักเธอก็ปรับสีหน้าและเดินตรงเข้ามาพร้อมรอยยิ้มแสนหวาน

“จื่อหลินนี่พี่ชายกับพี่สาวนายงั้นเหรอ?”
โม่จื่อหลินหันกลับมาและมองไปที่เธอด้วยสีหน้านิ่งเฉย ในตอนนี้เสี่ยวหลิงมีรอยยิ้มเหมือนที่เคยมีแต่ก่อน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?! พวกสองบุคลิกหรือไง?!! เขาไม่ได้ตอบสนองอะไรอยู่นาน

แวบประกายเย็นชาแวบขึ้นมาในสายตาของมู่หรงเสวี่ย เด็กสาวนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ เธอมีจิตใจที่หนักแน่นตั้งแต่อายุน้อยแบบนี้ โชคดีที่เธอเด็กไปที่จะเก็บอารมณ์ ถ้าเธอโตขึ้นอีกหน่อยก็เดาว่าเสี่ยวหลินคงถูกเธอเขมือบเข้าไปแล้ว
“เสี่ยวหลิน นี่ใครกันเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถาม
ดวงตาของเด็กสาวเปล่งประกายในชุดสดใส มันจะคงดีมากถ้าเธอได้รู้จักกับลูกสาวของตระกูลมู่หรง เธอคงไม่พูดอะไรแบบนี้ถ้ารู้ว่าตัวตนของโม่จื่อหลินเป็นแบบนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะเขา นี่มันชัดเจนแล้วว่าครอบครัวเขารวย งั้นทำไมต้องมาทำงานด้วยล่ะ? นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน

โม่จื่อหลินหันหัวไปมองที่เด็กสาวน่ารัก ประกายเย็นชาแวบในสายตาของเขา เขาไม่ใช่คนโง่ เสี่ยวหลิงเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนดี เธอยังอยากที่จะมาสนิทกับพี่สาวของเขาที่แสนจะน่ารักมากอีกด้วย เขากลัวว่าเธอจะมาทำให้พี่สาวเขาต้องแปดเปื้อน

เด็กสาวเผยรอยยิ้มแสนหวาน สายตาแสดงความภูมิใจเล็กๆ เธอกำลังรอให้โม่จื่อหลินแนะนำเธอกับพี่ชายและพี่สาว เธอจะได้เป็นแฟนเขาหรือเปล่านะ?! ในใจของเธอ เธอไม่รู้สึกเลยว่ามีอะไรผิดกับสิ่งที่เธอเพิ่งพูดไปแบบนั้นเมื่อกี้ ในความคิดของเธอโม่จื่อหลินมักจะอ่อนโยนและไม่เคยโมโหเลยสักนิด ตราบใดที่เธอยั่วยวนเขาซะหน่อย เขาก็จะลืมเรื่องที่เธอพูดแล้ว

“พี่มู่หรงเสวี่ย ผมไม่รู้จักคนนี้เลย ไม่ต้องไปสนใจหรอกครับ ว่าแต่ครั้งนี้พี่มู่หรงเสวี่ยจะมาอยู่กี่วันครับ?” ตอนนี้เขาสนใจเรื่องของพี่มู่หรงเสวี่ยมากกว่า

ทันทีที่เด็กสาวได้ยินคำพูดของโม่จื่อหลิน สีหน้าที่เคยยิ้มอย่างอิ่มเอิบก็เปลี่ยนเป็นเบิกตากว้างและพูดออกมาด้วยเสียงที่เกือบจะควบคุมไว้ไม่อยู่ “จื่อหลิน นายทำ…ฉันมีเหตุผลนะ…” น้ำตาที่ร่วงหล่น เสียงที่อ่อนโยนและความคับแค้นใจที่ไม่สามารถพูดได้ ผู้คนที่ไม่รู้เรื่องต่างก็คิดว่าพวกเขารังแกเธอ

มู่หรงเสวี่ยไม่ได้พูดอะไรแต่เพียงแค่มองไปที่โม่จื่อเหวิน ถึงแม้เธออยากที่จะฉีกหน้ากากผู้หญิงสองหน้าคนนี้แต่เสี่ยวหลินจะต้องจัดการปัญหาแบบนี้ด้วยตัวเอง

โม่จื่อเหวินก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ในสายตาของเขา นี่มันก็เป็นแค่เล่ห์เหลี่ยม เขาไม่อยากที่จะเข้าไปยุ่ง นอกจากนี้เขาก็รู้จักน้องชายตัวเองและเขาคงไม่ยอมถูกหลอกต่อหน้าพี่สาวคนโปรดของเขาหรอก

“โอ้ ฉันไม่รู้ว่าฉันไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจจนต้องมาบอกว่าฉันเป็นไอ้บ้านอกและคนจนแบบนี้?” โม่จื่อหลินไม่เหมือนกับแต่ก่อน ในตอนนี้ริมฝีปากของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย็นชา

เสี่ยวหลิงที่พยายามหลบซ่อนสายตาจากเขา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเขาดูมีเสน่ห์ขึ้นมา เขาดูน่าสนใจขึ้นมาทันทีในสายตาของเธอและใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่อเล็กน้อย หลังจากที่ได้รู้จักเขามานาน เธอก็เพิ่งได้เห็นว่าเขามีด้านนี้เป็นครั้งแรก

แล้วเธอก็นึกได้ว่าตัวเองเพิ่งจะพูดอะไรออกไป สีหน้าเธอเปลี่ยนเป็นซีดขาว เธอกัดริมฝีปากและพูดออกมาเสียงเบา “นายเข้าใจฉันผิด ฉันจะอธิบายให้นายฟังทีหลัง…” มันดึงดูดให้รู้สึกผิด

มู่หรงเสวี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆมองดูด้วยความเพลิดเพลิน เธอชื่นชมเด็กสาวคนนี้จริงๆ ตอนนี้เธอยังไม่โตพอ ถ้าเธอโตขึ้นจะต้องเป็นเสี่ยวเข่อลี่คนที่สองแน่ๆ

เมื่อนึกถึงเสี่ยวเข่อลี่ สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยก็เปลี่ยน เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอได้นัดเจอกับคนของเสี่ยวเข่อลี่ที่อยู่ดีๆก็โทรมาหาเธอ เสี่ยวเข่อลี่หายตัวไป! ในใจเธอรู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจ เธอรู้ว่าครั้งนี้เสี่ยวเข่อลี่เกลียดที่จะต้องหายตัวไปแบบนี้มากแค่ไหน เดาว่าองค์กรในชีวิตที่แล้วคงจะมารับตัวเธอไป เธอจะรู้สึกมั่นใจเมื่อได้รู้ข้อมูลที่ชัดเจนของเสี่ยวเข่อลี่ ไม่งั้นเธอคงสร้างปัญหาให้เธออีกแน่ๆ

แต่ในชีวิตนี้ เธอจะไม่โง่เหมือนในชีวิตที่แล้วอีก เธอจะต้องพัฒนาอำนาจของตัวเองให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อที่เธอจะได้สู้กับศัตรูได้

“ไม่ต้องอธิบายหรอก ต่อไปอย่ามาโผล่หน้าให้ฉันเห็นอีก ฉันรู้สึกอยากจะอ้วก” โม่จื่อหลินพูดกับเสี่ยวหลิงแล้วก็มองมาที่ มู่หรงเสวี่ยพร้อมรอยยิ้ม

“พี่สาวไปกันเถอะ เราจะไปไหนกันดี ไปบ้านเหรอฮะ?”
“ไม่หรอก ตอนเย็นนายยังมีเรียนต่ออีก ฉันจะพานายไปกินข้าว…” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างรักใคร่ ท่าทางของเสี่ยวหลินที่มีต่อเด็กสาวเมื่อกี้ทำให้เธอรู้สึกโล่งใจ
ทั้งสามขึ้นรถไปด้วยกัน ปล่อยให้เสี่ยวหลิงที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ท่าทางสีหน้าของเธอแสดงบิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ดุร้ายออกมา

มู่หรงเสวี่ยและเสี่ยวหลินที่อยู่ในรถคุยกันหลายเรื่องเพื่อที่จะยืนยันว่าเด็กสาวคนนั้นไม่ได้มีผลอะไรกับเขาก่อนที่เธอจะวางใจจริงๆ แล้วมู่หรงเสวี่ยก็เช็กชีพจรของเขาด้วย โชคดีที่ร่างกายของเขาไม่มีปัญหาอะไร เดาว่าประสิทธิภาพของน้ำแห่งจิตวิญญาณคงจะเข้าไปช่วยพัฒนาอาการของร่างกายที่อ่อนแอของเสี่ยวหลินให้ดีขึ้น

“พี่เสี่ยวเสวี่ย ผมไม่เป็นไร ตอนนี้ผมสุขภาพดีแล้วจริงๆ ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยด้วยนอกจากนี้ผมยังเข้าร่วมการแข่งขันประเภทลู่และสนามด้วย ถึงแม้จะไม่ได้ชนะรางวัลที่หนึ่งแต่ก็ได้ที่สามเลยนะฮะ งั้นพี่สาวไม่ต้องห่วงเรื่องผมแล้วนะ…”

“เสี่ยวหลินของพี่เก่งมาเลยนะ! แต่พี่ได้ยินมาว่านายทำงานด้วย นายยังเด็กอยู่เลยนะ ลาออกจากงานพาร์ทไทม์เถอะตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือการเรียนนะ…” มู่หรงเสวี่ยแตะไปที่หัวเขาและพูดออกมา
“พี่สาวผมโตแล้วนะและงานที่ผมทำก็ไม่มีผลกระทบกับเรื่องเรียนด้วย แถมเกรดตอนนี้ของผมก็ได้ที่หนึ่งทุกครั้งเลยด้วย ผมจะไม่ให้งานมากระทบกับเรื่องเกรดแน่นอนฮะ พี่มู่หรงเสวี่ย ผมไม่อยากลาออกจากงานจริงๆนะฮะ ผมอยากที่จะเก่งเหมือนกับพี่ ผมไม่อยากที่จะต้องคอยพึ่งพาพี่…” น้ำเสียงที่เขาพูดออกมาเริ่มเบาลงเรื่อยๆ อันที่จริงเขารู้สึกว่าทั้งพี่สาวและพี่ใหญ่ต่างก็เก่งมากจนเขารู้สึกเหมือนเป็นตัวถ่วงพวกเขาอยู่ตลอด เขาไม่อยากที่จะต้องรู้สึกไร้ค่าไปเรื่อยๆ ถึงแม้เงินเดือนมันจะไม่ได้มากแต่ในที่สุดเขาก็ได้ใช้ความสามารถของตัวเองในการหาเงินพวกนี้มาเอง

มู่หรงเสวี่ยตะลึงแล้วจึงพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าเสี่ยวหลินจะโตขึ้นแล้วจริงๆด้วยนี่ทำให้พี่สาวรู้สึกวางใจขึ้นมากเลยนะ ในเมื่อนายชอบแบบนี้นายก็ทำเถอะแต่มีเงื่อนไขหนึ่งข้อนะ นั่นคือห้ามหักโหมจนเกินไปรู้ไหม?” นี่คือความรู้สึกของคนในครอบครัวเมื่อเห็นว่าเด็กๆโตขึ้นแล้วหรือเปล่านะ?! อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกพอใจอย่างมาก ก่อนหน้านี้เสี่ยวหลินมักจะอ่อนแอและบอบบาง เธอต้องดูแลเขาอย่างระวังซึ่งทำให้เธอรู้สึกเป็นห่วงอย่างมากเวลาที่ได้เห็นเขา